คุยกันตอบกันอย่างผู้มีธรรม

คุยกันตอบกันอย่างผู้มีธรรม

575
0
แบ่งปัน

คำถาม :>>กราบนมัสการขอรับ พระอาจารย์
ขออนุญาตนะขอรับ ผมได้อ่านปัญหาธรรมะของพระอาจารย์แล้ว
ลึกซึ้งมากขอรับ แต่ผมก็ข้องใจอยู่นิดหนึ่ง

เลยอยากขอเรียญถามพระอาจารย์ ว่า
ตัวรู้ กับ ตัวถูกรู้ นี้ใครมาก่อนขอรับ
ที่ว่าเรื่อง รู้ กับ กูรู้ นี้แหละขอรับ ถ้า วาง รู้ กับวาง กู ลง

ผมอยากทราบว่า ไอ้ตัวถูกรู้ มังยังอยู่ไม๊ขอรับ
ขอความกรุณาขอรับ กราบขอบพระคุณอย่างสูงขอรับ
กราบนมัสการ???

พระอาจารย์ตอบ :>>คน หลังเขา ชีวบุตร

ตัวรู้มาก่อนตัวถูกรู้ครับ หากไม่มีตัวรู้ ไอ้ตัวถูกรู้ก็ไม่มีอะไรมาให้รู้ว่าถูกรู้เหมือนกัน

มันอาศัยเหตุปัจจัยแห่งกาล และกระบวนการต่อๆกันมา

การวางรู้ กับวางตัวกูลง มันวางลงไม่ได้ เพราะมันเป็นโปรแกรมที่รักษารูป

วางกูและวางรู้แค่ไหนยังไง มันก็ยังมีอยู่ของมันเช่นนั้นแหละ

ไม่ใช่ว่าเราว่างและว่างอย่างความหมายที่เราเข้าใจอย่างที่ใครๆในโลกเข้าใจเช่นนั้น

การวางตัวกู และตัวรู้ คือมีกำลังปัญญาแห่งความเข้าใจ ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย มันก็เป็นของมันเช่นนั้นแหละ แค่ตัวกูนี้มันเสือกเข้าไปเป็นเจ้าของรู้ทั้งหลาย มันจึงมีความหมายว่า กูมี มีกู กูรู้ และกูเป็นผู้วาง

แต่ในความเป็นจริง มันวางกู และรู้นี้ไม่ได้เลย ถึงจะบรรลุขั้นไหนๆยังไงก็ตาม

เหตุเพราะ สังขารนี้มันยังส่งผลทำงานตามโปรแกรมของมันอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ว่าจะมีกู หรือกูจะรู้หรือไม่รู้ มันก็ทำงานของมันไปอย่างธรรมดาไม่ขึ้นอยู่กับใครผู้ใดเช่นเดิม

เป็นแต่เพียงแต่ใจมันเข้าใจ ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง มันพออยู่กับโลกใบนี้ด้วยความแห่งเป็นตัวกู โดยไม่มีกูเข้าไปเดือดร้อนเท่านั้นเอง

ลดความเสือกของตัวกูด้วยสติพิจารณา ความเบาบางจางคลายก็พึงมีพึงเกิดกับการปรุงแต่งแห่งตัวกู..

พระธรรมะเทศนา คอมเม้นต์ จากเรื่อง ตัวรู้…มันอยู่ตรงไหน โดย พระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557

………….. …………… …………,,,,

คำถาม :>>สาธุๆๆค่ะ อยากนิพพาน ที่สุดแล้ว พระอาจารย์ แต่ผู้น้อยก็จนแต่ปัญญา

พระอาจารย์ตอบ :>>อยากนิพพานนี่ มันก็ดี แต่นิพพานมันอยากไม่ได้ การบ่มเพาะแห่งปัญญา เมื่อการระลึกแห่งสติยังมาไม่ถึง มันก็เข้าถึงความเป็นจริงไม่ได้

อุปาทานมันไม่คลายตัว มันจึงยึดและทำให้หิวตลอด เมื่อหิวก็ต้องแสวงหา มันหิวเพราะผัสสะแห่งตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบเป็นเหตุ

เราไม่เท่าทันมัน ไม่รู้จักมัน และเราอยู่ร่วมกับมันไม่เป็น ใจจึงได้โหยหาและแสวงหาด้วยความหิวตลอดเวลา

นิพพานก็เหมือนความอิ่มแห่งการหยุดแสวงหา

คนอิ่มย่อมไม่แสวงหา แต่การไม่แสวงหานี้ มันก็ต้องอธิบายอีก

ไม่งั้นพวกยึดตำราบ้าวิชามันจะตำหนิเอา เพราะมันเห็นเอาด้วยแค่ลูกกระตาและฟังๆมา

ข้าเองนี่โดนตำหนิจากเจ้าพวกนี้เรื่อย มันกล่าวหาว่า ยังสร้างยังทำ และยังแสวงหา

นี่..พวกมันเห็นกะตาและหูมันฟังมา

เจ้าพวกนี้มันหูรู้ตารู้ มันไม่มีใจที่มีปัญญาเข้าไปรู้

มันเข้าใจว่า ผู้อิ่มแล้ว ไม่แสวงหาแล้ว ต้องอยู่นิ่งๆอยู่อย่างขี้เกียจไม่ต้องไปทำอะไรเหมือนที่มันคิด

ผู้ที่อิ่มแล้ว ไม่แสวงหาแล้ว แค่เอื้อมมือขยับเข้าไปหยิบ สิ่งดีๆให้ผู้อื่น มันทำไม่ได้รึยังไง

หรือการสร้างการทำให้ผู้อื่นนี้มันชั่วช้าเลวทราม ไม่น่าคบหา

อิ่มแบบไม่มีคุณค่าต่อใคร อิ่มไปทำไม ทำอะไรไม่ได้นี่มันเป็นใจที่เห็นแก่ตัว

ซื้อตุ๊กตาให้เด็กน้อย เพราะตนเองมันอยากเล่นตุ๊กตารึ

หรือทำอาหารให้คนหิวทานทั้งๆที่ตนเองอิ่ม มันเลวชั่วช้าที่ได้ทำรึ

อิ่มแล้วเอน อิ่มแล้วนอน นี่มันรอหิวอีก

ผู้ที่อิ่มไม่แสวงหา มันก็ทำอะไรให้ผู้อื่นดั่งที่เจ้าของ เคยมีความต้องการด้วยความหิวได้เช่นกัน

เรา..ต้องว่างในสิ่งที่มี แสวงหามาให้มี เมื่อมี แล้วว่างได้นี่คือใจที่เป็นคน.

พระธรรมะเทศนา คอมเม้นต์ จากเรื่อง ขอเป็นกำลังใจ สาธุคุณกับทุกๆคน โดย พระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557

…………. ………….. ………………

คำถาม :>>โยมจะซ่อนคมหอก..คมดาบของโยมให้ดีไม่ให้ไปทิ่มแทงใครเขา…
และไม่คิดจะไปลูบคมหอกคมดาบใคร
เดี๋ยวมันบาดมือเอาจะเจ็บเจ้าคะ เพราะโยมก็เคยถูกมันบาดเอาแล้วเหมือนกัน
“ที่ใดมีรัก…ที่นั้นมีทุกข์”

พระอาจารย์ตอบ :>>พิษภัยแห่งความรัก มันบาดลึกเกินใจจะต้านทาน

ระวังไว้ถือไว้ให้ดี อย่าให้มันโจมตีรี่เข้ามาบาด

เภทภัยแห่งใจที่เกิดรัก เมื่อไม่สมหวังในรัก มันกลายเป็นพิษที่ซ่านไปทั่วหัวใจ

รักแล้วอกหักนี่ เป็นธรรมดา ไม่อกหักไฉนเลยจะรู้ค่า ว่ารักนี้มีทุกข์

อกหักมันไม่ตายหรอก อีหนู

มันแค่ทุรนทุรายด้วยความอยากตาย

จงสร้างความรักขึ้นมา แล้วจงแสวงหาปัญญาเพื่อวางและว่างในรักที่มี

รักเช่นนี้ มันเป็นรักที่แสนดี เป็นรักที่ไม่หันมาฉกกัดให้ใจเจ้าของรัก ต้องพิการ..!!

พระธรรมเทศนา คอมเม้นต์ จากเรื่อง พิษร้ายแห่งความรัก โดย พระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557

…………. …………… …………….

หวัดดียามเช้า ตื่นกันแล้วเร๊อะ … นอนต่อเหอะ กำลังสบาย…

คนตื่นเช้านี่ ถ้าตื่นมาหากินนี่เป็นเรื่องของธรรมดา สัตว์ทั้งหลายที่ตื่นมา ต่างก็มาหากิน

ข้านี่ตื่นมาปุ๊บ หากินก่อนเลย แต่ไม่ได้ยัดลงท้องนะ.. ข้ายัดลงสัญญา..การวินิจฉัยธรรมคืออาหาร

มันวินิจฉัยของมันเอง ห้ามไม่ได้ซะด้วย มันเคยชินของมัน เป็นปกติของมันเมื่อยามตื่นขึ้นมา

ค้นหาและซอกซอนธรรมดาที่มันเกิดความไม่ธรรมดาขึ้นมาในใจ ขี้มันจึงเป็นธรรมไหลออกมา เพราะมันมีเหตุแห่งการแสวงหา

นี่แสวงหาเหมือนกัน ต่างที่เป็นการแสวงหาธรรมแห่งปัญญา ไม่ได้แสวงหาด้วยปัญญาที่เป็นกิเลส

พวกเราก็เหมือนกัน ตื่นมา แสวงหาอะไร สอดส่องลงไปดูบ้างไหม .. ?? ว่าที่หา มันเป็นการหา ธรรมหรือทำ เพื่อปัญญาหรือกิเลส.. ??

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง