แหกสมมุติ โลกย่อมรับไม่ได้

แหกสมมุติ โลกย่อมรับไม่ได้

1256
0
แบ่งปัน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หวัดดี เห็น ส.ค.ส แล้วสวยดี นายแบบหนุ่มฟ้อ เลยทำให้ ส.ค.ส ดูดี วลีคำใน ส.ค.ส อ่านดูแล้ว เป็นธรรมแก่ชนทั้งหลาย พระอริยเจ้าก็ใช้ ชนทั้งหลายก็ใช้ได้

กำลังของแต่ละท่าน มันมีกำลังใช้ไม่เท่ากัน มันขึ้นกับกำลังใจและสติ แต่เป็นโจทย์แนวเดียวกัน ขึ้นชื่อว่าธรรมนี่ มันตีความได้หลากหลาย

แต่ความหลากหลาย มันมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกัน วลีที่มะเดี่ยวศรีนำมาปรารภ มันย่อมมีเหตุแห่งกาล เนื้อเรื่องและเรื่องราว ที่ร้อยเรียงขึ้นมาเป็นเหตุอยู่

แต่การนำวลีเด็ด หรือข้อความสรุป คนไม่รู้กาล ย่อมตีความกันไม่ถูก เขาไม่รู้ว่า ต้นเหตุแห่งเรื่องราวที่กล่าว มันมีเหตุมาจากเรื่องใด

เหตุใด กาลใด กับใคร ผู้ใด อะไรในความเป็นอิทัปปัจจยตา

แค่วลีประโยค ย่อมเป็นที่มาแห่งการตีความและความหมาย และนี่เป็นเหตุแห่งการไม่ลงรอยกันในธรรม เรื่องเช่นนี้ แม้ในพระไตรปิฏกเองก็เป็นกัน

เหล่าสาธุชน มักเอาธรรมมาตีความกัน โดยไม่รู้เหตุแห่งกาล ผู้นำมาแสดงนั้น ท่านนำมาแสดงเพราะแปลมาหรือเหตุแห่งความเข้าใจ ว่าเป็นเช่นนั้น เช่นนี้

หากเป็นผู้แจ้งแล้ว นำมาขยายหรือย่อ ธรรมนั้นย่อมได้ใจความและความเข้าใจตรงตามความเป็นจริง แห่งชนทั้งหลาย

ทุกวันนี้ ศาสนาพุทธเรา ต่างก็ตีความกันเข้าข้างความคิดตน เรื่องราวมากมายทั้งหลาย ที่ตีความกันเพราะความไม่รู้แจ้ง มันก็เลยเกิดความขัดแย้งกัน

ข้าเองยังโดนพวกมหาเปรียญมาต่อว่า ว่ากำลังเป็นผู้ดำเนิน สัจธรรมปฏิรูป กำลังก่อตั้งลัทธิธรรมปฏิรูปขึ้นมาใหม่ เลยไปถึงกำลังกระทำสังฆเภทอะไรไปโน่น

ข้าเองไม่ค่อยจะถือสาหาความ กับพวกพระเหล่านี้ เขาไม่ผิดหรอก เพราะเขามีปัญญาและตีความอย่างนั้น

แต่ข้าเอง ก็ตีความและเนื้อธรรมตามที่เห็นแจ้งเช่นกัน ว่ามันเป็นของมันเช่นนี้ ธรรมที่ข้ามี เมื่อมีการตั้งคำถาม ข้าก็สามารถแสดงได้พร้อมเหตุพร้อมผลที่ลึกๆ ลงไปๆๆๆๆๆ

แต่การตีความและความหมายที่ตีจากตำรา มันไม่มีเหตุมีผลและคำอธิบายที่ลึกๆ ลงไปๆๆๆๆ มารองรับ นี่ ธรรมแห่งใจกับธรรมแห่งจด มันแตกต่างกันอย่างนี้

โดยปกติ ข้ามักทำอะไรสวนทางกับโลกที่เขานิยม เพียงแต่โลกเขาไม่รู้เอง ว่าข้าเองก็ทำตามกระแสที่โลกเขานิยมกันก็ได้ โลกเขาจึงมองและให้นิยามข้าแปลกๆ ไป

แต่ข้าไม่แปลกใจและไม่สงสัยที่โลกเขาเห็นๆ กัน ท่านกล่าวว่า ตถาคต ย่อมไม่แย้งใครผู้ใดในโลก แต่ใครๆ ในโลก ย่อมขัดแย้งกับตถาคต

นี่ เป็นธรรมดา อันธรรมนั้น มันแทงไปทางนอกก็มี แทงมาทางในก็มี ว่ากันตามกิเลสนอกก็มี ว่ากันตามกิเลสใน นี่ก็มี เพียงแต่โลกเขาไม่รู้จักกัน

เมื่อโลกถูกใจ โลกก็ชอบใจไปซะหมด เมื่อโลกไม่ถูกใจ โลกก็ไม่ชอบใจไปซะหมดเช่นกัน นี่เป็นธรรมดาของโลก เราเข้าใจกันไหม

เมื่อโลกเห็นข้าดูเหมือนแหกพฤติกรรมที่โลกเขาสมมุติ นี่ โลกย่อมติเตียนเป็นธรรมดา และข้าเองก็เข้าใจโลก แต่โลกมันไม่เข้าใจข้า ว่าข้าทำขึ้นมาเพื่ออะไร

นี่ โลกไม่เข้าใจ โลกย่อมติเตียน ข้าย่อมเข้าใจ แต่ที่โลกไม่เข้าใจก็คือ ใจดวงนี้ ที่จำเป็นต้องฝืนความชอบใจของโลก เพื่อฆ่ากิเลสเจ้าของ นี่ ตรงนี้โลกย่อมไม่เข้าใจ

เมื่อโลกไม่เข้าใจ และเราต้องอยู่ภายใต้กระแสโลก เราก็จะไม่พ้นทุกข์ไปได้ หากเราอยากจะพ้นทุกข์ภัยทั้งหลาย เป็นธรรมดาที่เราจะต้องต้านและทวนกระแสของโลก

เมื่อต้านและทวนกระแสของโลก แน่นอน ความชอบใจไม่ชอบใจของโลก มันย่อมถาโถมใจ หากใจที่มันพ่ายกระแส มันก็ย่อมไหลไปตามกระแสโลก นี่ ใจปรารภโลก

หากใจต้านกระแสใจตนเองที่ไหลไปตามโลกไม่ได้ นี่ ใจปรารภตนเอง ใจเช่นนี้ย่อมอยู่ในห้วงแห่งกฎวังวนของโลก ใจที่เป็นไปตามกระแสโลก และเป็นไปตามกระแสใจตนเอง

ย่อมเป็นใจที่ไม่ได้ ปรารภธรรม ใจที่ปรารภธรรม ย่อมไม่ถูกใจโลกและใจตนเอง แต่ใจเช่นนี้ เป็นใจที่ทรงคุณค่าแห่งการพ้นไปเสียจากโลกและใจตนเอง

ข้า เป็นใจปรารภธรรม ไม่ได้ขึ้นกับกระแสโลกและกระแสใจตนเอง ข้า กล้าที่จะบันลือธรรมตามใจที่เห็นแจ้ง ข้าไม่ติเตียนโลกหรือกล่าวโทษโลกที่ไม่ปรารภธรรม

แต่ข้า ยินดีที่ให้โลกติเตียนและรุมประนาม ว่าเป็นคนขวางโลก คืนนี้ ว่ากันเพียงแค่นี้ เป็นวลีธรรมในคืนแห่งวันแรกของปีนี้ สวัสดี ขอสาธุคุณ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 4 มกราคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง