นิทาน…แห่งสัญญาจำ

นิทาน…แห่งสัญญาจำ

693
0
แบ่งปัน

******* “นิทาน…แห่งสัญญาจำ” *******

หวัดดี…..

ข้าจะเล่านิทานให้ฟังเอาไหม เอาเรื่อง ตัวเลข 14,667 นะ พวกเด็กๆ

หากย้อนไปสมัยก่อนโน่น.. นานมากทีเดียว มีเมืองขนาดกลางๆ คนซัก สองสามล้านคน ประกอบอาชีพทำมาค้าขายกันด้วยความอุดมสมบรูณ์ ตลอดหลายชั่วอายุคน บ้านเมืองก็สงบจากภัยสงคราม

แต่กาลหนึ่ง ภัยสงครามกำลังจะก่อตัว มันมีเมืองล่าอาณานิคม เป็นทัพใหญ่ กำลังจะเข้ามาเพื่อมุ่งตีเมือง หวังเอาอาหารและทรัพย์สินทั้งหลายจากเมืองนี้ ไปเป็นเสบียง

แต่ไอ้ยุ้ยมันไม่ยอม.. ไอ้เดียร์ก็เห็นด้วย มันบอกว่า มันไม่ยอม.. ในเมืองเกิดความระส่ำระสาย ที่จู่ๆ สงครามกำลังก่อตัวขึ้น

ในเมืองเมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดสงคราม ชาวเมืองและชาววังจึงแตกออกเป็นสามฝ่าย

ฝ่ายแรก… เป็นฝ่ายผู้นำ มีใจห้าวหาญ คิดปกป้องเมือง

ฝ่ายที่สอง… เป็นพวกรักสันติ ขอยอมความกับเขา เชื่อว่าเขาคงไม่ทำอะไรหากเรายอม เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไป ขอร้องเขาอย่าได้มาทำลายทำร้ายชาวเมืองก็พอ

ฝ่ายที่สาม… เป็นพวกมีกระตังค์ มีทรัพย์ กลัวตายและกลัวเสียทรัพย์ รวมตัวกันเพื่อคิดหนี ไม่สู้ ไม่ยอมก้มหัว หนีอย่างเดียว

ผู้คนกว่าสามล้านคน แบ่งเป็นฝ่ายที่คิดหนีเอาตัวรอด เพื่อไปสร้างเมืองใหม่ จำนวนล้านเศษ บางพวกหนีไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ส่วนพวกรักสันติ เกิดความลังเล จะหนี หรือจะยอมเขาดี หากหนีไป บ้านช่องทรัพย์สินจะทำอย่างไร กลัวก็กลัวว่าพวกข้าศึกจะดักปล้นกลางทาง

อีกพวก ต่างป่าวประกาศระดมผู้กล้า เพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดิน ผู้นำได้บอกว่า พี่น้องเอ๋ย ศึกมันเกิดขึ้นแล้ว เหมือนความแก่ความเจ็บที่มันกำลังจะเกิดขึ้นกับเรา เราหนีมันไม่พ้น

เราเลี่ยงมันไม่ได้… หากเราหนี เราก็ต้องหนีอีกอยู่ร่ำไป เพราะเราจะกลายเป็นคนจรที่ใครๆ ต่างก็จ้องที่จะรังแก หากเราไม่สู้ รอขอโอกาสจากพวกศัตรู พวกเขาก็จะย่ำยีเราเอาตามใจชอบ

“.. ข้าศึกมันมาแล้ว เหล่าพี่น้องเอ๋ย….

เหมือนโรคภัย ที่มันกำลังคลาน เข้ามาหา

เราจะหลบ ที่ไหน แห่งหนใด มันก็คอย พรากชีวา

เราต้องหา หยูกยา มาพอประทัง

แม้สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็อาจตาย เลือกสู้ดีกว่าเพื่อนผอง

แม้เลือดเนืองนอง ก็ยังนับได้ว่า เป็นผู้กล้าที่ยืนหยัดสู้

ชัยชนะแม้หมดหวัง มันห่างไกลแสนหดหู่

เราขอสู้เพื่อรักษาปฐพี เพื่อลูกเมียและพี่น้องเรา ..”

ชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าขืนสู้พวกเขาก็จะตายเปล่า กำลังข้าศึกมันแสนมากมายมหาศาล มันแค่เหยียบผ่านแผ่นดินก็ลุกเป็นไฟ

อีกฝ่ายบอกไม่ไปไหน และไม่ขอสู้ เขาปรารถนาอะไรก็ให้เขา ก้มลงกราบขอนอบน้อมเขาคงไม่ทำอะไรเรา ดีกว่าความคิดโง่เขลาที่จะสู้หรือหนีทิ้งบ้านเมืองไป

“.. คนมากมาย กว่าสองล้านไม่ขอสู้

แสนหดหู่ ใจผู้นำ ที่เห็นกาล แห่งความพินาศ

นี่… ถ้าพวกเรา สู้และป้องกัน ยืนยัน กันไม่ขี้ขลาด

บ้านเมือง คงไม่ถึงกาล พินาศง่ายดาย อย่างแน่นอน

ผู้นำตัดใจแล้ว ขอยืนยันประกาศสู้…

ให้โลกรู้…. กูขอสู้ไม่มีถอย

แม้เลือดสาด เนื้อกระเซ็น ไปทั้งดอย

กูจะไม่ถอยให้ใครล้ำ มาทำลาย ..”

ผู้นำรวบรวมกำลังได้จำนวนหนึ่ง เตรียมตัวที่จะสู้รบกับศึกใหญ่ อีกพวกรวมตัวทยอยถอยออกจากเมืองไป อีกพวกคอยหลบภัยในบ้านเรือน สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย มองกลุ่มกำลังผู้กล้าแล้วฝืนกัดฟัน

มาเถอะพี่น้องเอ๋ย แม้กำลังเรามีกันเพียงแค่นี้ เราก็ขอปกป้องปฐพี เพื่อน้องพี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง เพื่อให้เขาได้มีชีวิตที่รุ่งเรือง หากเขารอดจากภัยสงครามแห่งเมืองในครั้งนี้

ประตูเมืองเปิดออก เหล่าทหารกล้าทั้งหนุ่มแก่ ต่างเฮออกไปยันกับข้าศึกนอกเมือง น่าสะท้านใจ ข้าศึกมีกำลังแสนใหญ่ แค่ทัพหน้าก็กว่าเจ็ดแสน

พวกเขาต่างเฮกันออกมาปกป้องเมืองด้วยความเต็มใจ พร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นเพื่อนปลอบใจ ที่ได้ปกป้อง แค่ไม่ถึงครึ่งวัน เหล่าผู้กล้ากว่าหมื่นคน ตายเรียบไม่เหลือซักคนให้ใครหมองใจ

ก่อนโดนข้าศึกรุมแทงกาย หลายรายเอาดาบปักดินและหันยิ้มกลับมายังเมือง พ่อภูมิใจลูก พ่อภูมิใจ ที่ได้ฆ่าฟันศัตรูให้มันเจ็บได้บ้าง ได้ตายอย่างชาติชาย ไม่เสียดายที่ได้เกิดมาเป็นผู้ปกป้อง

พ่อทำได้สุดกำลังที่จะปกป้องได้เพียงแค่นี้ ขอลูกมีความปลอดภัย และจงอยู่รอดอย่างผู้ภูมิใจ ที่ผองเรา ได้ปกป้องกันอย่างเต็มที่

เหล่าผู้กล้าคนแล้วคนเล่า ล้มลงอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่มีใครหวั่นที่จะต้องสาดเลือดให้มันนองทั่วผองปฐพี ชีวิตนี้เกิดมาได้ทำดี ปกป้องชาติ ครอบครัวและบ้านเรือน

ข้าศึกบุกเฮเข้าไปประชิดเมือง พวกรักสันติเปิดประตูเมืองให้ด้วยความนอบน้อม หวังให้ศัตรูไม่ทำลายและทำร้าย แต่สิ่งที่ได้คือ

เหล่าข้าศึกใช้ดาบฟันอย่างไร้ความปราณี แต่ละคนหนีกันหัวซุกหัวซุน ข้าศึกไปทางไหน มันก็ฆ่ากันตรงนั้น บางคนคุกเข่าขอร้องขอชีวิต มันก็ใช้ดาบปลิดคอหอยหัวหายไปจากบ่า

พวกผู้หญิงต่างโดนฉุดมาข่มขืนกันต่อหน้าต่อตา ทั้งพี่ชายทั้งพ่อทั้งผัว แทบเป็นบ้า คนที่รักและบูชาโดนย่ำยี พวกข้าศึกมันหัวเราะเร่งร่า ฮ่าๆๆ

มันจับสาวกลางคน แก้ผ้าแล้วข่มขืนขยำขยี้ ลูกชายที่โดนมัดคุกเข่า มองเห็นแม่ตนกำลังโดนย่ำยี โอ้..ชีวิตนี้มันแสนปวดร้าวยิ่งกว่าสิ่งใด

แม่ร้องไห้เสียงหวีดร้องมันทำลายหัวใจลูกนัก เจ้าลูกชายร้องไห้ฮึดฮัดอยากช่วยแม่ พวกมันก็ยังเรียงตัวกันข่มขืนทำลายอย่างไม่แคร์

เสียงร้องของแม่ ทำให้เหล่าลูกแทบตายตาม นี่มึงหยามจิตใจอภัยไม่ได้แล้ว ขอกูได้กัดมึงซักทีเหอะไอ้โจรร้าย มึงทำลายทำร้ายหัวใจป่นทนไม่ไหว ตายเป็นตาย ขอให้ได้กัดมันขอแค่นี้กูยอมตาย ชีพสลายตายเป็นตายขอกัดมึง

ที่สุดก็… ได้ตายสมใจ มันฟันโช๊ะเข้าให้สะพายเฉียง ร่างขาดกลางค่อยๆล้มตัวเอียง ได้ตายเคียงคนอื่นๆที่ล้มตาย แต่ก่อนตายยังได้นึกถึงผู้กล้า พวกเขามันบุญนักหนา ที่ได้ฆ่ามันซักหน อันตัวกูมันย่ำยีและฆ่าอย่างปี้ป่น แม้จะกัดมันซักคนไม่ได้เลย

นี่… เขาก็ตายแต่ทำอะไรมันไม่ได้ ชีวีวาย ทั้งแม่เมียโดนข่มขืน แสนปวดร้าวก่อนจะตายสุดกล้ำกลืน แค่ขอฝืนไปกัดมันยังไม่มี

พวกผู้หญิงโดนต้อนไปข่มขืน เหล่าผู้ชายโดนฆ่าแทบไม่เหลือ ทั้งอาหารทรัพย์สินมันปล้นหมดแม้เกลือ มันค้นเอาไม่เหลือสมเป็นโจรมารุกราน

ก่อนตัวตายต่างได้น้อมยกย่องเหล่าผู้กล้า ที่ใจกล้าท้าตายแสนผยอง เขาเองกลับต้องตายน้ำตานอง มือทั้งสองไม่ได้ฟันน่าเสียดาย ก่อนตัวตายขอได้หยิกได้ข่วนมันก็ภูมิใจหลาย กัดมันก็ได้ขอโอกาสมีให้ฉัน โปรดยกโทษที่คิดผิดอภัยให้กัน ขอติดตามท่านไปทุกชาติเลย

เหล่าพวกที่หนี ก็จนมุมกันที่ทะเล
พวกผู้คนต่างโดนปล้นและฆ่าทิ้งไม่เหลือหลอ บางคนแค้นแสนแค้นที่หนีมาไม่ได้อยู่เพื่อปกป้อง เขาตายกันนองแผ่นดิน สิ้นตระกูล

ที่เหลือรอดก็มีแต่มีน้อย ในเมืองก็เต็มไปด้วยการปล้นสะดม เมืองที่สงบสมบรูณ์ สลายในชั่วเวลาไม่กี่วัน นี่.. เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอันยาวนานแห่งกาลที่ผ่านมา

นี่แหละ… พวกนี้แหละ ที่ติดตามกันมา หลายต่อหลายครั้ง ครั้งนี้พวกเขาก็ยังสละเพื่อแผ่นดินกันเหมือนเดิม เขาทำเพื่อแผ่นดินเพื่อลูกหลาน

อีกไม่นานเขาก็ตามผู้นำทางเข้านิพพาน… คืนนี้หวัดดีแค่นี้ นิทานมันหนุกดี แต่ผู้เล่านี้แสนจุก หวัดดีๆๆ

ข้าเล่าไม่ได้เลย มันจะไปผัสสะคำให้เป็นกลอนเรื่อยเลย ข้าหนีไม่ออก ถ้าเล่าสบายๆ ก็จะง่ายกว่า เล่าๆไปถ้าลงเป็นกลอนละก็ อารมณ์เก่ามาย้อมใจแล้ว

พวกอยู่ในเมืองมันคาดผิด มันไม่คิดว่าเขาจะทำลายหัวใจเขา มันแค้นแสนแค้นที่ลูกเมียและแม่โดนกระทำชำเรา

อยากออกไปช่วยแต่โดนตรึงเอาไว้ ดิ้นไม่ได้เลย ที่สุดก็ต้องโดนฟันตาย เป็นพวกแก แกจะทำอย่างไร

บางคนขอให้ได้กัดมันซักจึก แลกกับโดนดาบหั่นคอมันก็ยอม ก่อนตายเขาจึงได้น้อมนึกถึงเหล่าผู้กล้าที่ได้ออกไปตาย เขาต่างร้องไห้เสียดายที่ตัดสินใจผิดไป

พวกนี้ เมื่อข้าตายไป มันถึงจะสำนึก และคิดถึงถ้อยคำข้า แต่ที่สุด… ก็ได้ติดตามกันมาไม่ทิ้งห่างกัน เพียงแต่ว่า ต้องไปค้างกันนานหน่อย

ส่วนพวกที่หนีกันออกไป ที่สุดก็ได้กระแสแห่งธรรม แม้นานหน่อย แต่ที่สุด ก็ติดตามพวกที่สองมาตามกระแส แต่ยังต้องเกิดแก่อีกหลายชาติ

พวกมาบุกเบิกบุญญพลัง ยุคนี้ เป็นหน่วยหน้าทั้งนั้น ตามกันมาตามกระแส หน่วยนี้ใจตั้งมั่น ไม่ยอมให้ใครมารังแก แบกปูนทรายกันแทบแย่เพื่อลูกหลานตอบแทนแผ่นดิน ข้าขอเป็นกำลังใจ

************************

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง