วิธีทำอารมณ์ไปเกิดเป็นสัตว์เป็นอสูรกาย

วิธีทำอารมณ์ไปเกิดเป็นสัตว์เป็นอสูรกาย

467
0
แบ่งปัน

**** “วิธีทำอารมณ์ไปเกิดเป็นสัตว์เป็นอสูรกาย” ****

ข้าเล่าเรื่องพวกที่จะต้องไปเกิดในอบายให้ฟังดีกว่า เอาไหม

ว่าเราจะสังเกตได้จากอะไร

และมีอาการอย่างไร

เผื่อพวกแกจะเป็นกัน

จะได้ระวังๆตัวไว้

ถ้าพวกแกมีอาการเช่นนี้เมื่อไหร่

ไว้ใจได้เลยว่า

มีแววไปพักผ่อนในอบายค่อนข้างชัวร์

ข้อแรก..

ผัสสะกับอะไรเล็กน้อยๆ ก็ไม่สบอารมณ์

ขี้โกรธ ไร้เหตุผล

ไม่ยอมรับฟังเมื่อมีอารมณ์

ฉุนเฉียว หงุดหงิด เป็นฟืนเป็นไฟ ยามไม่สบอารมณ์จากใคร

โดยเฉพาะคนใกล้ชิด

ข้อสอง..ผัสสะกับความไม่ถูกใจแล้วชอบเถียง

ชอบปะทะอารมณ์กับคนที่ตนไม่ถูกใจ

แจ๊ดๆๆ ทันทีที่อารมณ์ขึ้น เงียบสงบไม่เป็น

ไม่พอใจก็แว๊ดๆๆๆใส่ ในขณะที่อารมณ์ตนเริ่มรุนแรง

ไม่มีสติควบคุมอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา

ข้อสาม..ไม่ยอมรับฟังเหตุฟังผล

คอยแต่จะแก้ตัว และโต้แย้งต่อผู้ที่ตนไม่พอใจ

ใครพูดอะไรก็ไม่ถูกใจ หาข้อโต้แย้งแห่งตนโจมตีเข้าใส่

เพื่อให้ตนถูกต้องเท่านั้น

ข้อสี่..พูดเสียดสีและเหน็บแนม แสดงออกทางหน้าตาและสีหน้า

ประชดประชัน เพื่อทำลายล้าง ให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียดแทง และเจ็บปวด

สะใจ เมื่อเห็นเขาโกรธ หัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยคำพูดที่ออกจากเจตนาเรา

ข้อห้า..อยู่เฉยๆไม่เป็น ต้องให้ร้าย นินทาผู้อื่นให้แก่ใครๆฟัง

เอาเรื่องที่ตนเห็นว่าไม่ดี ใส่ความ ตีไข่ให้มันฟูๆ

เพื่อให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนผิดเป็นคนไม่ดี

ตนนี่แหละถูกตนนี่แหละดี

ข้อหก..ไม่ฟังความใครที่มีความคิดเห็นต่างไปจากตน

ไม่ชอบให้ใครขัดใจ เอาแต่ความคิดตนยัดเยียดให้ใครเห็นตาม

ใครไม่เข้าข้าง ก็โกรธ ไม่พอใจ หาพรรคหาพวกให้ตนนั้นดูดี

แต่คนอื่นอัปรีย์ ตนดีคนอื่นเลว

ข้อเจ็ด..เอาแต่คนที่เห็นด้วยกับตน

ใครขัดใจไม่เห็นดีเห็นงาม กวาดทิ้งแม่งหมด

ถือพวกถือพ้อง ใครผิดไปจากร่องที่ตนถือ ก็เป็นพวกเลวไม่ใช่พวกของตน

แยกพวกแยกกลุ่ม คอยทิ่มแทงและให้ร้ายอีกฝ่าย

ข้อแปด…เวลาใครพูดหรือทำอะไรไม่พอใจ

ตนเองก็ชักสีหน้าไม่พอใจ

หงุดหงิดแสดงออกถึงความก้าวร้าวในที

ควบคุมสติตนเองไม่อยู่

ข้อเก้า…มือไม้สั่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เนื้อตัวเร่าร้อนด้วยเพลิงโทสะ

ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ เมื่อมีอารมณ์โกรธมากๆ

ควันออกหู เขวี้ยงทำลายข้าวของ

ระบายกับสิ่งรอบข้าง เพื่อตอบสนองให้อีกฝ่ายเห็นด้วยความสะใจ

ข้อสิบ..ชอบตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับใครได้ง่ายๆ

ไม่สนใจว่าใครจะเป็นใคร เอาอารมณ์ของตนเป็นใหญ่เป็นที่ตั้ง

ข้อสิบเอ็ด…เอออันที่จริงมันก็เยอะนะเรื่องอารมณ์ นี่เป็นไปในโทสะ มันยังมี โลภะอีก โมหะอีก ข้าว่าเอามาเพียงแค่นี้ก่อน

นี่เป็นเรื่องอารมณ์..ฝรั่งเขาเขียนมา

พอดีข้าเข้าไปอ่านและแปลๆออกมา

เขาใช้วัดเชิงปัญญาทางด้านอารมณ์

เป็นลักษณะของคนที่มี EQ ต่ำ

ข้าเห็นว่ามันอาจเข้ากับลักษณะของพวกแกได้

เวลาโมโหใครขึ้นมา

ฉะนั้น..พึงมีสติระงับๆไว้บ้าง

อย่าให้อารมณ์เรา ออกไปวิ่งไล่งับใครเขา

โอเคนะ..

ศิษย์ถาม >>> พระอาจารย์ ถามต่อหน่อย

ที่แนะนำให้เราใช้สติระงับๆ
แล้วถ้าเป็นกรณีที่ เราถูกทำหล่ะค่ะ?

พระอาจารย์ตอบ <<< ถ้าเราถูกกระทำ

ผัสสะแล้ว หากเราเป็นในแต่ละข้อด้วยเช่นกัน

นี่เราก็ EQ ต่ำ

คนมีวุฒิภาวะสูง

เมื่อเกิดผัสสะ

มันจะพิจารณาหาเหตุหาผลขึ้นมาก่อน

มันไม่ไหลไปตามกระแสซักเท่าไหร่

แต่ส่วนใหญ่เราไม่ทัน

จมหายไปในกระแสซะก่อน

มันจึงเป็นหนทางแห่งสมุทัย

ความทุกข์ทั้งหลาย ทั้งเขาและเรา มันจึงก่อตัวขึ้น

และทำให้เรา

เป็นพวกน่าเบื่อ น่ารำคาญ และเอือมระอาของผู้ใกล้ชิด

เพราะเราชอบย้อมใจเราอยู่เช่นนั้น

ไร้เหตุไร้ผล เอาแต่ใจตนเอง

โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก

มันจะแตกถึงทิฏฐิได้ง่าย

แม้เราจะรู้ตัว

แต่พอผัสสะถึงอารมณ์เกิด

เราก็ยั้งไม่ได้ซะที

มักจมลงไปในกระแสซะเรื่อย

ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้

เป็นสิ่งที่บั่นทอนความรัก ความเข้าใจ

ในการอยู่ร่วมกันด้วยความผูกพันดีๆก็ตาม

นี่เพราะเรา

มันมีจิตใจที่อ่อนแอและต่ำไร้กำลังต้านทาน

ชอบพูดแต่สิ่งที่ลบๆ เมื่อยามไม่ถูกใจ

หัดพูดในสิ่งที่บวกๆเข้าไว้ซะบ้าง

เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ใครๆ และซึ่งกันและกัน

สิ่งที่เราทำเราแสดง

มันเป็นผลร้ายที่ทำลาย ความไว้วางใจและในไมตรีที่ดีต่อกันทั้งนั้น

คนมีปัญญา ท่านจึงเห็นว่ามันไม่ควร

ท่านแก้ด้วยวิธีการตั้งสติ

พิจารณาเหตุและผล ก่อนแสดงการ คิด พูด ทำ อะไรออกไปอยู่เสมอ

ไม่ใช่ แว๊ดๆๆๆ เป็นนางร้ายไร้ปัญญาต่อใครๆ

ใครเป็นพี่เป็นน้องเป็นลูกเป็นหลาน มันก็ไม่กล้าเข้าใกล้

นี่เพราะเกิดจากใจ ที่ไร้การเข้าใจและอบรม

โอเคนะ..

ศิษย์ถาม >>> แก้ยังงัยคะ ตอนผัสสะก็รู้นะคะว่าโกรธ แต่มันหายโกรธไม่ได้

หาทางออกไม่เจอ

พระอาจารย์ตอบ <<< นั่นแหละ ปัญหามันไม่ยอมหาทางแก้

ไม่ใช่แก้ยังไง เดีย

ที่ไม่แก้ เพราะเห็นว่า มันเป็นของตาย ยังไงๆก็ต้องยอมเรา

คนที่เขายอมเรา เราจะไม่หาหนทางแก้ไข

ส่วนใหญ่ มีแต่จะหาหนทางแก้ตัว

ความรักนั้น มันจะทำให้เรามองข้ามการแก้ไขตนเอง

หากเราเป็นฝ่ายที่เขาต้องยอม

และมันจะเป็นหนทางไปสู่ความแตกแยก ทั้งๆที่เราเองก็ไม่ปรารถนาเช่นนั้น

แต่ทิฏฐิและมานะที่เกิด

มันจะเป็นตัวผลักดันให้เราต้องหันหลังต่อกัน

ทั้งๆที่ใจภายใน มันเองก็รับไม่ได้ ไม่อยากเป็นเช่นนั้น

แต่มันก็ยังโง่ที่จะทำลาย

เพื่อให้ได้ความสะใจและอารมณ์ในสิ่งที่ตนทำ

อยากให้ใครๆเห็นอารมณ์แห่งตนที่ระบายออกมา

ทั้งๆที่เป็นเรื่องโง่ๆ มีแต่ทำลาย แต่ก็ไม่วายที่จะชอบทำมัน

เป็นอาการของพวกอสรูกายและสัตว์ป่า ก้าวร้าวปกป้องตนเองให้เขาเห็น

แสดงออกด้วยการทำลาย วีน เอาแต่ใจ

ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากได้อารมณ์เหล่านี้ แม้แต่ตัวเรา

แต่เรา..มันก็ชอบทำ ไม่เคยจำเอามาอบรมใจตน

ว่าแท้จริง มันเป็นสิ่งไม่ดี มันมีแต่ทำลาย

และเป็นภาวะเด็กๆ ที่เอาแต่ใจตนเอง ทั้งๆที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว

ใครมีภาวะเช่นนี้ เป็นพวกชอบย้อมใจให้พลังงานตน

ดำเนินไปสู่ความต่ำแห่งอนันตกาลความมืดมิดทั้งนั้น

เราควรระวังและอบรมไว้

นี่..เป็นธรรมดาของพวกที่จะตีตั๋วไปอบายภูมิ

อย่างน้อยก็เป็นสัตว์..

มาเกิดเป็นตุ๊กแกกินแมลงสาปที่นี่ก็ได้นะ

หรือเป็นใส้เดือนพรวนดินให้ข้าก็ได้

ข้าเลี้ยงเอง

โอนะ..

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 3 ตุลาคม 2560