ก่อนวายปราณมีเสบียงเพียงพอรึยัง

ก่อนวายปราณมีเสบียงเพียงพอรึยัง

323
0
แบ่งปัน

******* “ก่อนวายปราณมีเสบียงเพียงพอรึยัง” ******

ชีวิตนี่ ถ้าเอาเรื่องต่างๆมาสุมไว้ มันก็บีบวิถีชีวิต โลกเราก็แคบลง

ไม่นานเราก็แตกสลาย ก่อนแตกสลาย เราเรียนรู้อะไรจากชีวิตที่มันอยู่อย่างแคบๆบ้าง…

เมื่อคืนนี่ ข้าพักไว เพราะข้ามีอาการเหมือนเมาคลื่น

จึงนั่งสมาธิกำหนดจิตความว่างเป็นอารมณ์ แต่..มันเป็นว่างอย่างเคว้งคว้าง

มันล่องลอยและหมุนติ้วๆๆๆ ในความรู้สึก..!!

เดินปราณก็แล้ว กำหนดจิตว่างก็แล้ว กายมันโคลงจนจะหล่นลงมาจากชั้นที่นั่ง

ข้านี่..ไม่มีที่นอนเป็นห้องเป็นกุฏิ ข้านอนบนเคาร์เตอร์ครัว

หากหล่นตุ๊บลงมาหัวทิ่ม มีหวังเสียเชิงจอมยุทธ จึงเอนกายนอนซะ

พอล้มตัวนอน มันก็ดิ่งวูบๆๆๆลงไป

ก็รู้สึกว่า

นี่เป็นอาการหนึ่งที่กายกำลังแตก

มันจะดับดิ่งวูบๆๆลงไปตามความรู้ลึก

มันเหมือนหมุนคว้างๆๆ

แต่สติมันก็ระลึกได้อยู่ เท้าเริ่มเย็นและไล่คืบคลานขึ้นมา

อายุที่ผ่านครึ่งร้อย มันแก่และสุกงอมพอที่จะหล่นลงมาจากขั้ว..

รึว่า…นี่กายกำลังจะแยกขันธ์ มันเป็นมาสามสี่ครั้งแล้ว

แต่ครั้งนี้ มันมีอาการดิ่งวูบๆๆๆ เหมือนไฟที่ดับและลึกหายลงไปเป็นลำดับ

สติก็นิ่งคิด…นี่ถ้าตาย มันก็ดีเหมือนกัน

มันจะได้พอลงซะที

เรา..มีความดีที่สะสมมาเพียงพอแล้วรึยัง

มีอะไร..ที่เรายังค้างคาไหม..

มันเห็นชัดว่า ใจนี้ไม่ต้องมีอะไรต้องเป็นห่วง

มันก็นิ่งยิ้มกริ่มสงบๆในอาการที่กำลังดิ่งวูบๆๆ

ไม่เห็นว่า ใจดวงนี้จะกลัวตายอะไรเลย

มันไม่แยแสการไม่มีรูป

มันไม่แยแสวัตถุ บุคคล สิ่งของ ที่มีที่สะสม

มันพร้อมจากสบายๆ

ลืมตาก็ไม่ขึ้น

สิ่งต่างๆที่สะสมในภวังค์ความรู้สึก เริ่มทอแสงเป็นเรื่องราวออกมา

ฟากหนึ่งดูเหมือนจะดับดิ่งลงไปเรื่อยๆ

แต่อีกฟากหนึ่งในความรู้สึก มันเริ่มสว่างทอแสงสีทองผ่องใส

ภาพน้องๆร่วมกันสร้างองค์พระด้วยความปิติจิต บังเกิดขึ้น

ภาพการถวายทาน การร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน เห็นเหล่าพรหมเทวาโปรยดอกไม้ทองคำสาธุการ

ภาพพระพุทธองค์เสด็จพร้อมพระสาวกมาให้กำลังใจ

เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย ทำให้ใจดวงนี้เกิดความปิติสุข

จนเกิดความว่างเปล่าจากปิติสุขและเรื่องราว ก่อนที่จิตจะหดตัวเหลือแต่สติลอยเด่นอยู่ อย่างไร้อายตนะทางกาย…

เป็นอันว่า เช้าก็ตื่นขึ้นมา อาการต่างๆก็หายไป

แต่จริงๆแล้วไม่ได้หลับอะไร

มันเพ่งอยู่กับความสงบโดยสติยันเช้า

นี่..ร่างกายคนเรา มันไม่แน่ไม่นอน

เรายังมาประมาท อยู่กินกันอย่างไม่ตรึกว่าเราต้องจาก ไม่วันใดวันหนึ่ง

แต่การต้องจาก เราไม่ค่อยได้คิด

เราคิดแต่ สิ่งที่มันจะมีมา เพื่อผลประโยชน์แห่งตัณหาเรา

เรา…ขาดมันไม่ได้ ขาดแล้ว ชีวิตไม่มีสุข

นี่..เราติดสุขที่เราย้อมด้วยอากาศ

ให้มันทุรนทุรายและคาดหวังอยู่เสมอ

ความคาดหวัง ทำให้เรามีกำลังที่จะเดินต่อ

แต่ความคาดหวัง ที่จมลงไปในกระแสจนถอดถอนอะไรไม่ได้

มันคือตัวอุปาทานทำร้ายใจดวงนี้ ให้มันย่ำอยู่กับที่

และเป็นการย่ำ ที่จะไปไขว่คว้าอะไรไม่ได้เลย

นี่..เพราะเรามักจะติดบ่วงเงื่อนไข

และในเงื่อนไขนั้น มันมีเบ็ดที่แหลมคม ซ่อนอยู่ในเหยื่อที่หวานหอมเสมอ

ไม่มีใครหวังตะครุบเบ็ด ทุกคน..ล้วนตะครุบเหยื่อ..

เป็นเพียงแต่ว่า..เหยื่อ..มันมีเบ็ดซ่อนไว้โดยที่เจ้าของมองไม่เห็นความคมแรงกล้า ที่มันจะกระชากใจ

เหยื่อ..มันหอมหวาน

แต่เหยื่อ..ย่อมมีคมเบ็ดฝังซ่อนตัวไว้เสมอ

ชีวิตที่เฝ้าแต่ตะครุบเหยื่อ…เอร็จอร่อยกับเหยื่อ เหยื่อนี้คือตัณหา

วันหนึ่ง..เมื่อถึงเวลา คมเบ็ดที่ฝังพิษร้ายอยู่ในเหยื่อ มันจะแผลงฤทธิ์ยามเรากายแตก

ซ้อมตาย หมั่นระลึกถึงความตายเอาไว้อยู่เนืองๆ

วันหนึ่ง..เมื่อมันมาเยือน เราจะได้ไม่ทุรนทุรายด้วยเงี่ยงเบ็ดแห่งตัณหา ที่แหลมคม

เราทั้งหลาย ไม่ว่ารวยหรือจน มีอำนาจหรือไร้วาสนา ที่สุด…เราต้องเผชิญการจากลาไปสู่ความดับวูบแห่งชีวิตทุกคน

เรา…เตรียมเสบียงพอที่จะออกเดินทางหรือยัง

ถ้ายัง….จงอยู่เป็นสุขๆกับตัณหาที่มีเงี่ยงคมแห่งเบ็ด รอกระชากใจไป..!!

โอเค..ไปนอนกันได้แล้ว

หวัดดี

พระธรรมเทศนาวันที่ 26 สิงหาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง