แม่เฒ่า

แม่เฒ่า

1535
0
แบ่งปัน

เมื่อคืนแมลงเยอะ จึงไม่ได้คุยถึงเรื่องร่างทรงต่อ ธรรมทั่งหลายกว่าจะเขียนจะจิ้มออกมา มันไม่ได้ง่ายอย่างพวกเราแค่เปิดอ่านนี่

อ่านรูดปื๊ดๆๆ นี่สบาย แถมเจอด่าแม่เข้าให้อีก ถ้าไม่ถูกใจมัน ไอ้เย๊ดเข้

ลูกศิษย์ : กราบพระอาจารย์ยามเช้าครับ อยากรู้ว่าทำไมผีแม่เฒ่าเจ้าสำนักถึงไม่ไปเกิดซะที หรือว่าเป็นเพราะวิบากหนอ

พระอาจารย์ : ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ ร่ำรวยๆๆๆ เพิ่งว่าง มาสาธุคุณ

เช้าๆ ที่แท็กให้คนที่ขอมาไม่ได้นี่ เพราะไม่มีเวลามาเลื่อนหาชื่อเด้อ

ยิ่งภาษาปะกิตข้ายิ่งจำไม่ได้ กดไปหน้าเพจกันเองน้า

เรามาโม้กันถึงผีแม่เฒ่าเจ้าสำนักกัน ว่าทำไมถึงยังไม่ไปเกิด ตามที่เจ้าแปงมันถามมา จ่ายตังค์ค่าเล่ามาด้วย

เจ้าสำนักนี่ เป็นซากศพแห้งนอนหลับสบายอยู่ในโลงแก้ว มีลูกศิษย์ดูแลซากอยู่คนเดียวตอนนั้น ชื่อ อะไรแล้ววะ

อ้อ ชื่อยายชีอำพัน นี่ แกดูแลซากพระอาจารย์ของแกอยู่ คนที่อยู่กับศพสองต่อสองในหุบเขาช่างน่ากลัว ตอนนั้นข้าคิดว่า ไม่ธรรมดา

จิตต้องกล้าแข็ง ต้องเก่งกล้าอะไรมากมาย จริงๆ แล้วอย่าเพิ่งเชื่อเด้อ หากเราเจอเรื่องราวอย่างนี้ บางทีมันก็อยู่เพราะความเคยชิน

ข้าเคยเจอมาหลายที่ ที่เป็นพระเฝ้าซากหลวงตา หลวงปู่ หลวงพ่ออยู่คนเดียว อยู่เฝ้าเพราะลาภสักการะ ให้ศพเลี้ยงชีพก็มีเยอะ ถ้าเผาๆไปซะ มันก็จะหาตังค์จากศพไม่ได้

เพราะบางที ธรรมซักตัวมันก็ไม่มี ที่มีมันมีแต่ตัวตนที่คิดว่า คิดเอามันก็เยอะอยู่น่า

เรื่องจิตก็อย่าง เรื่องธรรมก็อย่าง อย่าไปเหมารวม

ไม่งั้นเราก็จะตกไปเป็นลูกค้าของพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง ระหว่างโลกวิญญาณ กับความต้องการของกิเลสเรา นี่ ยังเชื่อไม่ได้

ทีนี่ เจ้าสำนักนี่ เมื่อก่อนป้าแกก็บุกเบิกเชิงเขาแห่งนี้

ป้าแกเรียนอภิธรรมมา แกก็มาถ่ายทอดให้ผู้คน ลูกศิษย์ลูกหาก็มีกันเยอะ

ปฏิทาแกดี เคยเอาขี้ราดหัวตัวเอง เพราะความที่ตนรังเกียจขี้เป็นเหตุ

เดินทางถูก อะไรเป็นข้าศึก ก็ต้องรบกับมันด้วยกำลังใจของเราเอง รบให้ชนะใจที่มันพ่ายแพ้

ทีนี่ป้าแกมาป่วย พอป่วยรักษายังไงก็ไม่หาย แกก็เลยเจริญฌาน ด้วนการงดอาหาร

ที่สุด ก็ได้ตายสมใจ ป้าแกชื่อที่เขาเรียกกันว่า แม่ใหญ่ สาธิตา อะไรนี่แหละ

แม่ใหญ่สาธิตานี่ เคยมาโมทนาข้า เวลาข้าเดินจงกลมอยู่บนภูเขา เวลามาจะเป็นกลิ่นพิกุลแห้งๆ ข้าเคยถามเจ้าเขา ว่าใครมาหาข้า เพราะตอนมาแกมาแต่กลิ่น
หากมาเป็นตัว ข้าก็ได้วิ่งกันน้ำบาน มาแต่กลิ่นนี่ไม่กลัว จั๊กแร้ข้ากลิ่นดุกว่า มวยคนละเบอร์

เจ้าเขาบอกว่า แม่เฒ่าเขามาสาธุโมทนา แม่เฒ่าเขาชอบพระปฏิบัติ เขามากราบทุกวัน

ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็เลยเรียกป้าเขาว่า แม่เฒ่าด้วย ข้าเคยถามว่า ยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม ทำไมรีบตาย

แม่เฒ่าบอกว่า รักษายังไงก็ไม่หาย จึงเจริญฌานให้มันแก่กล้า ถ้าตายก็ขอตายในฌาน และงดอาหารเพื่อให้กายได้มีกำลังทางฌาน

นี่แม่เฒ่าว่าอย่างนี้

ที่สุด ก็ได้ตายสมใจ ตายแล้วอำนาจแห่งฌานรักษาไม่ทำให้เน่าเปื่อย ศพก็แห้งลงๆๆ เขาจึงนำมาใส่ไว้ในโลงแก้ว

เอาไว้ให้ผู้คนได้เข้ามาไหว้มากราบซากผีกัน แถมขอหวยได้ด้วย

ลูกศิษย์นี่ เขาชอบเอาหวยมาเป็นเครื่องล่อ และคนก็ชอบกันชิบหาย

วิญญาณแม่เฒ่าแกไม่ไปไหนหรอก ไปไม่ได้ ซากมันยังวางกองอยู่

วิญญาณทั้งหลายมันหวงซาก หากวิญญาณนั้น ยังไม่หมดอายุขัย และจิตยังติดอาลัยอะไรอยู่ วิญญานจะไม่ไปไหน อาลัยเป็นห่วงเป็นบ่วงโซ่ร้อยรัดไว้

วิญญาณก็จะเวียนวนเอาซากเป็นเครื่องอยู่

แต่หากเผาทำลายซาก วิญญาณนั้นก็จะอิสระ ท่องไปได้ทั้งจักรวาล แต่ก็ยึดเอากระดูกเป็นเครื่องอยู่อีก เขาก็จะยู่ใกล้ๆกับกระดูกนั่น
หากเขาปรารถนา

นี่เป็นอากาศวิญญาณที่ยังไม่สิ้นอายุขัย แถวๆกำแพงวัดนี่ เป็นคอนโด ของเหล่าอากาศวิญญานเลย

หากเป็นวิญญาณที่สิ้นอายุขัย แต่ซากยังไม่โดนทำลาย วิญญาณตัวอื่นก็จะเข้ามาสิงอาศัยแทน

และหากมีการเซ่นไหว้ ความแก่กล้าแห่งกำลังจิตวิญญาณจะแก่กล้าแรงขึ้น นี่ เรียกว่าตัวมานะมันเจริญในกระบวนการปรุงแต่งแห่งวิญญาณ

หากมีการผ่านร่าง เจ้าวิญญาณตัวใหม่ที่เข้ามายึดร่างที่เป็นซาก

มันก็จะบอกว่า มันนี่แหละคือหลวงปู่หลวงพ่อนั่นนี่ ที่นอนแห้งสะดือปลิ้นอยู่ในโลง

ถ้าเจ้าของซาก เขาหมดอายุขัยแห่งวิญญาณพร้อมร่าง วิญญานรอบๆ แถวนั้น มันจะเข้ามาครอง จริงๆแบ้วมันก็ผีเร่ร่อนแถวๆนั้นแหละ

สมัยนี้ สงสัยคงต้องมีการประมูลซากกันแล้วมั้ง ใครบารมีใหญ่ก็ได้ซากไปครอง เครื่องเซ่นลาภสักการะก็ตรึม

ยิ่งเป็นหลวงปู่หลวงพ่อดังๆ ละก็ คงต้องใช้เส้นสายกันเยอะ มันถึงจะแข่งกะเขาได้
ทั้งผีทั้งคน ต่างก็อยากได้ซากผี ไว้ทำมาหากิน เพราะคนมันชอบเชื่อไอ้เรื่องที่มันโง่ๆ ตังค์มันไหลมาทางความโง่นี่เยอะ คนมันชอบ

แต่ของแม่เฒ่านี่ ไม่ต้อง แกครองของแกเอง กำลังฌานของแกดี จึงได้เป็นแม่เฒ่าผู้เฝ้าสำนัก

แม่เฒ่าตายเมื่ออายุซัก ห้าหกสิบปี หากอายุขัยแปดสิบปี วิญญาณก็ต้องเฝ้าอยู่อย่างนั้นอีก ยีสิบสามสิบปี กลายเป็นผีที่อยู่เฝ้าซากผีตนเองไป

แต่ปัญหาก็คือ

อายุในรูปของวิญญาณ มันไม่มีวิบากผัสสะแห่งรูป ไม่มีรูปชดใช้ผลแห่งวิบาก

อายุแห่งรูปวิญญาณอากาศ มันจึงยาวนานกว่า วิญญาณที่มีกายครอง

หากอายุเหลือแค่หนึ่งวัน ในรูปของอากาศวิญญาณ

วิญญาณนนั้นก็ต้องล่องลอยอยู่ในสภาพนั้นราวๆ 50-70 ปี แล้วแต่ผลแห่งวิบากกำลังจิตที่เคยได้สร้างได้กระทำมา

แม่เฒ่ายังเหลืออายุขัยวิญญานอีก ยี่สิบสามสิบปี

ก็นู้นแหละ เวลาบนโลกมนุษน์ก็กินเข้าไปเกือบๆ 50,000 ปีโน่นแหละ

มันเสวยผลนานอยู่อย่างนี้ สำหรับอากาศวิญญาณ ที่ยังไม่สิ้นอายุขัย

ทีนี่ ถ้าหากว่าแม่เฒ่าเป็นพวก ทุศีล หรือเป็นพระหลอกลวงชาวบ้าน หากเกิดตายขึ้นมาก่อนหมดอายุขัยวิญญาณ

ก็โน่นเลย หมดสิทธิ์ครองรูป วิบากแห่งการหลอกลวงผู้คนในศาสนา

มันจะดึงให้เหล่าอากาศวิญญาณเหล่านี้ ไปขังคอกพักจิตรออยู่ใน มหานรก

เรื่องใหญ่เลยสำหรับพวกทุศีล ข้าพูดจริงๆฝันเห็นออกบ่อย

หากหนักมาทางปาณาติบาต ก็ไปอยู่นรกขุมแรก ชื่อว่านรกไม่มีวันตาย

หนึ่งวันของที่นั่นสำหรับพวกที่ไม่สิ้นอายุขัยก็ราวๆ 9,000,000 ปี โลกมนุษย์

หากขุมที่สอง ก็คูณด้วย 4 ก็เท่ากับ 36,000,000 ปี

แล้วพวกพระนี่ ส่วนใหญ่ ไปพักอยู่ในมหาอเวจี เป็นโบนัสความเหี้ยที่ได้บอกคนทั้งแผ่นดิน ที่นั่นเป็นนรกเงียบ ได้นั่งได้ยืนได้นอนกรรมฐานกันยาวนาน

ไปอยู่โดนตรึงกันแบบเงียบๆ พักผ่อนสบายยาวๆ จนกว่าจะหมดอายุขัย

หมดแล้วก็ต้องไปตัดสินคดีความกันอีก ก็จะเป็นรายการขังจริง แยกย่อยกันเป็นไปตามกำลังความเหี้ยอีก ถ้าลงอเวจี ก็เป็นพบเมืองอเวจีราวๆ 1 อัตกัปป์

โอ๊ะหนุกหนานสำหรับพวกถากหัวห่มฝาดหลอกแดกอาหารและทรัพย์สินชาวบ้าน

ไม่ใช่เฉพาะพุทธนะครับ ทุกศาสนา เป็นเหมือนกันอย่างนี้หมด ไปที่เดียวกัน ไม่แยกนี่พุทธ นี่คริส นี่อิสลาม ไปที่เดียวกันหมด ต่างกันแค่สมมุติบันทึก ไอ้ห่า เดี๋ยวมันถามต้องอธิบายยาวซวยกูอีก

แต่หากเป็นผู้มีจิตดำเนินมาทางกุศล พวกทรงฌานเช่นนี้ ก็จะมีวิมานเป็นเครื่องอยู่ ในชั้นพรหม ตามกำลังฌาน วิมานนี้ก็เป็นสมมุติบันทึกเหมือนกัน
คือวิญญานมีที่อยู่อย่างสุขสงบ เรียกกว่าสุคติ

อาศัยภวังค์จิตที่ปรุงแต่งมาตามบันทึกสัญญา เสวยสุขกันตามสบาย จนกว่าจะหมดอายุขัยแห่งตน นี่..พวกหมดวิบากทางรูป แต่ยังมีวิบากทางวิญญานอยู่

อย่างแม่เฒ่านี่ กำลังฌานอยู่ในขั้นปิติ และสุขเป็นบางครั้ง

ก็จะมีวิมานพรหมรองรับอยู่ตั้งแต่ พรหมชั้นสาม ไปจนถึง อาภัสราพรหม ชั้นเจ็ดอะไรไปโน่น ขึ้นอยู่กับกุศลวิบากอีก วิมานแห่งพรหมแกมี แต่แกไม่ไปเอง แกยังอาลัยลูกศิษย์และสถานที่

อย่างแม่นาคนี่ แกก็ยังไม่หมดอายุขัยแห่งวิญญาณ

แต่รูปต้องสลายก่อนวัยเพราะเนื่องจาก ปาณาติบาตวิบากมาให้ผลทำลายรูป

ป้าแกก็ไปอยู่พักในวิมานชั้น ดาวดึงค์ไน่น โก้แม่เจ้าไปเลย

ว่างๆ ก็แวะเวียนมาหาน้องๆ พี่ๆ ได้ หนึ่งวันที่นั้นก็ราวๆ 150 ปีโลกมนุษน์

ส่วนพวกที่ยังมีความข้อง ในเรื่องวัตถุ สิ่งของ บุคคล วิญญาณพวกนี้ ถ้าไม่มีอกุศลเลวร้ายจนเป็นฌาน

พวกเขาก็จะล่องลอยเป็นอากาศวิญญาณ ใกล้ชิดมนุษน์เรานี่แหละ

และเจ้าพวกนี้นี่แหละ ที่มักจะมาใช้ร่างของพวกที่เคยมีสัญญาต่อกัน มาเป็นร่างทรง

เป็นนั่นเป็นนี้ และมันเป็นได้ทุกอย่างทุกหลวงพ่อหลวงปู่ เท่าที่มันเคยมีในบันทึกของร่างเก่า

พอวิญญาณได้ร่างใหม่ของคนอื่นมาครอง คำถามแรกที่ครองร่างของผู้อยู่ใกล้ ว่าเป็นใคร

วิญญาณมันจะพุ่งเจตนาไปยังสิ่งที่ตนเคยนอบน้อมบูชา และกล่าวสิ่งนั้นออกมา

เมื่อผู้ฟังถามย้ำว่า นี่หลวงพ่อรึ วิญญาณก็จะบันทึกกับร่างใหม่ว่าตนเองเป็นหลวงพ่อนั่นนี่ทันที

มันเป็นได้ทุกหลวงพ่อ ทุกฤษี ทุกราชกาล เพราะจิตเดิมๆ มันนอบน้อมนับถืออยู่ก่อนแล้ว

ถ้านับถือกวนอิมก็เป็นกวนอิม ถ้านับถือหลวงพ่อโต ก็เป็นหลวงพ่อโต

นี่ จิตมันเป็นอย่างนี้ สำหรับพวกร่างทรง

ข้าจี้เกียจจิ้มแล้วว่ะ วันหลังว่างๆ ค่อยมาโม้ใหม่ วันนี้จะขึ้นไปดูเด็กๆ มันตั้งเสาเทฐานกัน

ใครยังไม่ได้เป็นเจ้าภาพฐาน มาช่วยกันหน่อย อ่านอย่างเดียวไม่ต้องเหนื่อยนี่หว่า

มาๆๆ มาช่วยแยกช่วยขนหิน ปูน ทรายกัน

บ่ายนี้ขอสวัสดี

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง “ร่างทรง” ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง