รู้อริยสัจ รู้อย่างไร

รู้อริยสัจ รู้อย่างไร

675
0
แบ่งปัน

*** “รู้อริยสัจ รู้อย่างไร” ***

มนุษย์นั้น มักทำตัวรู้นั่นรู้นี่ เพื่อประกาศบอกใครๆอยู่เสมอ

และเอาสิ่งที่รู้นั้น มาทิ่มแทงก็มี มาสรรเสริญก็มี

มาอบรมใจก็มี มาทำอะไรๆก็ได้ตามเหตุปัจจัย ในสิ่งที่รู้มา ไม่ว่าจะรู้อะไรมาก็ตาม

รู้นี้ มันเกิดจากความรู้สึก เช่นรู้สึกอันมีเหตุมาจากทางตาที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ทางจมูกที่ได้กลิ่น ทางลิ้นที่ได้รส ทางกายที่ได้สัมผัส ทางใจที่คิดออกมา

พอรู้อะไร ตัณหาก็ก่อเกิด อยาก ไม่อยาก เฉยๆ ในสิ่งที่รู้ มันก็เป็นตัณหาทั้งนั้นแหละ อาศัยความรู้สึกที่มันกระทบส่งมา

พอตัณหาเกิด อุปาทานก็เข้าไปปรุงแต่งตัณหานั้น ด้วยความยึดมั่นถือมั่นในสัญญาเดิมๆ เหตุต่างๆมันก็เลยเกิด

ทำไมเราต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ อย่างที่กล่าวมา…

หากเราเข้าใจว่า ไอ้ที่รู้ๆอยู่นี้นั้น มันมีเหตุปัจจัย มีความเป็นมาเช่นนี้ เราจะได้เกิดสติอยู่กับมันได้โดยไม่ทุกข์น่ะ

ที่เราทุกข์นี่ ก็เพราะเราไม่รู้ในสิ่งที่เรารู้อะไรต่ออะไรนี่แหละ

เมื่อเรารู้เหตุที่มาของสิ่งที่รู้ทั้งหลาย เราก็เลือกได้ พิจารณาได้ เรียกว่าเลือกหนทางได้

เมื่อเลือกได้ พิจารณาได้ ความทุกข์ทั้งหลายที่มันจะเกิด เราก็อยู่กับมันได้ เพราะเราพิจารณาดีแล้วที่จะกระทำมันขึ้นมาตามความรู้นั้น

คนเรานั้น..เวลารู้อะไรขึ้นมา มันก็จะว่าไปตามอำเภอใจ ขาดการพิจารณาน่ะ

เมื่อว่าไปตามอำเภอใจ มันก็ว่ากันไปตามภูมิปัญญาของสันดานแห่งตนแหละ

ทางพระท่านเรียกว่า สมุทัยน่ะ

แต่หากพิจารณาใคร่ครวญสิ่งที่รู้ก่อนกระทำออกไป ทางกาย วาจา ใจ

ทางพระท่านเรียกว่า หนทางแห่งมรรคน่ะ

นี่..มันเป็นหลักอริยสัจ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในคืนเดือนเพ็ญ จนเรานับถือเป็นพุทธมามกะทุกวันนี้

รู้แล้วใคร่ครวญก่อนที่จะทำ มันเป็นมรรค

รู้แล้วทำตามใจตนเองก่อนที่จะทำอะไร มันเป็นสมุทัย

ทุกวันนี้ เรารู้อะไรมา เราขาดการใคร่ครวญหาเหตุหาผล

ใจเรามันก็เลยเดือดร้อนกับสิ่งที่รู้มา เพราะกระทำออกไปแล้ว

หยุดใคร่ครวญซักนิดก่อนคิดทำอะไร..

มีวิญญานมากล่าวเตือนและสอนน้องๆที่บุญญพลังว่า

“ปฏิบัติเพื่อบรรลุ กับปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเข้าใจ มันแตกต่างกัน”

ความเข้าใจแม้สิ่งน้อยๆ มันก็ยังความรู้ที่ปฏิบัตินั้น นำมาใช้กับชีวิตได้จริงก่อนที่จะจากตายห่าไปจากโลกนี้

กับการปฏิบัติเพื่อให้แจ้งมรรคผลนิพพานอะไรของมึง แล้วยึดเป็นอุปาทานจนแก่ตายห่าไป เพื่อบรรลุอะไรๆที่ตั้งมั่นไว้ ด้วยอัตตาตนว่าถูก

มึงก็ตายไปกับการปฏิบัติแบบโง่ๆ โดยไม่ยอมเข้าใจเหี้ยอะไรกับชีวิตจริงๆที่มึงเกิดมาในเวลาสั้นๆอะไรนี้เลย กรุเสียดายยย..ชีวิตมึง..

นี่วิญญานดวงหนึ่งเขากล่าวไว้ กับพระท่านหนึ่งที่ตั้งมั่น ว่าตนต้องบรรลุให้ได้

พึงทำความเข้าใจ และมีชีวิตอย่างผู้มีปัญญาที่ได้เกิดมา อย่างผู้รู้จักชีวิตและภาชนะแห่งตนเถิด

เราพึงทำมันให้ดี และมีความสุขกับมันในสิ่งที่ทำ ด้วยการใคร่ครวญสิ่งที่รู้ ก่อนที่จะทำอะไร

นั่นแหละ..ท่านกำลังเป็นผู้ดำเนินไป ในแนวทางแห่งอริยสัจ ไม่ต้องปฏิบัติเพื่อให้บรรลุก่อนที่จะนำมาใช้

บอกเมียข้างๆว่า พี่ใคร่ครวญดีแล้ว ว่าจะออกบวช เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับชีสาวคนสวยคนนั้น ที่เฝ้ารอมานาน..

เมียอนุญาตไหม มาบอกข้าด้วยละกัน บางอย่างแม้ใคร่ครวญดีแล้ว

แต่หัวก็อาจแบะได้เหมือนกัน..นี่คือความไม่แน่นอนอย่างพระท่านว่า..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2563 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง