ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 1

ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 1

1561
0
แบ่งปัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERAเรื่องนี้ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เมื่อคืนได้ยกเรื่องราวออกมาโม้ให้น้องๆฟัง นี่..น้องเขารวบรวมเป็นเรื่องมา จึงเอามาลงในเฟส ก็ขอเชิญอ่านกันหนุกๆ สำหรับท่านที่อยู่ไกลกันออกไป….

หวัดดี เมื่อเช้า ออกไปในเมืองตั้งแต่เช้า มีคนมานิมนต์ไป ที่จริงไม่อยากไปไหน แต่การนิมนต์ครั้งนี้ ผีเขาขอ จึงรับปากแม่เขาไป

แต่ใจไม่อยากออกไปไหนเลย เขามารับแต่เช้า เมื่อขับเรือออกไป จึงได้เห็นว่า ไฟมันไหม้ลามมาทางด้านหลัง ซึ่งเราไม่เห็นเลย เพราะเป็นกลางคืน

และเราอยู่กันคนละฟาก ไฟจึงไหม้ ท่อส่งน้ำและเครื่องสกัดหิน นี่ยังไม่รู้ว่า เป็นไงบ้าง ไหนๆ มันก็ไหม้ไปแล้ว ก็เลยเดินทางออกไป

ปล่อยให้คนงาน ไปช่วยดับไฟที่เหลือ คนที่เผาป่า โดยเจตนา ทำบ่อยๆ ตายไป ลงมหานรก เพราะเป็นคนทำลายแผ่นดิน

ทั้งต้นไม้ สัตว์เล็กสัตว์น้อย ชิบหายหมด เรื่องนี้ พูดไปคนก็คงไม่เชื่อกัน วันนี้ ข้าจะคุยให้ฟังถึงธรรมบทหนึ่ง ที่ข้าได้โปรด ผีท่านอั๋น

ที่เป็นวิญญาณ สถิตย์อยู่ที่หอฉันท์ ที่ข้านั่งคนเดียวมืดๆ ตรงนี้ ท่านอั๋นนั้น เป็นลูกเขย ของหลวงพ่อประจักษ์ เสียชีวิต เพราะรถชนกัน เมื่อตอนอายุ 27

วันนี้ ที่ข้าไป ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า โด่ง เป็นลูกคุณอาพิกุล เขาศรัทธาข้าอยู่ โด่งเขาก็เสียชีวิต เพราะรถชนกัน เช่นเดียวกัน

ท่านเหล่านี้ เป็นดวงจิตที่วิบาก มาทำลายรูป ก็เป็นวิบากอกุศลกรรมที่รุนแรง มันมาให้ผล วิบากมันมากระชาก รูป ทำลายรูป

นี่..เหตุเกิดจากการ เบียดเบียน สัตว์ ท่านอั๋นนั้น สิ้นชีวิตไปหลายปี แต่ดวงวิญญาณ ก็ยังมีความรักความห่วงใยในตัวของเจ้าแก้ว ซึ่งเป็นเมีย

ท่านอั๋นจึงวนเวียน ติดตาม เพื่อหวังทำลายชีวิต เจ้าแก้ว เป็นเวลา นานกว่า 7 ปีมาแล้ว ก่อนเจอข้า ข้าเองนี่ มันมีเซ้นส์หมอผี

เมื่อไหร่ที่เข้าใกล้ผี ข้าจะมีอาการขึ้นมาที่ความรู้สึก แค่มองแวบเดียว หากใครมีผีตาม ข้านี้จะรู้ชัด แต่ส่วนใหญ่ ข้าไม่ค่อยเสือก

วันนั้น ข้าเดินจงกลมอยู่ที่ลาน เจ้าแก้ว ลงมากรวดน้ำ หลังจากที่ได้นั่งกรรมฐานแล้ว ข้าชำเลืองมอง ก็รู้ว่า เจ้านังนี่ ผีมันคลุมใจอยู่

จึงได้บอกกับหลวงพ่อจักษ์ ว่าอีเจ้าน้องคนนี้ ผีมันตามรังควาญอยู่ หลวงพ่อจักษ์จึงบอกว่า นี่เป็นลูกสาว โดนผีผัวมัน ตามเอาชีวิต มาหลายปีแล้ว

ทำยังไง ผีผัวเจ้านี่ ก็ไม่ไป ไม่ว่า จะไปรดน้ำมนต์ หรือรักษาที่อาจารย์ไหน

ส่วนหลวงพ่อ ก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะไม่มีวิชา และบอกว่า ข้านี่แหละ ช่วยไอ้แก้วได้ เพราะไม่มีใครรู้ นอกจากข้า ที่เห็นว่า ผีมันรังควาญ

ข้าเลยซวย ต้องมาช่วยคุยกับผี คืนนั้น ในห้องพระ ขณะนั่งกรรมฐานกัน มีพระนั่งอยู่ 5 รูป มีชาวบ้านเพื่อนเจ้าแก้ว อีกหลายคน นั่งรวมอยู่ด้วย

ซักพัก เจ้าแก้วก็ เริ่มอ๊วก นั่งโยก ทำท่าโก่งคออ๊วก นี่…ผีมันกำลังจะเข้าคลุมร่าง ทั้งๆ ที่นั่งกันอยู่ในห้องพระประธาน และกำลังทำกรรมฐานกันอยู่

นี่..อาจารย์คนไหน มาบอกว่า ใครทำกรรมฐาน ผีไม่กล้าเข้าใกล้ อย่าไปเชื่อเชียว นั่นมันโม้แล้ว ผีกลัวพระพุทธรูป ก็อย่าไปเชื่อ

นี่..เป็นพระประธานองค์เบ้อเร่อ และมีอยู่ร่วม 10 องค์ ผียังไม่สนเลย แถมมีพระหัวโล้นๆ นั่งกรรมฐานกันเป็นแถว ผีมันยังเข้าสิงได้เลย

ข้าเผชิญเรื่องลึกลับมามากต่อมาก ไอ้ที่โม้ๆ เชื่อๆ กันนั้น ไม่เป็นความ จริงเลย ผี..ไม่ได้กลัวคาถา ผี..ไม่ได้กลัวพระ ผี..ไม่ได้กลัวอะไร อย่างที่เราเชื่อๆ กันเลย

ทั้งๆ ที่เจ้าแก้ว มันก็แขวนพระดีๆ ที่เราเชื่อว่า ขลังและศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหล่านี้ ช่วยอะไรไม่ได้เลย เรา..โดนแหกตาและโง่หลาย ที่หลงยึดๆ กัน

นี่..ข้าเผชิญมาอย่างนี้ ข้าจึงทิ้งของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ตุ๊กตาหลวงปู่หลวงพ่อ เลิก…ทิ้งหมด ช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อผีมา

มีแต่เรา..รักษาท่านไม่ให้หาย ก็เลยไม่รู้จะไปพกกันทำไม ข้าเลิกหมด ทั้งๆ ที่ชอบสะสมหมดไปเป็นล้านๆ สมัยที่ยังเชื่ออยู่

คืนนั้น เมื่อผีมาผ่านร่างเจ้าแก้ว ทุกคนก็เลย ขยับออกตัวหนีกันหมด ข้านั่งอยู่แถวหน้า จึงค่อยๆ หันมา มอง และจ้องอาการเจ้าแก้ว

ข้าเอง ไม่มีคาถง คาถาปราบผีอะไรหรอก มีแต่ใจอยากรู้อย่างเดียว นี่..ถ้าหาก เจ้าแก้ว มันกระโดดลุกขึ้นมาบีบคอ ข้าก็จะถีบมันด้วยฝ่าตีน

หากไม่อยู่ ข้าเหล่ ไม้หน้าสามข้างๆ ตู้ไว้แล้ว ข้าจะนวดมันด้วยไม้หน้าสามนั่น ผีก็ผีเหอะ คาถาข้าไม่มี แต่ข้ามีไม้หน้าสาม ใจก็เลยไม่ค่อยกลัว

หากเกิดไม่ชอบมาพากล ไม่ผีก็อีนังแก้วนั่นแหละ หัวแบะ ข้าหวดไม่เลี้ยงแน่ ถ้าทำเอาข้าตกใจ คืนนั้น ข้าได้ถามไถ่ อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องผีๆ

และชี้ให้เห็นถึงคุณและโทษ ในการเบียดเบียนชีวิต ผีในร่างฟังแล้ว นั่งร้องไห้ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น น่าสงสาร ที่เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น

เพราะ ความตายมาพราก ความรัก มาพรากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้คาดหวังไว้ ทุกอย่าง..พังทลายหมด เมื่อได้กลับมาได้รับฟังธรรมแห่งการพรากจากข้า

น้ำตาผีจึงไหล คนฟังก็น้ำตาไหล พระก็นั่งน้ำตาไหล ข้าก็เลย น้ำตาไหลไปกับเขาด้วย ของข้านั้น อารมณ์มันพาไป นั่นสงสาร ชีวิตและการกำเนิด ที่ต้องพลัดพราก

นี่…เมื่อบุคคลใดต้องเผชิญ บุคคลนั้น ย่อมเจ็บปวด พวกเรามันยังไม่เผชิญ ความเจ็บปวด จึงไม่ทำให้เราต้องสะดุ้ง หวั่นไหวไปกับอาการของมัน

มันยังไม่เกิด เราก็เลยอยู่กันอย่างประมาท แต่ผีที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาเผชิญสิ่งเหล่านี้อยู่ แต่ร่างเขาไม่มี เขาไม่มีร่างเพื่อผัสสะสวมกอดคนที่เขารักเขาหวง

มันเป็นความรู้สึก ที่เจ็บปวดของผี ความรู้สึกนี้ มันช่างทำร้ายจิตใจ ไม่เว้นแม้ คนที่ตายไปแล้ว ที่เราเรียกว่า ผี

ผีก็นั่งร้องไห้คร่ำครวญสะอึกสะอื้น อย่างน่าสงสาร ข้าก็เทศน์ไปเรื่อย ถึงการพรากจาก ความหวงแหน ความสูญเสีย ผียิ่งฟัง ก็ยิ่งร้องไห้

และข้าปิดท้ายด้วย การที่ต้องรับกรรม ในการที่เป็นผีแล้ว ยังมาเบียดเบียนชีวิตมนุษย์ ผู้มีร่างอยู่ แต่ธรรมเหล่านี้ ข้าขี้เกียจอธิบายให้พวกเราฟัง

เพราะธรรมที่ข้าจะอธิบาย เป็นธรรมอีกบทหนึ่ง ที่ทำให้ ผีท่านอั๋น ทิฏฐิคลายลงมา และยอมรับความ เป็นจริงได้ นั่นคือธรรม ที่ชื่อว่า ใบไม้แห่งความพลัดพราก

ธรรมบทนี้ ผีท่านอั๋นกล่าวบอกภายหลังว่า เป็นบทธรรมที่เหล่าผีฟังแล้ว มันซึ้งและแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งใจ แต่คน..ยังไม่มีโอกาศได้ฟัง

นี่..วันนี้ ก็เพราะเหตุแห่งผี จึงขุดธรรมเรื่องนี้ มากล่าวขานกันอีกที แต่ธรรมที่แสดงไปคืนแรก แม้ผีจะเห็นชัด ถึงการพราก

แต่ใจผีก็ยังไม่ลง ท่านอั๋นก็ยังคงมีความ ปรารถนา จะเอาชีวิตเจ้าแก้วให้ได้ เหมือนเดิม เขาบอกว่า …เขารักของๆ เขา อย่ามาห้ามใจเขาเลย

ยังไง เขาก็จะเอาชีวิตเมียเขา ไปอยู่กับเขาให้ได้ คืนนั้น..ข้าจึงบอกให้เขาไปพัก เพราะคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เมื่อผีออกจากร่างไป

เจ้าแก้วก็ตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้นมา ดูคนนั้นคนนี้ งงๆ นี่…ผีมันแรง มันคุมจิตคุมความคิดคุมร่างกาย ของมนุษย์ได้ และผี..มีจริงๆ

แต่วันนี้ ข้าง่วงแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาโม้ถึงบทธรรม ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อน 2 หวัดดี ทุกๆ คน ค่อยมาโม้ต่อพรุ่งนี้…

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง