***** "รู้จักทุกข์อย่างผู้มีปัญญา" *****
หวัดดียามเที่ยงๆ
เราหิวอาหารเพราะถึงเวลาเที่ยง
เราก็ไปกินอาหาร
เรากินแล้วก็อิ่ม
ชีวิตดำเนินมาเป็นเช่นนี้
เราอยู่กับความหิวและอิ่มในมื้อเที่ยง
แต่เราไม่เคยรู้เลยตลอดชีวิต
ว่าไอ้ที่เราหิวนั้น มันจากมาเป็นเราอิ่มตอนไหน
เรารู้อีกทีก็คือ...กูอิ่มแล้ว
แต่ไม่รู้ว่า หิวที่มาก่อนอิ่ม
มันจากเราไปในตอนไหน..!!
เรามองไม่เห็นทุกข์จากความหิวที่เราเผชิญ
นั่นเพราะเรามีอิ่มมารองรับความหิวที่เราผัสสะ
หากหิวโดยไม่มีอะไรมารองรับ
เราจะเห็นชัดถึงเวทนาต่างๆของเรือนกายนี้
ผู้มีปัญญา จะเห็นชัดถึงการมีกายนี้มันแสนทรมาน
การทุรนทุราย เพื่อให้ความหิวจางหายไป
มันต้องใช้วิธีกินๆๆๆ
และต้องกินๆๆในสิ่งที่ตนชอบ
แต่เมื่อไม่ได้กิน
หากผ่านเลยไปบ่าย ความหิวจะค่อยๆจางคลาย
ที่รู้สึกหิวนั้น มันเป็นเพียงแค่กิเลสแห่งสัญญาที่มันเคยชินล้วนๆ
เคยกินเย็นหรือค่ำ
ความหิวก็จะมาเยือนตอนนั้นอีก
นี่..เพราะมันมีสัญญาของมัน
หากค่ำไม่ได้กิน ความหิวมันก็จะจางคลาย
ที่ยังรู้สึกอยู่ มันก็ยังคงเป็นสัญญาอันเคยชินเท่านั้น
เช้ารุ่งขึ้น หากไม่เคยกินอาหารเช้า
มันก็จะไม่หิว
หากเคยกินสายๆ มันก็จะไปหิวตอนสายๆ
หากสายไม่ได้กิน ความหิวก็จะจางคลาย
พอเที่ยง มันจะหิวอีก
และมันจะวนเวียนเช่นนี้ตลอดสองสามวันแรก
หากเรางดอาหารเพื่อที่จะดูการทำงานของกายมัน
หากเรางดออกไปอีก ในรูปแบบเดิมๆ
เราจะเห็นชัดและยืนยันแก่ใจเราได้ว่า เราหิวน้อยลง
ความโหยจะเข้ามาหา
ความโหยนี่เป็นโปรแกรมสัญญาอย่างหนึ่ง ในการเรียกร้องให้เป็นไปตามแนวทางของโปรแกรม
เมื่อยังไม่ได้รับการตอบสนอง
ร่างกายมันจะมีโปรแกรม ดึงน้ำดึงอาหารที่สะสม
รวมไปถึงกากอาหารที่อยู่ในลำไส้ขึ้นมาใช้ประคองชีวิต
การขี้เยี่ยวจะน้อยลง และไม่มีเลย ในวันที่สอง สาม สี่
ไขมันจะเริ่มโดนดึงสลายยุบลงไปเรื่อยๆ เพื่อมาชดใช้แรงกาย
วันที่...