โรงละครชีวิตแห่งเรา พึงหัดดูเราแสดงซะบ้าง อย่าดูแต่ผู้อื่น

โรงละครชีวิตแห่งเรา พึงหัดดูเราแสดงซะบ้าง อย่าดูแต่ผู้อื่น

270
0
แบ่งปัน

*** “โรงละครชีวิตแห่งเรา พึงหัดดูเราแสดงซะบ้าง อย่าดูแต่ผู้อื่น” ***

กราบเรียนถามพระอาจารย์ค่ะ
หากเราต้องการรักษาน้ำใจคนอื่น-ส่วนรวม

แต่มันเป็นการฝืนใจตัวเอง และทำร้ายความสุขของหัวใจตัวเอง

เรายังควรทำอยู่มั้ยคะ . . .

หากความสุขของเค้าคือความทุกข์ใจของเรา

เราควรเลือกทำอย่างไร
จึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญา

กราบขอมุมมองจากท่านด้วยค่ะ

@ธรรมกะ บุญญพลัง

***พระอาจารย์ตอบ

การสละที่กระทำได้ยากยิ่งก็คือ

ความทุกข์อันเกิดจากใจตนเองที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุข

แกคิดว่า..

คนมีปัญญาเขาเลือกที่จะทำหรือเลือกที่จะหลีก..!!

หวัดดียามเช้า

เข้าใจว่าเขาเป็นธรรมชาติอย่างนั้นดีกว่าที่จะเตือนว่าเขาทำไม่ดี นี่เป็นวิถีปัญญา

ชีวิตนั้น มันมีห้วงเวลาของมัน

มันเหมือนกับเราดูละครซักเรื่อง

ที่เราถูกใจและไม่ถูกใจตัวแสดงบางตัว

บางครั้ง..

เราอยากให้ตัวแสดงนั้น เป็นไปตามความคิดความเห็นเรา

แต่เราก็บังคับตัวแสดงนั้นให้เป็นไปตามความคิดความเห็นเราไม่ได้

เพราะเขาก็แสดง ไปตามบทบาทและวิถีดำเนินเรื่อง ที่เขาเขียนบทขึ้นมา

ก็เพราะเขาเขียนขึ้นมาดี และแสดงดี

เราเลยขัดใจ ในสิ่งที่เขาแสดง

เรามันแค่อยากให้ตัวแสดงที่เราชอบ

เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

เพราะเรามันเฝ้าดูและรู้เรื่องการแสดง

เราจึงมองเห็นความโง่ งี่เง่า อับจน สิ้นหวัง ท้อแท้ ที่ตัวแสดง แสดงตัวออกมา

โดยที่เราลืมไปว่า ผู้แสดง เขาไม่ได้ดูหรือรู้เรื่องในสิ่งที่เขาเป็น

เขาไม่ใช่ผู้ดูอย่างเรา ที่จะไปเข้าใจ

และรู้เรื่องว่าแสดงเนื้อเรื่องไปในทิศทางใด

ตัวแสดง ก็ว่าไปตามเหตุตามปัจจัยในบทที่ต้องแสดง

และเขาแสดงตามบทได้ดี เราจึงชอบใจและไม่ชอบใจในสิ่งที่เขาแสดง

ถ้าเราเข้าใจชีวิต ดั่งตัวละครที่เราเฝ้ามอง

เราจะเห็นความจริงมากมายที่เห็นการแสดง

เรามันโง่เอง..ที่ไม่รู้ว่า เราเองก็เป็นตัวแสดงตัวหนึ่งในโรงละครแห่งชีวิตนั้น

เป็นเพียงแต่ว่า..เรามันชอบแสดงโดยไม่เคยรู้เคยเห็นเคยดูว่า เราเองก็กำลังเป็นตัวแสดง

เราควรหันมาดูการแสดงของเราด้วยตัวเราเองด้วย

เราจึงจะเห็นความจริงทั้งหลายที่เราแสดง

มันก็ไม่แตกต่างจากที่ผู้อื่นแสดงเช่นกัน

หากเราอยากให้ตัวละครตัวอื่น แสดงอย่างที่เราต้องการให้เป็น

เราก็พึงดูการแสดงของเรา และเลือกที่จะอยู่ได้อย่างถูกต้อง ตามเหตุปัจจัยที่เราเห็นว่าสมควร

เรามันลืมดูตัวเราที่มันแสดง

เราจึงเป็นตัวแสดงที่ไม่ชอบและไม่ถูกใจ
ที่ผู้อื่นแสดงออกมาให้เราไม่พอใจ

ดูเราแสดงความไม่พอใจ ที่เราแสดงออกมาด้วย

เราจะได้แสดงต่อไป อย่างรู้เท่าทันการแสดง
ที่เราจะแสดงอย่างไม่ทุกข์กับการแสดงของผู้อื่น ที่เรากำลังดู

คนที่ดูตนเองแสดงไปตามบทละคร

เขาย่อมเห็นความเป็นจริง ที่เราแสดงอยู่ในชีวิตแห่งโลกละคร

เราก็จะเลือกที่จะทำการแสดงได้ดั่งใจของเรา ที่เราเห็นว่ามันเหมาะสมไปตามเหตุปัจจัย

ความทุกข์ที่จะพึงมีต่อเรา เพราะความถูกใจและไม่ถูกใจ ก็จะทุเลาเบาบางไปตามการณ์แห่งเหตุปัจจัย

เพราะเราย่อมเลือกที่จะทำดีที่สุดตามภูมิปัญญาที่เราเห็นในการแสดง

เข้าใจและมองให้เห็นตัวเราแสดงบ้าง
อย่ามองแต่ผู้อื่นเขาแสดง
โดยที่ไม่รู้ตัวว่า
เราก็กำลังแสดงอยู่เช่นกัน

เราทำความฝันในโรงละครที่เรากำลังแสดงได้

ถ้าหากเรา รู้และกำลังดูเรากำลังแสดง

ผู้ดูการแสดง

ย่อมรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อะไรโง่ อะไรฉลาด

เราก็จะเลือกได้ ที่จะอยู่ยอมรับหรือปฏิเสธมันได้ด้วยตัวเราเอง
โดยไม่จำเป็นต้องอิงความเห็น
หรือความรู้สึกอะไรของใครมากมายนัก

เพราะเราเข้าใจ และรู้ว่า
ควรแสดงอย่างไรกับสิ่งที่ต้องเผชิญ

เรา..กำลังดูเราแสดง

และเราพึงหัดดูการแสดงของเราซะตั้งแต่วันนี้

เราจะได้รู้ตัวว่า

เรา..มันก็เหี้ยไม่ต่างจากผู้อื่นที่เขากำลังแสดงบทบาทที่มันกำลังไม่ถูกใจเรา..!!

หวัดดียามเช้า

พระธรรมเทศนาวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง