ปลิดสังขาร..ฆ่าตัวตาย

ปลิดสังขาร..ฆ่าตัวตาย

996
0
แบ่งปัน

>> ลูกศิษย์ : พอจ. ครับผมมีคำถามอยากถามครับ ขณะนี้มีข่าวพระทางอีสานรูปหนึ่งประกาศละสังขารโดยเข้าไปนอนในโลงศพแล้วปิดฝาโลง ภาวนาจนสิ้นลม อย่างนี้มันผิดธรรมชาติของการละสังขารโดยทั่วๆ ไปไหมครับ ผมสงสัยขอ พอจ ช่วยอธิบายหน่อยครับ

<< พระอาจารย์ : ข้าไม่เคยรู้ข่าวเรื่องพวกนี้ แต่พอจะอธิบายกันหนุกๆได้ การที่พระคิดละสังขารโดยเข้าไปนอนในโลง และคิดว่าจะภาวนาจนสิ้นลม ข้าว่า เป็นสิ่งที่น่าโมทนา กำลังใจเช่นนี้ มันมีเหตุปัจจัยหลายประการ

ประการแรก หวังผลนิพพานเลย แต่ในฐานะพระป่าอย่างข้า ขอบอกว่า ผลนี้ นิพพานยากหน่อย เพราะภาวะปัจจัยการอยู่ในโลงนี่ มันฟ้องเหตุอยู่ มันเป็นการไปห่วงสังขารซะ

หากหวังผลนิพพาน สู้นั่งสมาธิพิจารณาจนตายคากุฏิจะดีกว่า เกิดพ่ายใจขึ้นมาคนจะได้ไม่มาด่า เวลาคนด่านี่ มันด่าแบบไม่เห็นหัวความเป็นพระเป็นเจ้าหรอก มันด่าแบบชิ๊บหายป่นปี้กันเลยทีเดียว หากไม่ตายได้ดั่งใจมัน

การภาวนานี่..ความหมายมันกว้าง หากท่านได้หลักและอุบายจิตโดยแท้แล้ว แต่ขาดปัญญาที่จะทะลุแจ้ง เอาความตายแห่งชีวิตเข้าล่อ อย่างนี้ก็พอมีสิทธิ์ จะตายทั้งที ไม่จำเป็นต้องเข้าไปคุดคู้อยู่ในโลง

แต่หากต้องการเข้าสู่กระแสนิพพาน โดยการกระทำเช่นนี้ ก็ให้ทำอย่างเงียบๆ อย่าให้เป็นข่าว เป็นข่าวเมื่อไหร่ โลกแบ่งฝ่ายทั้งติเตียนและสาธุคุณ

เพราะโลกย่อมไม่เข้าใจ ในนัยยะแห่งเหตุที่กระทำ มันก็จะเป็น โลกวัชชะ แต่ถ้าตายจริง ก็ไม่แน่ว่า จะพ้นได้จริงรึเปล่า

การเอาความตายเข้าไปแลก ต้องเป็นผู้ที่ได้ธรรมเกิดขึ้นในใจแล้ว ไม่ขั้นใดก็ขั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็มีดวงตาเห็นธรรม มองเห็นความจริงแห่งสังขาร ว่ามันแยกออกจากเวทนาอย่างไ

ก็ต้องให้ผู้ผ่านมาแล้ว ได้คุยและวินิจฉัยดู แต่คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีใครไปวินิจฉัย ว่าได้สภาวธรรมขั้นไหน แล้วปล่อยให้ไปตาย

แต่หากว่าได้ ขั้นใดขั้นหนึ่ง แล้วเกิดวิตกว่า ใจตนนั้นประคองไม่ได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของความเป็นจริง ที่รู้เห็นแล้ว มันต้องมีสติประคองใจ ไม่ให้มันไหลออกไปตามกระแส

แต่เห็นชัดว่ากำลังใจตนมันอ่อน ไม่สามารถประคองได้ง่าย
เป็นการยากมากๆ ที่จะไม่ให้ใจมันไหลไปตามกระแสแห่งผัสสะ

การเอาตัวตนเข้าไปแลกตาย เพื่อภาวนาให้เกิดมรรคผลยิ่งๆ ขึ้นไป ในขั้นสุดท้าย
โดยการเข้าไปพร้อมตาย ภาวนาอยู่ในโลงมันก็ควรอยู่ กำลังใจขนาดยอมตาย เพื่อมรรคผลนี้ หายาก หากได้ผู้ชี้แนะ ก็จะได้ธรรมที่ยิ่งๆ ขึ้นได้

หมอชีวก ก็ไปนอนอดอาหารตาย และนิพพานในถ้ำ การนิพพานนี้ ไม่ใช่ว่า จะมามีใครเป็นคนสั่งให้นิพพานหรือไม่นิพพาน

ตราบใดที่ใจไม่ได้เจริญวิปัสสนาญาณ เข้าถึงความเป็นสมมุติในสรรพสิ่งทั้งหลาย นิพพานมันเกิดไม่ได้ การดับ มันดับที่อวิชชาดับ ไม่ใช่เจ้าของคิดอยากดับ

การดับ มันเกิดพร้อมสติและปัญญา ที่หมุนเข้าไปเข่นฆ่า ความไม่รู้ทั้งหลาย ด้วยวิปัสสนาญาณ

แต่ผู้ที่มีใจเข้มแข็ง สามารถเอาความตายเข้าไปแลกได้ หากท่านมีปัญญา และตั้งใจแน่วแน่ตามเหตุปัจจัย

ขณะจิตที่กำลังจากไป สามารถตั้งมั่นได้ การเกิดหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งเจโตวิมุติ ก็เกิดได้เช่นกัน

ในขณะที่มันดับลงพร้อมกับการจากไปแห่งเรือนกาย แต่หากไม่ใช่ การแสดงหรือการทำ ก็จะตายอย่างฟรีๆ และทุรนทุราย กลายเป็นจิตมุ่งลงไปสู่อบายภูมิ เกิดเป็นเดรัจฉานเป็นอย่างต่ำ

ยิ่งถ้าออกข่าวใหญ่โต คนเขาก็จะดูว่าท่านตายจริงไหม การโดนด่าและการประนาม ก็จะตามมาหูอื้อก็แล้วกัน

การยอมตายนี้เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่เมื่อเป็นข่าว หากไม่ตายจริง ก็โดนด่าเล๊ะ
แต่ถ้าตายจริง ก็ดังระเบิดเหมือนกัน แต่ดังหลังตายจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าตัว

การตายนี้ มันมีมูลเหตุแห่งวิบากอีก คนเคยฆ่าตัวตาย เกิดอีกมันก็จะหวลกลับไปฆ่าตัวตายอีก ธรรมชาตแห่งจิต มันเป็นของมันเช่นนั้น ประคองใจประคองตัวให้สิ้นสังขารไปตามธรรมชาติ อยู่ภาวนาที่มันกว้างขวาง เอารู้นั้นมาทำคุณให้แก่ศาสนาดีกว่า

มีคนมาถามข้าเกี่ยวกับการตาย ข้าขอค้นก่อน เดี๋ยวจะเอามาให้พวกเราฟัง


 

>> คำถาม : เรียนถามพระอาจารย์ครับ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้ไปร่วมงานศพพ่อรุ่นน้องที่จังหวัดชุมพร พ่อน้องเค้าเป็นมะเร็งที่ปอด รักษามาแล้วหลายเดือนด้วยความทรมานของเนื้อร้าย ร้องโอดโอยให้ช่วยตลอดเวลา

ในช่วงที่อยู่โรงพยาบาล ลูกชายก็ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ลูกชายได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของพ่อตลอดเวลา

จนสุดท้ายได้ตัดสินใจบอกหมอที่ทำการรักษา ให้ฉีดยาให้ท่านไปสบายเถอะ จะได้ไม่ทรมานกับโรคร้ายนี้

โดยหมอบอกว่าต้องเซ็นเอกสารยินยอมจึงจะสามารถทำให้ได้ ลูกชายได้ไปปรึกษากับญาติพี่น้อง สรุปแล้วก็เซ็นเอกสาร จากนั้นหมอก็จัดการให้ท่านไปสบาย

ผมกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า การกระทำแบบนี้เป็นเหตุให้เกิดปาณาติบาตหรือไม่ครับ หรือมีอวิชชาที่ผมยังไม่ทราบ โปรดชี้แจ้งให้กระจ่างด้วยครับ ขอบคุณครับ

<< ข้าตอบว่า : เป็นเจตนาดี แต่ก็มีผล เพราะเราไปขวางกรรม ที่เขาต้องเผชิญ

นี่..เรียกว่า ฆ่าด้วยความรัก แม้ทุกคนยินยอม แต่เจ้าของยินยอมรึเปล่า ถ้าเจ้าของยินยอม

และตรึกตรองดีแล้ว ว่าวิบากนี้ เป็นผลให้ทุกคนต้องลำบาก ตนเองลำบาก การปลิดชีวิตตน ผลวิบากทั้งหลาย ก็จะเกิดแก่ตนเท่านั้น เพราะเกิดจากเจตนาตน คนอื่นได้รับผลน้อย

และเจ้าของก็ต้องกลับมาเผชิญกับการฆ่าตนเอง อีกนับครั้งไม่ถ้วน นี่..เป็นผลจากการเลือกหนีวิบาก

หากเป็นการตัดสินใจของผู้อื่น แม้จะเป็นด้วยอำนาจแห่งความรัก แต่วิบากแห่งการทำลายรูป มันไม่ได้ตัดสินกันด้วยความรัก หรือไม่รักหรอกนะ ผลแห่งวิบากของผู้ร่วมฆ่ามันมีอยู่ เพราะเกิดจากการตัดสินใจเป็นเจตนา

เรียกกันว่า เป็นการสั่งฆ่า ด้วยอำนาจแห่งความรัก ไม่ต่างจาก สั่งฆ่าด้วยอำนาจแห่งความชั

เพราะต่างก็เกิดจากใจ ที่เข้าไปตัดสิน หากการสั่งฆ่าพ่อแม่ด้วยความชัง มีผลเป็นอนัตยกรรม การสั่งฆ่าด้วยความรัก ก็มีผลเป็นอนันตยกรรมเช่นกัน หากท่านไม่ส่อเจตนาร้องขอ

เพราะเจตนาจะดีหรือร้าย ย่อมเกิดจากใจที่ไหลไปตามกระแสแห่งผัสสะ ดีหรือร้าย เป็นสมมุติเกิดจากใจของเจ้าของ เรียกว่าตัณหา

ผู้ตายร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด นี่เป็นธรรมดาของผู้เสวยเวทนา ความเจ็บเป็นสมมุติที่ส่งมาจากโปรแกรมจิต ที่ใจเข้าไปเป็นเจ้าของ

ความเป็นจริงกายไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย กายมันไม่รู้ไม่ชี้ มีแต่ใจนี้ไปเป็นเจ้าของแห่งอาการ ด้วยความไม่รู้เป็นเหตุ

เมื่อเหตุมีมาอย่างนี้ โปรแกรมจิตกำลังเสวยเวทนา อันมีผลมาจากวิบากกรรม แห่งปานาติบาตที่กำลังมาให้ผล

การโดนทำลายรูป เป็นผลวิบากอย่างหนึ่งของผู้แสดง ส่วนผู้ที่สั่งทำลายรูป ก็รับผลไปอีกอย่างหนึ่ง เพราะเอาเจตนาใจเข้าไปเสือก เรียกว่าการเสือกเป็นเจ้าของแห่งผัสสะ

เมื่อเกิดการเสือก ไปขวางวิบาก เหตุเพราะทำใจรับไม่ได้กับคนที่เรารักเจ็บปวด นั่นเพราะเรารู้สึกเจ็บปวดกว่า และทนไม่ได้ที่เราเห็นเขาเจ็บปวด

การเจ็บปวดของเขา ทำให้เราพ่ายแพ้ เพราะพ่ายแพ้หาทางออกไม่ได้เราจึงสั่งฆ่า เพื่อเราหนีความพ่ายแพ้ ที่เกิดกับใจเรา

ผลนี้ ย่อมมีวิบาก เรียกว่า กรรมอันเกิดเจตนาต่อผู้พ่ายแพ้

ผู้พ่ายแพ้ ก็ต้องทนรับความพ่ายแพ้กันไปเป็นวิบาก นี่ เป็นธรรมดา

คืนนี้ โอเคนะ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 10 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง