มีคำถามกันในห้องไลน์ ว่าการไปนิพพาน เราฝึกเพื่อการดำเนินไปได้ก
พระอาจารย์ได้มาช่วยชี้และอ
เราคุยกันไม่ค่อยตรงคำถาม น้องเขาถามว่าการไปนิพพานมี
มันตอบได้หลากหลาย หากเราไม่รู้จักกาล เราก็เถียงกันตาย มันมีช่องโว่ให้ตอบได้มากมา
การจะไปนิพพาน ต้องถามว่า เริ่มต้นยังไง…..
หากคำถามนี้ย้อนกลับไป คนถามก็จะกระชับเข้ามา ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้
การตอบคำถาม เราต้องดึงกระชับให้คำตอบแค
เท่าที่เขาพอรับได้ หากเข้าใจ มันก็จะได้จบแค่นั้น
ต่อไป อธิบายอย่างไร เขาก็ฟัง เพราะเขาพอจะมีภาชนะ รองรับคำตอบ
แต่ถ้าตอบกันที่ผลหรือเหตุก
แต่การถามตอบกัน จะทำให้เกิดความรู้แห่งธรรม
ที่สูงขึ้น
เป็นเรื่องน่ายกย่อง การคุยกันเรื่องธรรม
ซัดกันไปตามภูมิจิตน่ะ ถูกต้อง ต้องเอากันเต็มที่
จะเป็นพระเป็นเจ้า อธิบายมาไม่ตรงหรือโด่งๆมา
เราก็สวนด้วยภูมิเราที่มีนั
หากยังไม่แจ้งตลอดในธรรม ตอบออกมา มันจะมีความสงสัยต่อ
และจะไม่เคลียร์ แต่การถามตอบทางธรรมนี้
เป็นสิ่งน่าสรรเสริญ พวกเราเก่ง น้องเขาอายุยังน้อย แต่อยากรู้เรื่องทางแห่ง การไปนิพพาน….วิธีการ ข้าคงไม่พูด แต่จะเปรียบเทียบให้ฟัง
เมื่อมีจุดเริ่มต้น คำว่านิพพาน ย่อมมีตัวตนและมีความหมาย มันเป็นเหมือนที่รวมสูงสุดเ
เราเริ่มต้นก็เหมือนหยดน้ำ มันหยดทีละหยด
จะไปหยดอยู่ตรงไหน มันก็คือเริ่มทีละหยด
จะเริ่มด้วยวิธีไหน แบบไหนยังไง จะเหมือนไม่เหมือนใครยังไง
รวมแล้วมันก็กลั่นออกมาทีละ
จากหยดมันก็ไปรวมเป็นแอ่ง
แต่ละแอ่งขนาดรูปทรงก็ไม่เห
หากเป็นแอ่งใหญ มันก็หยดนาน
อาจนึกว่าแอ่งใหญ่นี้เป็นนิ
เพราะหยดลงไปนานเกิน และยึดมั่นในแอ่งที่หยด
แต่ที่สุด แอ่งมันก็เต็ม เมื่อเต็มวิบากก็เริ่มให้ผล
คือการไหลออกไปจากแอ่ง เมื่อมาถึงขั้นนี้
เจ้าของหยด ก็จะรู้ได้ว่า ที่หยดๆอยู่ตั้งนานนั้น มันยังไม่ใช่
มันจะรู้ด้วยตัวเอง เพราะเหตุปัจจัยมันเปลี่ยน
มันจะมีเครื่องยืนยันใจ
มันก็เริ่มไหลออกไปสู่แอ่งใหม่
แอ่งไหม่เมื่อเต็ม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับขนาดของ
ตอนนี้แทนที่จะหยด มันเป็นการไหลลงไปสู่แอ่ง
มันเป็นปัญญาที่หนาแน่นขึ้น มีกำลังมากขึ้น ไม่เป็นแค่หยดเล็กๆ
หากแอ่งมันใหญ่ มันก็อาจคิดว่านี่คือนิพพาน
เพราะไหลลงไปยังไง คือปฏิบัติเท่าไหร่มันก็ไม่
แต่เมื่อเต็มด้วยเหตุปัจจัย
น้ำมันก็เอ่อล้นออกไปสู่แอ
นี่คือการดำเนินทางแห่งการป
ธารเล็กๆนี้ บางท่านก็เลยนึกว่าเป็นนิพพ
แต่เมื่อไหลไปๆ ก็ไปเจอธารเล็กๆธารอื่น ที่เขาไหลออกมาจากแนวทางอื่
จึงรู้ว่า นอกจากแนวทางที่ตัวเองไหลหร
มันยังมีอีกหลายธารหรือหลาย
เมื่อมารวมกันมากๆจากหลายสา
หากพอใจแค่บึง ก็จะนึกว่าบึงนี้เป็นนิพพาน
แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยให้บึง
วิบากก็จะส่งผลให้บึงเอ่อไห
ถึงได้รู้อีกว่า ไม่ใช่มีแค่เราบึงเดียว ที่เป็นนิพพานซะแล้ว แต่มันมีอีกหลายบึง ที่ไหลออกมาสู่ลำคลอง
ทีคิดว่าของเราดีแล้ว ถูกแล้ว บึงอื่นเขาก็มี เขาก็ถูกมาเหมือนกัน
ธารธรรมย่อมไหลมาบรรจบกัน จนเป็นคลองใหญ่
ในคลองใหญ่ มันก็เกิดมาจากหลายๆบึงล้นอ
ลำคลองนี้มันก็เป็นนิพพานอี
ลำคลองนี้เมื่อมีกำลังไหลไป
มันก็จะไหลออกไปสู่แม่น้ำ
เมื่อออกมาถึงแม่น้ำ ถึงได้รู้ว่า คลองนี้ก็ยังไม่ใช่นิพพาน ในแม่น้ำ มันก็มาจากหลายๆลำคลอง ที่ต่างไหลลงมารวมตัวกันอีก
เมื่อมาถึงแม่น้ำ จึงนึกว่าแม่น้ำ เป็นนิพพานอีก เพราะมันเป็นที่มาของหลายๆค
แม่น้ำที่ยังคงไหล ย่อมไหลไปบรรจบรวมกันที่แม่
แม่น้ำใหญ่ระดับมหา ย่อมนำแม่น้ำทั้งหลายมารวมก
ถึงได้รู้อีกว่า แม้แม่น้ำใหญก็ยังไม่ใช่นิพ
เมื่อไหลลงมาสู่ทะเล ไม่ว่าแม่น้ำสายไหนๆ จะเริ่มต้นมาอย่างไร หรือมีกลิ่นรสชาติแค่ไหน ต่างมีรสเดียวกันหมด
ทะเล ก็ยังเป็นจุดศูนย์รวมของหลา
มันก็เป็นนิพพานแบบสมมุติ แม้จะรวมกันเป็นหนึ่ง มีรสชาติเดียวกัน
ทะเล เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของหย
มันยังมีที่ไหลออกไปอีก
ถึงตรงนี้ มันเป็นที่สุดเท่าที่มี เท่าที่เราจะรู้ได้เมื่อเรา
ที่สุด ทะเลก็ไหลออกไปโดยการระเหย และเป็นฝนตกลงมาให้โลกได้ชุ
กลายมาเป็นหยดน้ำใหม่ ที่ไม่ใช่หยดน้ำหยดเก่า
แต่เป็นหยดน้ำที่ก่อกำเนิดม
นิพพานจึงไม่มี ที่มี เป็นชื่อเรียกสมมุติของที่ส
ที่สำคัญ แม้มีชื่อว่านิพพาน แต่ไม่มีใครอยู่ในนิพพานซัก
เพราะนิพพาน ไม่ใช่อะไรที่เราจะเข้าไปใส
ใส่เท่าใหร่ ผิดเท่านั้น แต่เป็นนิยามชื่อเรียกแห่งจ
ฉะนั้น ทางไปนิพพาน ต่างไหลกันมาได้หลายต่อหลาย
แต่ถึงที่สุด มันมารวมกันเป็นแอ่งเดียว เป็นแอ่งใหญ่ ไม่ว่าจะมาจากหนไหน ต่างรวมกันเป็นทะลใหญ่ มีรสชาติเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีใครขัดแย้งใคร อะไรไหนๆ มันก็ถูกทั้งนั้น เมื่อเดินทางมาถึงที่สุดแห่
โอเค. แค่นี้นะ สำหรับยามเช้านี้ หนุ่มน้อยคนนี้
เป็นลูกของแตนเขา มีความสนใจมาทางด้านธรรม
นับว่าหายาก ข้าเองมักจะตอบให้เขาอยู่เน