บวงสรวงแก้ซวยจริงหรือ

บวงสรวงแก้ซวยจริงหรือ

1307
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณยามเช้า ให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ยังมีธรรมที่ลึกลงไปในเหตุแห่งการบนบาลอีก มันเป็นเหตุที่เหนือความคาดหมายที่เราจะเข้าใจได้อย่างสาธารณชน

นั้นก็คือ… การบันทึกลงในโปรแกรมจิต

เรื่องจิตนี่เป็นเรื่องที่คนทั้งหลายตามรู้ยาก ข้าจะอธิบายให้พอเข้าใจในหนทางแห่งการบนบาล

ว่าเหตุที่บนบาลนี้เกิดมาจากอะไร

มนุษย์เรานี้ ยามเผชิญกับทุกข์ภัยที่ยิ่งใหญ่เกินใจต้านได้ มักจะเข้าใจว่าทุกข์ภัยทั้งหลายนี้ เกิดจากอำนาจของสิ่งที่มองไม่เห็น

เป็นผู้บันดาลเป็นผู้กระทำ ให้ทุกข์ภัยทั้งหลายที่เกินต้านนี้ มันเกิดขึ้นมา

การหาหนทางแห่งการดับเภทภัย มนุษย์จึงยัดเยียดให้กับใจตนเองว่า

นี่คงเป็นความไม่สบอารมณ์เทพเจ้า มนุษย์ต้องทำอะไรที่ผิดวัตถุประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

การสยบต่อเภทภัยทั้งหลายที่ไม่อาจต้านได้ มนุษย์เราจึงควรชดใช้และตอบแทน

การบวงสรวงสังเวย ในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำพามนุษย์ให้พ้นภัย จึงได้เนรมิตขึ้นมา ตามความเห็นและคิดปรุงแต่ง ของผู้ขี้ขลาดและรู้มาก

เมื่อได้ทำการสังเวยและบวงสรวง เภทภัยทั้งหลายก็พากันสงบและจบลงไป พระผู้เป็นเจ้า ท่านคงพอใจ เภทภัยทั้งหลายมันจึงผ่านพ้นไป ไม่เกิดซ๊ำขึ้นมา

นี่..เป็นความโง่ที่ไม่น่าให้อภัย ของมนุษย์ ที่ยัดเยียดความคิดตน ให้กับธรรมชาติ

มนุษย์ที่แสนโง่ คงไม่รู้ว่า แม้จะทำการบวงสรวงสังเวยหรือไม่สังเวย

เภทภัยทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว มันจบไปแล้ว มันผ่านไปแล้ว

หากไม่มีเหตุปัจจัย ธรรมชาติแห่งการเกิดทุกข์ภัย มันก็จะไม่เกิด

การบวงสรวงที่เป็นเหตุแรกๆ นี้ มันเกิดความเห็นดีเห็นงามขึ้นมาในใจของมนุษย์

เพราะเมื่อได้ทำแล้ว ทุกข์ภัยทั้งหลาย มันเกิดความสงบ

เมื่อสงบ มนุษย์ย่อมเข้าใจว่า นี่เกิดจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านพออก พอใจ

มนุษย์ก็ทำกันเป็นการใหญ่ เมื่อมีเภทภัย มนุษย์ทั้งหลายก็จะพากันทำพิธีบวงสรวง เขาคิดว่าการบวงสรวงช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น

นี่เป็นเหตุพอคร่าวๆ

การสร้างสมและบันทึกสัญญาเช่นนี้ มันตกทอดไปสู่รุ่นต่อรุ่น มันสืบทอดกันมาเป็นวัฒธรรมอันยาวนาน

มันฝังความหวาดกลัวลงไปในหัวใจอย่างมิลืมเลือน และมันยากจะถอดถอน เอะอะอะไร ก็เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องเทพเรื่องเทวดา เรื่องผีเรื่องสางที่ท่านคงไม่พอใจ

หากจะทำอะไรเพื่อให้พ้นเภทภัย เราก็จำเป็นต้องบวงสรวง

ทีนี่ การบวงสรวงนี่ มันดันมีพลังงานอย่างหนึ่ง ที่มันเกี่ยวเนื่องด้วย

พลังงานเหล่านั้นก็คือพวกอากาศวิญญาณ จะเรียกว่าพวกผีก็ได้

เจ้าพวกผีเหล่านี้ มันยังไม่หมดอายุขัย ร่างมันน่ะโดนวิบากมาให้ผลทำลายไป

มันเหลือแต่พลังงานที่กลายไปเป็นอากาศวิญญาณ

และไอ้เจ้าพวกนี้นี่แหละตัวดี

วิญญาณเหล่านี้มันมีบันทึกสัญญาในภวังค์จิตของมันอยู่

มีมนุษย์บางจำพวก ติดต่อสื่อสารกับเหล่าอากาศวิญญาณนี้ได้

ความทรงจำทั้งหลาย ที่เคยบันทึกไว้ มันก็พรั่งพรูออกมาให้พ่อค้าคนกลางมันรับรู้

ผ่านการเข้าทรงบ้าง ผ่านทางจิตมโนบ้าง ทึกทักคิดกันเอาเองตามสัญญาบ้าง

นำเอาออกมาเผยแผ่และถ่ายถอดบอกกล่าว ว่าผีต้องการอย่างนั้น ผีต้องการอย่างนี้

ไอ้ผีนั้น มันก็มีความทรงจำมาอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะความเชื่อทั้งหลาย มันจดจำกันมาเป็นรุ่นๆ อยู่แล้ว

เมื่อผีมาบอก แค่อ้างตัวว่าเป็นเทพนั่นเทพนี่ แค่นี้มนุษย์ก็ขึ้หูตาแหกแล้ว ผีพูดอะไรแม่งก็เชื่อหมด

ต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้

มนุษย์ผู้แสนดี ก็ต้องทำกันตามผีว่า เป็นขึ้ข้าให้แก่ความทรงจำแห่งผี

คงลืมไปว่า ไอ้ผีทั้งหลาย มันก็เคยเป็นมนุษย์อย่างควายๆ เช่น คนเชื่อและงมงายมาก่อน

พอมันตายไป ยังไม่หมดอายุขัยแห่งวิญญาณ ความเชื่อทั้งหลายที่เป็นความทรงจำในภวังค์

มันก็ได้ถ่ายทอดสืบออกมา ให้มนุษย์ผู้บ้าผี บ้าเทพ บ้าพรหม ได้งมงายกัน

การบวงสรวงต้องการนั่นนี่ มันก็เลยสืบๆ ต่อๆ กันมาเป็นประเพณี

นี่… อีกทางที่เรายังไม่รู้ว่า ความเชื่อทั้งหลายนี่ มันมีผีเป็นเหตุมันก็มีเหมือนกัน

เมื่อปีที่แล้ว ข้านี่ได้ถักเศียรองค์พระพุทธะ ใช้เหล็กไป 11 ตัน

พอถักเสร็จ ผีมาบอกให้ข้าทำพิธีบวงสรวง เหตุเพราะกายข้าง่วง ทำงานต่อไปไม่ได้

เหล่าน้องๆ ก็เห็นด้วย จึงจัดพิธีบวงสรวงขึ้นมา บวงสรวงเสร็จเป็นที่พออกพอใจต่อเหล่าพรหมเทวาและผีทั้งหลาย

ผ่านไปสี่วัน เจอพายุทลวงเข้าให้ลูกใหญ่ เศียรที่ยิ่งใหญ่เจอพายุเข้าไป เอียงกระเทเร่

ไอ้เหี้ย กูทำเหนื่อยแทบตาย ไม่เห็นจะมีไอ้ผีตัวไหนออกมาปกป้องไม่ให้ เศียรมันเอียงได้เลยนี่หว่า

ข้านี่ ด่าแม่พวกผีชิบหาย แต่จริงๆ แล้วที่ด่าแม่ผีนี่ ข้าด่าไปกระทบคนที่มันโง่ๆ โน่น

ดีนะที่ข้าทำพิธีบวงสรวงซะก่อนตามความต้องการของผีและของคน

นี่…ถ้าไม่ทำการบวงสรวงซะก่อนแล้วมาเกิดเภทภัยเช่นนี้

ทั้งผีทั้งคนก็คงได้รุมด่าข้าชิบหาย ว่าเหตุทั้งหลายที่เกิดขึ้น เป็นเพราะว่าข้ามันดื้อ ไม่ทำการบวงสรวง

นี่พอเหตุเกิด ทั้งผีทั้งคนก็เงียบฉี่ แต่ก็ยังแอบโทษนั่นโทษนี่ ไม่ยอมรับผิด

ว่าไอ้ที่ทำการบวงสรวงนี่ มันไม่เกี่ยวกับความเป็นเหี้ยอะไรเลย

โน่น ผีบนภูเขาก็ดันมาบอกข้าอีกว่า นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากจะดูแล สองสถานที่ ขอให้ข้าขึ้นไปสร้างองค์จริงบนภูเขาโน่นเลย

นี่..เอากะมันซิ กูจะร้องให้ดีไม๊ มันอ้างว่าขี้เกียจจะดูแล เลยล้มเศียรข้าซะเลย

ไอ้ห่า แล้วเสือกให้ข้ามาทำพิธีบวงสรวง จริงๆ แล้วผีมันก็ชอบบวงสรวง เพราะมันจำมาและบันทึกความเชื่อกันมาอย่างนั้น

นี่….เป็นเรื่องของโปแกรมจิต ที่มันเป็นแค่อากาศ ที่เราปั้นขึ้นมาให้เกิดความเป็นจริง ความจริงทั้งหลายนี่ มันก็เป็นแค่สมมุติ

เราชาวพุทธ อย่าได้หลงงมงายอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย เราทำตาม ความเชื่อที่เขาพากันเชื่อได้

แต่อย่างเอาหัวใจเราปักลงไปในกระแสแห่งความเชื่อ

เราบวงสรวงตามโลกเขาว่า ไม่ทำตัวขัดโลกหรือขวางโลก

เราทำตามโลกด้วยปัญญาที่รู้และเข้าใจแล้วไปตามโลก

กับทำไปตามโลกด้วยความไม่รู้นี่ มันแตกต่างกัน

ขอสาธุคุณในยามเช้าแห่งการสังเวย

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ” การบนบาล ผีชอบหรือเราชอบ ” ณ วันที่ 7 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง