ดับรูป – นาม ตอน 2

ดับรูป – นาม ตอน 2

1061
0
แบ่งปัน

สมมุติแห่งวิญญาณ เพื่อการรับรู้ คือ นาม รูป นาม รูปนี้ เป็นเครื่องมือให้วิญญาณได้รับรู้ อาการแห่งผัสสะ คือเวทนา

อาศัยช่องต่อ ที่เราเรียกกันว่า อายตนะ เป็นทางผ่าน นี่คือ กฏของปฏิจจสมุปบาท

เป็นปฏิจจสมุปบาท แห่งกาลปัจจุบัน ที่มีอัตภาพ ที่ผ่านไปก็เป็น อดีต ยังมาไม่ถึง ก็เป็น อนาคต มันไหลวนกันเป็นรอบๆ อาศัยรูปและนาม

ในกาลต่างๆ เป็นเครื่องชี้ ฉะนั้น เสียง คือรูป ที่ผัสสะ เข้ามาผ่านกระบวนการแห่งนาม

เราจึงเรียกว่า การได้ยิน เป็นนาม เสียงเป็นรูป งงกันชิบหายวายป่วงกันเลยใช่ใหม รึว่าเลิกดี เพราะคงพูดกันไม่รู้เรื่อง

>> ลูกศิษย์ : ต่อค่ะต่อ กำลังมึนดีค่ะ

<< พระอาจารย์ : เมื่อรู้อย่างนี้ หากอยากพ้นทุกข์ ก็ต้องดับที่ รูป-นาม เพราะรูป นาม เป็นแดนเกิด แดนกำเนิด ให้อะไรมันมีขึ้นมา

เพราะเรามีกายอยู่ ทั้งหมด มันก็รวมอยู่ในนี้แหละ หาในกายนี้ ใจก็อยู่ในนี้ จิตก็อยู่ในนี้ จะไปหาไปตัดที่ไหนเล่า

เราก็ต้องเอารูปเอานามมาแยกย่อย ลงไปอีก หลักแห่งพุทธคือ การสาวผลไปหาเหตุ รูป มันเกิดจากอะไร ต้องไปหาเหตุมัน

เหตุของรูป ก็คือ อาหาร ถ้าจะดับรูป ก็ต้องไปดับที่อาหาร ดับอาหาร รูปดับ

เมื่อรูปดับ นามไม่ดับ เดี๋ยวมันก็ไปก่อรูปไหม่ แสดงว่า ดับรูป ดับได้ไม่จริง

เพราะรูป เป็นแค่เครื่องมือให้วิญญาณอยู่ มันต้องไปดับรูป ที่อยู่ในนาม และนาม ก็อยู่ในวิญญาณนั้น ก็ต้องไปแยกดับที่นาม

เป็นตัวๆกันไป ฮ่าๆๆ ชักปวดหมอง หนึ่งในนามก็คือ เวทนา ก็ต้องแยกลงไปอีกว่า อะไรเป็นเหตุให้เกิด เวทนา

เหตุแห่งเวทนา ก็คือผัสสะ หากจะดับนาม คือเวทนา เราต้องไปดับผัสสะ แต่ผัสสะ อาศัยรูปเกิด
ก็ต้องกลับไปดับรูปที่เป็นต้นเหตุแห่งผัสสะก่อนอีก

รูป มันอาศัยอาหาร ต้องดับอาหาร รูปถึงจะดับ เมื่อรูปดับ ผัสสะก็ย่อมดับ อาหารเป็นเหตุให้เกิดรูป

แล้วเหตุแห่งอาหารคืออะไร นี่แสดงว่า มันยังมีอาหารแห่งนาม ที่ไม่ใช่อาหารหยาย ของรูปกาย ซ้อนอยู่

อาหารเหล่านั้นก็คือ นามที่เป็นรูป คือ รูป รส กลิ่น เสียง ความรู้สึก และอารมณ์ นี่ มันซ้อนลงไปเป็นชั้นๆลงไปอีก หุหุ พวกแกคงมึน..!!

เราก็ต้องสาวลงไปอีก เพราะจะดับอาหาร ที่เป็นนาม แต่ไม่ดับเหตุแห่งอาหาร อาหารก็ย่อมโผล่ขึ้นมาเรื่อย

เมื่อสาวลงไปก็จะพบเหตุแห่งอาหาร นั่นก็คือ กรรม กรรมคือการกระทำ อาหารอาศัยกรรม ทำให้เกิด หากจะดับอาหาร

ให้ไปดับที่กรรม แต่กรรมก็อาศัย ตัณหาในการเกิด หากจะดับกรรม ก็ให้ไปดับที่ตัณหา แต่ตัณหา ก็อาศัยอวิชาเกิดอีก

หากอยากดับตัณหา ก็ให้ไปดับที่ อวิชา แต่อวิชา มันก็อาศัย ผัสสะจากรูป เป็นแดนเกิด เป็นแดนกำเนิดอีก หากอยากดับอวิชา

ก็ต้องไปดับรูป จะดับรูป ก็ต้องไปดับที่อาหารอีก มันจึงกลายเป็นวงกลม เรียกว่า วัฏฏะ คนโง่ ย่อมหาทางออกไม่ได้ แม้จะรู้หนทางแห่งการดับขนาดนี้

>> ลูกศิษย์ : สาธุธรรมครับ งดงามแท้

<< พระอาจารย์ : ฉะนั้น การพิจารณาอันลุ่มลึกนี้ เป็นการยากมากที่ปุถุชน จะเข้าไปรู้ ตามยากรู้ยาก

แต่ก็สามารถเข้าถึงการดับได้เช่นกัน มันต้องพิจารณาละเอียดลงไปอีกรอบหนึ่ง โดยโยงนามแต่ละตัวเข้าไปแยกกาล แยกลงไปเรื่อยๆ… (ต่อท่อน 3)