ความทุกข์

ความทุกข์

282
0
แบ่งปัน

*** “ความทุกข์” ***

เราเกิดมา ทุกคนมีความทุกข์
ความทุกข์คืออะไร..!!

ความไม่ชอบใจ..นี่ทำให้เกิดทุกข์

ความไม่ได้ดั่งใจ..นี่ทำให้เกิดทุกข์

แต่..ความชอบใจ ความได้ดั่งใจ..ก็ทำให้เกิดทุกข์เช่นกัน

ชิบหายเลยชีวิต..ทำไงดี..!!

ท่านว่า…ความไม่คงทน ความเสื่อมไปสลายไปนี่เป็นทุกข์

งั้น..ทุกข์นี่ก็เป็นธรรมดา

เมื่อมันเป็นธรรมดา ก็ไม่มีใครทุกข์นี่หว่า..ใช่ไหม.!!

แล้วคนเราทุกข์กันทำไม..!!

ก็ต้องไปหาเหตุละ

ความไม่ได้ดั่งใจ ความไม่ชอบใจ นี่มันเป็นธรรมชาติหรือ

ถ้าเป็นธรรมชาติ มันก็คือความเป็นธรรมดาในสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

แล้วเราทุกข์ทำไม..
ใคร..เป็นผู้สร้างความทุกข์นี้ให้เรา

เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีภพล่ะ..

ภพก็คือแดนเกิด ที่สำหรับ ช่องสำหรับเกิด

ภพของทุกข์ ก็คือหนทาง
ทางพระท่านเรียก “สมุทัย”

สมุทัยนี่..เป็นหนทางแห่งการเกิดทุกข์

มันเป็นภพตัวหนึ่ง ซึ่งอาศัยเหตุอยู่เหมือนกัน

เหตุนี้คืออะไร..!!

เหตุนี้ก็คือ ใจที่มีตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จบนี่แหละ

อ้าว..แล้วใจมันเกิดยังไง ใครอยากให้มันเกิด

ใจนี่..มันเป็นอาการของจิต ที่โดนผัสสะทางช่องทางแห่งอายตนะ

ช่องทางอายตนะก็คือ ตาถั่วๆ หูหนวกๆ ลิ้นเฝื่อนๆ จมูกเป็นหวัด กายชาด้าน ใจเฮงซวยๆนี่แหละ

ไอ้พวกนี้นี่ มันเป็นช่องต่อระหว่าง ภายนอกมาสู่ภายใน

พอผัสสะใจก็เกิดแหละ..

ใจก็คืออาการที่เริ่มจากผัสสะ แล้วเกิดกระบวนการปรุงแต่ง ออกมาเป็นความรู้สึก

ท่านเรียกว่า เวทนาน่ะ..

พอเวทนาเกิด ไอ้ตัณหามันก็เกิดตาม

ไอ้เวทนาและตัณหานี่แหละ มันเป็นอาการหนึ่งของใจ ที่ผุดขึ้นมาเป็นธรรมดาของมัน

ตราบใดที่ยังมีร่างกาย ยังมีชีวิต
มันก็ปรุงแต่งผุดออกมาไม่รู้จบอยู่นั่นแหละ

หยุดมันไม่ได้..

ที่หยุดไม่ได้ เพราะมันเป็นธรรมชาติธรรมดาของมัน

เห็นใบไม้ที่ร่วงโรยนั่นไหม..

ใครหยุดมันได้ ที่จะไม่ให้เหี่ยวแห้งและร่วงโรยลงมา

ตัณหาก็เช่นกัน..

มันอาศัยเหตุคือเวทนา
ที่ปรุงแต่งมาจากการผัสสะ

เมื่อหยุดไม่ได้ เพราะนี่เป็นธรรมดาของมัน เราจะทำอย่างไรล่ะ..

พุทธศาสนา ท่านจึงชี้มาให้เห็นการดับทุกข์ที่มันเกิดมาจากเหตุแห่งธรรมดานี้

นั่นก็คือ ” หนทาง ”

หนทางที่ดำเนินไปทางทุกข์ ท่านเรียกว่า สมุทัย

มันยังมีอีกหนทาง ที่ดำเนินไปทางดับทุกข์ ท่านเรียกว่า มรรค

แล้วเราจะเดินทางแห่งมรรคอย่างไร

ในเมื่อ ผัสสะเกิด การปรุงแต่งมาเป็นเวทนาก็เกิด

เวทนาเกิด การปรุงแต่งแห่งตัณหาก็เกิด

ตัณหาเกิด การปรุงแต่งแห่งอุปาทานก็เกิด

อุปาทานเกิด การปรุงแต่งแห่งภพก็เกิด

ภพเกิด การปรุงแต่งแห่งทุกข์ก็เกิด

นี่..เส้นทางดำเนินไปสู่ความเป็นทุกข์

เส้นทางนี้..เรียกว่า สมุทัยในวงล้อแห่งปฏิจจสมุปบาท

เส้นทางไหลมาเช่นนี้ นี่เป็นธรรมดาของสังขารที่มันเกิด กำเนิดมา

การเดินเส้นทางแห่งมรรค ที่ท่านชี้ไว้
นั่นก็คือ การมีสติและสัมปชัญญะ

อาศัยการโยนิโส คือการพิจารณา ในตัณหาที่ผุดออกมาจากใจไม่รู้จบ

ผัสสะ..เราห้ามไม่ได้น่ะท่าน

เวทนา..เราห้ามไม่ได้

ตัณหา..เราห้ามไม่ได้

เพราะสิ่งเหล่านี้ มันมีเหตุปัจจัยของมันอยู่

แต่เรามีสิทธิและเลือกได้ ที่จะไม่ให้ภพอันเกิดจากอุปาทานเดิมของเราเกิด

นั่นก็คือ..การโยนิโสตัณหาที่ผุดออกมาจากใจไม่รู้จบนี่แหละ

เราเลือกได้ที่จะดับหรือก่อ

ถ้าก่อ..ก็จะไหลไปในหนทางแห่งสมุทัย

ถ้าดับ..ก็จะไหลไปในหนทางแห่งมรรค

นี่..คือหลักแห่งอริยสัจในพระพุทธศาสนา

อริยสัจก็คือ หลักเหตุหลักผล

ที่เกิดจากสติสัมปชัญญะ อาศัยการโยนิโส ใจที่มีตัณผุดขึ้นมาไม่รู้จบจากใจเรานี่แหละ

เมื่อมีการโยนิโส ก็จะเกิดสติ

เมื่อมีสติ ก็จะเกิดความสำรวม

เมื่อมีการสำรวม ก็จะไม่เกิดการทุศีล

ผู้ไม่ทุศีล ก็จะเป็นการเดินหนทางแห่งมรรค

นี่..แนวทางและหลักแห่งอริยสัจ อันเป็นหนทางที่จะดำเนินไปในทางแห่งการออกจากทุกข์

เรา..ต้องรู้จักมัน

เรา..ต้องรู้เหตุมัน

เมื่อรู้เหตุ..เราก็จะเข้าใจผลมัน

และเรา..เป็นผู้เลือกที่จะเดินไปบนเส้นทาง มรรคหรือสมุทัย

* คุยกันเบาๆยามเช้ากับเด็กน้อยอยากเรียน *

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วันที่ 25 กันยายน 2561

ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี