**** “ใจที่นึกถึงก็คือรูป ที่ไม่ได้แตกต่างจากรูปที่เป็นวัตถุทางตาเห็น” ****
หวัดดียามเช้า
เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าตนเองถูก ความผิดก็จะเกิดจากคุณล่ะ
เมื่อไหร่ที่คุณเข้าใจ ว่าถูกผิดเป็นเพียงอัตตา
เราก็จะไม่ทะเลาะกัน แค่เรื่องถูกผิด
พุทธนั้น เป็นเรื่องของปัญญา
แต่ที่งมงายกันนั้น เป็นเพราะขาดผู้รู้ชี้แนะ
เราเอากระดาษมาแทนค่าสิ่งแลกเปลี่ยน กำหนดตัวเลข กำหนดสีลักษณะขึ้นมา
เราไม่ได้ให้ค่าเพราะความเป็นเนื้อกระดาษเปื้อนสีหรอกนะท่าน
แต่สิ่งที่มีค่า คือสมมุติในมูลค่าที่กำหนดขึ้น และให้ค่าในสมมุตินั้น
เรายึดสมมุติที่สร้างขึ้นมาเพื่อแทนค่าในสรรพสิ่ง
มนุษย์นั้น จะมีความศรัทธาในศาสนาไหนใดๆก็ตาม
ผู้คนในศาสนานั้น ก็ย่อมต้องสมมุติบางสิ่งขึ้นมาเพื่อใช้ในการยึด
เราอย่าปฏิเสธด้วยตรรกะแห่งเราเลย
ว่าเราไม่ยึดสิ่งที่สมมุติขึ้นมาเพื่อใช้แทนค่า สิ่งที่เราศรัทธา
ตราบใดที่มีความศรัทธา
มนุษย์นั้นต้องสร้างสิ่งที่แทนค่า
และสร้างสิ่งสมมุติขึ้นมา เพื่อแทนค่าในสิ่งที่ไม่มีตัวตนทั้งสิ้น
เราเห็นรอยย่ำในพื้นทรายที่เคยเหยียบย่ำร่วมกันไหม
แม้มันจะสลายจางคลายหายไป เพราะลมและน้ำที่สาดซัดให้เลือนหาย
แต่ที่ตรงนั้น มันยังจำฝังรอยเท้าไว้ในความทรงจำแห่งรอยยักในสมองอยู่เสมอ
แม้รอยเท้าจะเลือนมลายหายไป
แต่ความทรงจำยังตรึงใจมิรู้ลืม
ความทรงจำนั่น ก็เกิดจากเหตุแห่งรอยเท้านั้นแหละ
มันยังปรากฏอยู่ในใจ แม้ความจริงไร้รอยลบเลือนไปแล้ว
สิ่งที่ปรากฏกลางใจแม้รอยเท้าจะลบเลือนไปแล้วนั่นแหละ
คือรูป ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากครั้งหนึ่ง มันเคยมีรูปที่ตาเคยเห็น
พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้กล่าวถึงการสร้างรูปเคารพ
แต่พระองค์ท่านก็ให้สร้างเจดีย์ เป็นตัวแทน เป็นสัญญลักษณ์แห่งความดี
ว่าที่ตรงนี้เป็นที่สถิตย์กระดูกของพระอรหันต์
ท่านเองก็ไม่ได้ให้กราบอิฐกราบปูนนี่
ท่านให้กราบคุณงามความดีแห่งพระผู้บริสุทธิ์ ด้วยการสร้างเจดีย์ขึ้นมาเป็นสมมุติตัวแทน
พระพุทธรูปก็เช่นกัน ชนรุ่นหลัง ท่านสร้างขึ้นมาแทนเพื่อสมมุติแทนตัวพระพุทธองค์
เป็นสัญญลักษณ์ ไม่ได้แตกต่างจากพระเจดีย์
เพราะความมีคุณต่อแผ่นดิน ชนรุ่นหลังจึงได้สร้างรูปสมมุติขึ้นมาเป็นตัวแทนกราบไหว้
มันจะมีบ้างไหม ที่ผู้ชนคนทั้งหลาย จะสร้างไอ้มหาวายร้าย
โจรป่าชั่วช้าขึ้นมาเป็นรูปสมมุติ แล้วให้ผู้คนพากันกราบไหว้
สัญญลักษณ์นั้น เป็นตัวแทนสมมุติแห่งความดีงามทั้งสิ้น
เราจึงไม่ควรเอาตรรกะแห่งเรา นัดเยียดลวไป
ด้วยข้ออ้างว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติบ้าง เป็นแค่อิฐแค่ปูนบ้าง เป็นเรื่องของคนโง่บ้าง
นั่นแหละๆ เรากำลังแสดงโง่ประจานความคิดอันห่วยแตกแห่งตนเพื่อทำลายศรัทธา
นี่..แค่จะบอกว่า
แม้สิ่งนั่นจะไม่มี จับต้องไม่ได้
ไม่มีวัตถุมาแสดงแทนสิ่งนั้น
แต่มันก็คือวัตถุที่เป็นรูปทางใจ แทนใจที่ใช้ระลึกถึง
เราจึงไม่ควรปฏิเสธ รูปที่ท่านเห็นทางตาเช่นกัน
เพราะมันก็คือ รูปเหมือนกัน ว่ามันเป็นแค่รูปไม่มีความสำคัญ
มันแตกต่างกันแค่ช่องต่อในการดู ที่เรียกกันว่า อายตนะ
แต่ตรรกะเหล่านี้ พูดไปก็เสียเวลา
คนทั้งหลายย่อมไม่เข้าใจ
จะว่าไปใยคนที่เป็นผู้อยู่นอกศาสนา
ลองให้เวลาแก่ชีวิต อุทิศทั้งชีวิตแล้วไขว่คว้าหาความจริง
เรา..อาจมีปัญญาได้ยลโฉมความเป็นจริงแห่งโลกที่เรายืน
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 13 เมษายน 2561
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี