**** “อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลโลกก็จะเลวร้ายห่างไกลความจริง” ****
หวัดดียามเช้าขอให้ร่ำรวยทุกคน
ยามเช้าวันว่างๆ
เราลองนั่งทบทวนชีวิตของเราดูบ้าง
วันเวลาที่ผันผ่าน
เราทำอะไรให้แก่ชีวิตนี้
วันในแต่ละวัน
มันล่วงเลยไปเรื่อยๆ
ถ้าเป็นเหรียญ
เหรียญแห่งชีวิต เราใช้ไป มันหดหายไปเรื่อยๆ
บางคน..และหลายคน
ยังจมอยู่กับอารมณ์ของตนเอง
ไม่รู้จักการถอดถอน
ไม่รู้จักหาเหตุหาผล และความเป็นจริงทั้งหลาย
ให้มาหักล้างอารมณ์ตน
หากชีวิตล่วงเลยมายาวนาน
จนเป็นขอนไม้แก่ใกล้ฝั่ง
เรายังไม่รู้จักอารมณ์ตน
เราจะมีชีวิตที่ผู้อื่นเขารังเกียจโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนต้องการความรัก
ความห่วงใย
ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญ เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
อยากให้ใครๆนับถือ ยอมรับ และเข้าใจ
แต่ตนเองกลับไม่ยอมสร้างสิ่งที่ต้องการนี้มอบให้แก่ใคร
กลับไหลไปตามกระแสอารมณ์ตน
จนตนต้องติดกับดักอารมณ์ ที่ตนนั้นสร้างขึ้นมาเอง
นี่..ธรรมชาติมนุษย์มันอ่อนไหวไหลไปตามครรลองเช่นนี้
เราเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้อยู่อย่างอมตะอะไรใดๆ
ที่สุดก็ต้องจากไป
จากทุกสิ่ง แม้แต่อารมณ์จัดๆที่เราแสนหวงแหนมัน
เกิดมาแล้ว
พึงมองความเป็นจริง
หากมองแต่อารมณ์ตน
ไม่นานเราก็ต้องจมกับอารมณ์ที่ถาโถมเจิ่งนองช่วยตนเองไม่ได้
ทุกคนต้องการเพื่อนกันทั้งนั้น
เราพึงสร้างเพื่อนขึ้นมาด้วยความเข้าใจเพื่อน
ไม่ใช่ใช้อารมณ์เข้าใจเพื่อน
ยามถูกใจ อะไรก็ดีไปซะหมด เพราะมันถูกอารมณ์
ยามไม่ถูกใจ มันก็เลวร้ายไปซะหมด เพราะไม่ถูกอารมณ์
นี่..คนเราหากมีชีวิตอยู่ภายใต้กระแสแห่งอารมณ์
เพื่อนๆมันก็ย่อมไม่ไว้ใจในกระแสคลื่นที่บ้าคลั่ง
ที่เป็นพายุพัดกระแทกโหมทำลายขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้
เกิดมาเป็นมนุษย์
ให้มีสติอยู่กับเหตุกับผล
หากขาดเหตุขาดผล
มันก็จะเป็นการทำร้ายทำลายคนใกล้เคียงที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้
ฝึกสงบใจเราไว้บ้าง
เมื่อยามเกิดความไม่ได้ดั่งใจ
คนเขาและใครๆ
อาจจะไม่รู้เรื่องอะไรกับอารมณ์อันไร้เหตุผลของเรา
เราตัดสินด้วยอารมณ์เรา
อะไรมันก็ถูกทั้งนั้นแหละ
ปัญหาของคนเรา
ก็คือมักเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เมื่อเราย้อมใจเช่นนี้จนเป็นเราด้วยความเคยชิน
เราจะจมลงไปในกระแส เมื่อยามไม่สบอารมณ์ทุกครั้ง
หากเราแก้อารมณ์เราไม่ได้ในขณะที่ยังมีชีวิต
เมื่อเราถึงเวลาที่ต้องจากโลกนี้ไป
คติเรามันจะไม่แน่นอน
หากได้กลับมาเกิดเป็นคน
ก็จะเป็นคนรูปร่างไม่โสภาสวยงาม
เป็นคนไร้เพื่อนฝูงและบริวาร
แม้จะเกิดมาในฐานะที่ร่ำรวยเพราะทำบุญมากมายก็ตาม
นั่นเป็นวิบากที่เราต้องเผชิญ เพราะอารมณ์เราเป็นเหตุ
คนที่มากมายด้วยอารมณ์ตน
เข้าไม่ได้แม้พระโสดาบัน
พระโสดาบัน
เป็นมนุษย์ผู้มีศีลประจำใจ
ผู้มีศีล
ประการแรกคือการควบคุมอารมณ์ใจ
เข้าใจตรงตามความเป็นจริง ถึงเหตุผลและเภทภัยของอารมณ์ที่จะมาทำลายตนและผู้อื่น
เราพึงมีสติมองตามความเป็นจริง
เอาเหตุผลมาหักล้างอารมณ์
อย่าเป็นคนเอาอารมณ์ไปทับถมเหตุผล
ตราบใดที่ยังมีชีวิต
หากไม่ฝึกอบรมด้วยหัวใจตนด้วยกำลังของเรา
ใครก็มาช่วยเหลือเราให้หลุดพ้นจากอบายภูมิไม่ได้
คนที่เป็นเจ้าอารมณ์
มีที่ไปหวังได้คืออสูรกาย
ข้านี่เห็นชัด
และเป็นห่วงจริงๆกับคติของแต่ละคน
ที่ยังมีภาวะอารมณ์ ที่ไม่แน่นอน
เช้านี้ หวัดดี ด้วยความเป็นห่วง
ในฐานะ
เพื่อนคนหนึ่ง
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 2 ตุลาคม 2560