ต่อกันเลยจากที่นำลงมาให้ทั
มากันแล้วก็มาฟังธรรมต่อจาก
คำว่าพระสงฆ์นี้ ก็คือ พระสังฆา พระสังฆาก็คือหมู่เหล่า อันเป็นมนุษย์ทั้งหลายนี่แห
แต่ที่ใช้พระนำหน้า ก็คือใช้เรียกมนุษย์ผู้มีปั
ไม่ใช่เจาะจง แค่ประเภท ถากหัวห่มฝาดกันอย่างเดียว ตามที่เราเข้าใจ สังฆะ ก็คือหมู่เหล่า เป็นกลุ่มๆ เป็นสังคม เป็นก้อนๆ
เกิดจากการรวมคำว่าพระสงฆ์ ที่ค้างไว้จากเมื่อเที่ยงก็
นี่..สามสิ่งนี้ เป็นที่พึ่งได้ สิ่งภายนอกอย่างอื่น ทั้งที่เป็นวัตถุ และสิ่งที่มองไม่เห็น พึ่งอะไรให้ในนี้พ้นทุกข์ ตรงตามความเป็นจริงไม่ได้
คำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่..สิ่งเหล่านี้ คือที่พึ่งอันเกษมใจ พ้นทุกข์แน่นอน
> พระพุทธคือ พระปัญญา
> พระธรรมคือ พระธรรมดา
> พระสงฆ์คือ พระสังฆา ผู้มีสติพิจารณา รู้เห็นตรงตามความเป็นจริง ตามขั้นแห่งปัญญา
พระสงฆ์เป็นมนุษย์ผู้ประเสร
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา มีด้วยเหตุประการนี้ เราเคยรู้กันมั่งไหม หรือยังหลงใหลที่จะเห็นพระว
นั่นเป็นความคิดของคนที่ยัง
หากเป็นผู้นับถือคริสต์ ก็เรียกว่า ชาวพุทธ นับถือคริสต์ หากเป็นอิสลาม ก็เรียกว่า ชาวพุทธที่นับถือ อิสลาม
คำว่าชาวพุทธนี้ เป็นคำเรียกใช้ แห่งคำว่า ปัญญาที่รู้เห็นตรงตามความเ
แต่การกระทำยึดมั่นทุกเรื่อ
นี่มันเป็นลัทธิแห่งความยัด
แต่เมื่อเข้าถึงความเป็นจริ
นี่..เห็นไหม ใครก็ไม่รู้ หากบรรลุธรรมแห่งสัจธรรม ตรงตามความเป็นจริง เราก็เรียกว่า พระพุทธเจ้า
นี่..เป็นชาวพุทธแท้ๆ แห่งมวลมนุษย์ชาติ ไม่ใช่ลัทธิ ศาสนางมงายยึดมั่น บ้าบอคอแตกอย่างที่ชาวเราคน
พุทธะนี้ คือพระปัญญา ของมวลมนุษย์ชาติ เป็นส่วนรวมของกลางแห่งชาวห
เป็นมนุษย์ ผู้มีปัญญา เข้าไปรู้เห็นแห่งความเป็น ธรรมดาของสรรพสิ่ง ว่ามันเป็นของมันเช่นนี้ อาศัยเหตุอย่างนี้ จึงเกิดผลแบบนี้
นี่แหละ อริยสัจ เป็นมนุษย์ ผู้มีสติมีปัญญารู้เหตุรู้ผ
มนุษย์เช่นนี้ ความงมงายก็ลดน้อยถอยลงไป ตามกำลังของปัญญา มันวางของมันเอง เมื่อมีกำลังรู้เห็น เท่าที่สติแห่งปัญญาจะสร้าง
แม้เราจะเข้าไปเสือกหรือไม่
นี่..มันใช้ปัญญาเข้าไปเห็น
นี่..เมื่อถึงที่สุด คำว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ มันก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ใจ
บุคคลเช่นนี้ ถ้ายังมีการบวงสรวง ท่านก็บวงสรวงไปตามโลกเขาว่
แต่บวงสรวงเพราะรู้ว่า ขัดโลก ย่อมอยู่กับโลกยาก โลกว่าไง เราก็ว่าตาม เพราะทั้งหลาย มันเป็นสมมุติทั้งนั้น ตราบใดที่ยังมีสังขาร
นี่..ท่านมีสติระลึกรู้ตรงต
ถูกใจเขาก็ชอบ ชมว่าดี ไม่ถูกในเขาก็เกลียด ติทุกอย่าง ว่าไม่ดี นี่..ธรรมชาติของมนุษย์ ที่ขาดปัญญา การบวงสรวงสำหรับผู้มีปัญญา
เป็นการบวงสรวงตามโลกเขาว่า
เมื่อโลกเขาเชื่อว่า ทำเช่นนี้ดี ท่านก็ทำ อยู่อย่างไม่ขัดใจ แต่ไม่ได้ปรารภโลก หรือปรารภตนเอง แต่ท่าน…ปรารภธรรม
ทีนี้ มาเรื่องอาหารที่เซ่นไหว้ เรื่องนี้คาใจ ว่าเมื่อเราเซ่นไหว้ผีแล้ว จะใส่บาตรพระได้หรือไม่ เพราะเป็นอาหารเดนจากผี
หากท่านใดมีปัญหา ขอให้เอาไก่ เอาเป็ด และของเซ่นไหว้ อร่อยๆ มาใส่บาตรข้า รับรอง ได้มหากุศลสูง พระอื่นเรื่องมากไม่รับก็ช่
คนเรานี้ งมงาย ไก่ก็คือไก่ หากผีกินได้ มันก็ต้องมีขี้ผีแหละวะ มันจะเหลือเดน อะไรจากไหนของผี เห็นแต่คนนี่แหละ ยัดเยียดว่านี่คือการเซ่นผี
จุดธูปขึ้นมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ให้ผีมีเวลากิน พอธูปหมด พวกก็บอกว่า ผีกินเสร็จแล้ว มันดันรู้อีก ไก่ยังไม่หายไปไหนซักหน่อย
ผียังไม่ทันมานั่งกิน ไฟดันกินธูปไปหมดแล้ว ผีอดแดกเลย นี่..ข้าไม่อยากโม้ ว่า ผีมันก็ยืนรออยู่อย่างนั้น ไม่เห็นว่า มันจะได้กินตรงไหน
บางคนพอแมลงวันหัวเขียวมาตอ
เสร็จแล้ว เผาตังค์ปลอม เผากันเป็นบึกๆ กะว่า เผาแล้ว ผีคงจะเอาไปใช้จ่ายในตลาดขอ
มองด้วยปัญญาซิ ถอยออกมามอง นี่มันโง่งมงายกันแล้ว ทึกทักกันเอา แต่ทำแล้วก็..สบายใจ ก็แค่นั้นเอง
นี่..จิตมันพร่อง ทำไปด้วยความเชื่อว่า จนเป็นประเพณี ผีกินไก่ กินเป็ด กินขนมอร่อยๆ คนก็เอาเดนเหล่านั้น มากินต่อ
ส่วนพระ ก็กินแกงถุงไป ฮือๆๆๆ มันน่าน้อยใจ อาหารผี ดีกว่าอาหารใส่บาตรพระจมเลย
อาหารเหล่านี้ เราใส่บาตรได้ครับ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เดน เรายึดกันไปเอง ใส่ไปเถอะ ใส่แล้วอุทิศให้แก่เหล่าบรร
ไอ้ที่ใส่นี่แหละ หากได้พระที่ทรงคุณ อาหารนั้นจะไปเป็นวิบากก่อผ
ใครกลัวไม่กล้าใส่ หรือพระองค์ไหน ไม่กล้ารับ เอามานี่ ที่นี่มีบาตรให้ใส่ ไม่เป็นไร อาหารผีอย่างดี ไม่ต้องสงสัยหรือเป็นห่วงกั
คืนนี้หวัดดี หมดเวลาแล้ว
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง