***** "สิ่งที่เรารู้เพราะฟังและอ่าน กับรู้จากการปฏิบัติ มันแตกต่างกัน" *****
ถาม*** กราบสาธุขอรับท่านอาจารย์ อาการหิวทางกายเพื่อกินข้าว
กับอาการหิวทางกามราคะอยากมีเพศสัมพันธ์นี่
มันเหมือนหรือต่างกันไหมครับ
ตอบ*** เป็นอาการทางจิตปรุงแต่เหมือนกัน เพียงแต่มันทำงานคนละหน้าที่
เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะอธิบายคำถามที่พระท่านได้ถามมา
เกี่ยวกับ เวทนา ในขันธ์ห้า กับเวทนาในปฏิจจสมุปบาท
เป็นตัวเดียวกันหรือคนละตัวกัน
รวมทั้ง วิญญาณในขันธ์ห้า กับวิญญาณในปฏิจจสมุปบาท
เป็นตัวเดียวกันรึเปล่า
เรื่องพวกนี้ ที่จริงเราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้
มันไม่ได้การันตีมรรคผลอะไรต่อการที่เราเข้าไปรู้
ผู้รู้นั้น ท่านก็ไม่ได้รู้แล้วนำไปปฏิบัติอะไร
ธรรมเหล่านี้ ผู้รู้ท่านแจ้งแล้ว ท่านจึงสอดส่องลงไป
และขยายธรรมที่สอดส่องนั้น มาอธิบายว่ามันเป็นอย่างงี้ๆๆๆ
ท่านไม่ได้รู้ว่าอย่างงี้ ๆๆๆ แล้วจึงเข้าไปรู้แจ้ง
พูดเช่นนี้พวกเราอาจจะงงกันอีก
ธรรมทั้งหลายนั้น สำหรับผู้มีธรรม ท่านอธิบายด้วยประสบการณ์ที่รู้แจ้งนั้น
ไม่ใช่ว่าผู้รู้จะจดจำมาจากการรู้ธรรมที่ปฏิบัติเพราะการจำได้หมายมั่นนั้นๆ
การจำมันเป็นอัตตาสัญญาอย่างหนึ่ง
แน่นอน..มันเป็นตัวขวางมรรคผลความเป็นจริงอย่างหนึ่งด้วยอำนาจแห่งอุปาทาน
ธรรมที่เกิดจากใจอันผ่านประสบการณ์
มันเรียงร้อยสายใยแห่งธรรมให้ขับเคลื่อนออกมาได้โดยไม่รู้จบ
ธรรมทั้งหลายที่หลั่งไหลออกมา
มันเกิดจากใจที่มันเข้าใจ และยืนยันได้ด้วยความจริงที่เกิดจากอำนาจประสบการณ์
ประสบการณ์มันเองก็อาศัยอำนาจแห่งความทรงจำ
เป็นเพียงแต่มันมีปัญญาตีความ...