*** “วันที่หนทางตีบตันและมืดมน เราจะอยู่อย่างไร” ***
ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเดินไปจนสุดทาง พบกับความตันที่จะเดินต่อไม่ได้
การที่จะไปต่อได้ในหนทางของทางตัน นั่นก็คืออยู่ร่วมกับมัน ว่าชีวิตเราเดินมาได้แค่นี้ พึงทำใจอยู่กับมันซะ
สิ่งที่อยู่กับทางตันได้ คือทำใจพอใจและอยู่กับตัวเอง เรามองย้อนอดีตที่สวยงาม ดีงาม ในใจเรา
เราจะมีความสุขกับหนทางแห่งความมืดบอดที่จะเดินนั้นได้
ความสว่างแห่งหนทางที่จะเกิดขึ้นในหนทางที่ตีบตัน นั้นก็คือกลับไปทบทวน สิ่งดีงามที่เราได้เดินผ่านมา
ยอมรับชีวิตที่เราได้เดินก้าวมา แล้วมาเจอทางตัน ให้ถือซะว่า เป็นเส้นชัย
อยู่กับมัน ยอมรับมันและทบทวนสิ่งดีๆ ที่เคยเดินก้าวด้วยกัน
เคยเดินไปริมชายหาดกับใครซักคนที่เรารักไหม นั่นเป็นความสุขใจ..
เราย่ำเท้าไปบนชายหาด เราเดินไปบนชายหาดที่ไร้รอยเท้าในสายตาที่ทอดยาวออกไป
เบื้องหลัง เราทิ้งรอยเท้าที่เดินคู่เคียงกันไว้ มองความจริงซิ ในนั้นมีรอยยิ้มและความสุขปรากฏอยู่..
รอยเท้าที่ย่ำไว้ในทราย มันย่อมเบาบาง เจือจาง จางคลายหายไปด้วยน้ำด้วยลมและรอยย่ำซ้ำเติมของใครต่อใคร
แต่ความสุขใจที่ปรากฏในรอยย่ำนั่น มันฝังใจไม่ลืมเลือนสำหรับใครบางคน ตลอดกาล
ชีวิตมีหนทางก้าวย่างต่อไปได้เสมอ อยู่ที่เราเข้าใจและจะอยู่เช่นไรกับมันเท่านั้น..
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2563 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง