ก่อนนอนกราบหมอนเรากราบหมอนหรือกราบอะไร

ก่อนนอนกราบหมอนเรากราบหมอนหรือกราบอะไร

315
0
แบ่งปัน

*** “ก่อนนอนกราบหมอนเรากราบหมอนหรือกราบอะไร” ***

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

สนุกสนานในวันสงกรานต์

ขอให้ปลอดภัย มีความสุขเจริญๆๆตลอดไป

หวัดดียามสายๆ

มนุษย์นั้น หากไม่มีผู้ชี้ที่ถูกต้อง

ย่อมไม่เข้าใจหรอกว่า

นอกจากตาที่มองเห็นรูป ที่เป็นวัตถุต่างๆแล้ว

ยังมีหูที่ไว้มองเห็นเสียง

ยังมีจมูกที่ไว้มองเห็นกลิ่น

ยังมีลิ้นที่ไว้มองเห็นรส

ยังมีกายที่ไว้มองเห็นร้อน อ่อน แข็ง

ยังมีใจที่ใช้มองเห็นอารมณ์ความคิด

นี่..มนุษย์มากมายไม่เข้าใจถึงจักษุอื่นๆที่นอกจากดวงตา

เมื่อเข้าใจแต่ว่า การเห็นมีแค่ดวงตา

การตัดสินใจไปตามตรรกะตนก็คับแคบ

เพราะมองออกไปจากมุมแคบๆแห่งปัญญาตน

มนุษย์มองพระพุทธรูป บ้างก็มองว่า เป็นวัตถุ เป็นแค่อิฐแค่ปูน

ไม่มีปัญญาช่วยเหลือรักษาใครได้ เพราะเป็นแค่อิฐแค่ปูน

นั่นเขามองแคบๆด้วยปัญญาน้อยนิด

เอาสมองเล็กน้อยแห่งตน ตัดสินด้วยความคิดเห็นในมุมแคบๆ

คนโง่นั้น ย่อมกราบด้วยความเป็นอิฐเป็นปูน ตามรูปลักษณ์ที่มองด้วยตาเห็น

คนฉลาด แม้ไม่มีรูปเคารพ เขาก็น้อมกราบด้วยการระลึกถึงก็ได้

ระลึกถึงนั้นใช้ทางใจ

เห็นรูปวัตถุนั้นใช้ทางตา

ทั้งทางตาและทางใจ

ต่างก็เป็นช่องต่อในการใช้เห็นของวิญญาณเหมือนกัน

นี่..คนทั่วไปแยกออกมาไม่เป็น

เราก้มกราบหมอนก่อนนอน เราไม่ได้กราบผ้ากราบนุ่นกราบหมอน

แต่เรากราบเพื่อระลึกถึงคุณแห่งพระพุทธเจ้า

ไม่เห็นว่าผู้กราบจะต้อง มีโลหะ มีพระพุทธรูป หรือมีวัตถุอะไรเลย

เราก็กราบหมอนเพื่อระลึกถึงได้ โดยไม่ต้องใช้วัตถุอะไรเลยเช่นกัน

ก็ไม่ต่างจากบางศาสนา ที่ไม่ต้องอาศัยวัตถุอะไร

แต่ใช้ใจนอบน้อมเพื่อระลึกถึงสิ่งที่เรานั้นได้ศรัทธา

การระลึกถึงนั่นแหละ เป็นรูปอย่างหนึ่ง

แต่เป็นรูปทางมโนจิต ใช้ใจมอง เพื่อความอิ่มเอิบใจ เพื่อความศรัทธา เพื่ออะไรก็แล้วแต่

มันก็ไม่ต่างจากตาที่มองเห็น มันแค่คนละช่องทางเห็นเท่านั้น

ศาสนาอื่นนี่ เข้าไม่ถึงปัญญาเหล่านี้

จริงๆมันเป็นเรื่องของปัญญาแห่งมวลมนุษยชาตินั่นแหละ

ไม่ใด้มีศาสนาไหนใครเป็นเจ้าของหรอก แต่ศาสนาพุทธนั้น ท่านวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้ด้วย

คนเรานั้น เมื่อมุมมองตีบแคบ มันก็คิดได้แค่ตา มองเห็น

ตัดสินออกไปจากตาที่เห็น ไม่มีปัญญามองเห็นความเป็นจริง

เสียง กลิ่น รส ผัสสะทางกาย และอารมณ์ ตามันมองไม่เห็นหรอก

คนตาบอด เขาใช้เสียง ใช้ผัสสะลูบคลำในการมองทาง

ถ้าหูบอดหูหนวกด้วย ก็ใช้มือใช้ไม้ผัสสะในการมองทาง

ถ้าเขานับถือพระมีความศรัทธาพระ แล้วมาหูหนวกตาบอดทีหลัง

เขาก็ใช้การระลึกถึง ใช้มโนจิต ใช้ใจ จะก้มลงกราบตรงไหนก็ได้

ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องใช้รูปปั้น วัตถุอะไรที่มันเป็นโลหะ ปูน อิฐ หิน อะไรเลยนี่

มนุษย์เมื่อเข้าใจตรงตามความจริงเช่นนี้ ก็จะไม่ว่ากล่าวจาบจ้วงใคร ให้เกิดการทะเลาะกัน

ชาวพุทธเอง บางคน ก็มีความเห็นที่เป็นมุมแคบ

ใช้การตัดสินด้วยตำรา ด้วยความคิด ด้วยตรรกะตน ทำลายศาสนากัดกร่อนไปอย่างไม่รู้ตัว

มันยากมาที่จะเข้าใจ แต่ก็ใช่จะยากจนเกินไปที่จะทำความเข้าใจ

เช้านี้ยังคงร่าเริงกับวันปีใหม่ไทยๆ ขอให้ท่านทั้งหลาย มีแต่ความสุขความเจริญ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 14 เมษายน 2561

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี