*********” ศรัทธาที่ไม่ไว้หน้าใคร “*********
ขอสาธุคุณให้มีแต่ความเจริญ เรามาคุยถึงเรื่องศรัทธากันซักหน่อย
ที่อินเดียนี่ คนไทยไปกันเยอะ
แต่ละกลุ่มต่างก็พากลุ่มคณะของตนเองไป
ทุกคนเมื่อไปถึง ต่างก็มักจะเยื้อแย่งกราบสักการะสถานที่
มันเป็นการแสดงออกแห่งศรัทธาที่ดี
แต่หากถอยออกมามองความจริง
เราจะเห็นว่า พวกเขาศรัทธาจนงมงาย เรียกว่าศรัทธาไม่เผื่อแผ่ใคร
ลามะชาวธิเบต เขาก็ยื้อแย่งสถานที่ เพื่อกระทำพิธีเฉพาะของเขา
นักบวชจีน ญี่ปุ่น พม่า เวียตนาม ไทย ลาว ภูฏาณ ต่างก็เยื้อแย่งที่จะเป็นเจ้าของพื้นที่ว่าง เพียงเพื่อให้ได้เข้าไปประกอบพิธีกรรมของเขา
ชาวพุทธไปรวมตัวกัน แต่ต่างฝ่ายต่างแย่งที่จะทำพิธีกรรมของตนเอง
หากเป็นต่างกลุ่ม พวกเขาจะไม่ไว้หน้า เพื่อที่จะอารีย์ต่อกันหากไปแย่งสถานที่ ที่พวกเขาจับจองไว้เพื่อที่จะทำพิธีการ
ชาวพุทธ ไปในสถานที่เดียวกัน
นับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน
แต่ไม่เห็นว่าจะร่วมมือกัน หากไม่เป็นทางการว่า เราจะร่วมมือกัน
พุทธเราขาดถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
ไม่ค่อยจะเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน
ยิ่งแตกต่างกลุ่มภาษาเชื้อชาติ
บางครั้ง….เราแทบจะเข่นฆ่ากัน เพื่อที่จะกระทำในสิ่งที่ใจตนต้องการ
โดยไม่สนใจว่า ใครเขาจะเดือดร้อนยังไงแค่ไหน
ข้าจะเล่าไห้ฟังว่า สมัยหนึ่งเมื่อไปอินเดีย เราตัองเผชิญอะไรบ้าง จากชาวพุทธด้วยกัน..!!
สมัยเมื่อห้าหกปีก่อน…
ที่พุทธคยา ยังเปิดให้ผู้คนมากราบสักการะ นอนปฏิบัติรอบๆ มหาเจดีย์ภายในกันได้
พวกเราได้กางเต้นท์นอนกันข้างๆ ต้นศรีมหาโพธิ์
ราวๆ ตอนตีสี่ ในเวลาและอากาศอันหนาวเหน็บ
ทุกคนต้องตกใจตื่น
เพราะพวกพระลามะและกลุ่มชนของเขา ต่างกรูเข้ามาเพื่อรื้อเต้นท์ของทุกคน
หลายคนตกใจ เพราะยังหลับและเพิ่งพักได้ไม่นาน
คนอยู่ในเต้นท์ โดนพวกพุทธด้วยกันยกและเทออกมานอกเต้นท์
หลายคนต้องรีบตะกุยตะกายออกจากเต้นท์ด้วยความตกใจ
มีบางพวกกรูเข้ามาเพื่อรื้อเต้นท์ข้า
แต่ข้านั่งนิ่งๆ ไม่สนใจ
พวกไก๊ดและชาวไทยหลายคน ต่างมายืนป้องกันไว้
และหากเข้ามายุ่งกะเต้นท์ที่ข้านั่งสงบนิ่งๆ
แน่นอนว่า คงได้เกิดการตะรุมบอนกัน
พวกเขาชะงัก และส่งเสียงขู่เข็ญ แต่ไม่กล้าเข้ามารื้อ
หากเข้ามารื้อจริง ข้าก็จะกระโดดถีบสองตีนเลย
พวกเขาอาศัยมากันมาก และรื้อทำลายทุกเต้นท์ที่อยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์
รื้อการพักผ่อนนอนหลับของผู้อื่น
เพื่อที่พวกของตน จะได้เข้าไปนั่งสวดมนต์ประกอบพิธีกรรมของเขา ในเวลาตีสี่
นี่..เขาต้องการเพียงแค่นี้..
นี่..ชาวพุทธเรา ไม่ได้มีใจเอื้อเฟื้ออะไรต่อใคร ที่ทุกคนต่างก็มานอบน้อมเพื่อการกราบสักการะเช่นกัน
มันเอาแต่กลุ่มก้อนตนเอง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ
เป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับคำชี้สอนของพระพุทธองค์..!!
ที่กุสินารา..
พวกเรารอให้กลุ่มคณะทางญี่ปุ่นเขาทำพิธีของเขาให้จบ เขาร้องเพลงกัน
เมื่อพวกเขาออกมา พวกเราจึงได้เข้าไปกันบ้าง
พวกเรายืนรออยู่ด้านนอกนานเป็นชั่วโมง
เพื่อให้พวกเขาได้เข้าไปกราบนอบน้อมต่อรูปเคารพในปางปรินิพพาน
พอถึงคิวเราบ้าง แค่พวกเรานั่งลงกราบรอบๆ องค์เคารพ
พวกเรามีจำนวนมาก จึงนั่งกันเต็มสถานที่
แต่เว้นด้านหน้าไว้ เพื่อที่จะมีที่ว่างไว้ก้มกราบ
ชาวนักบวชทางเวียดนามบ้าง จีนบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง ต่างกรูเข้ามาและไปยืนอัดแน่นกันตรงพื้นที่ว่าง ที่เราจะใช้ทำการกราบ
มือที่ข้าก้มลงกราบโดนตีนแม่นางเหยียบเอาไว้ไม่ให้ดึงกลับ
นางหันมามองแล้วก็ยืนเหยียบต่อไปเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ยืนร้องเพลง
พอเพลงจบ นางจากไป คณะใหม่ก็อัดกรูเข้ามา
ทีนี้เป็นคนไทย น่าจะคุยกันรู้เรื่อง
แต่ปรากฏว่า มนุษย์ป้าแกเดินมาเหยียบมือข้าอีก ขณะกำลังจะยกตัวขึ้นจากการกราบ เพราะค้างการกราบเอาไว้ด้วยความแน่นของคน
ยายป้าแกก็หันมามองข้าที่นั่งต่ำกว่าตูดแก
มองสบตาข้าแล้วก็หันกลับอย่างไม่แยแส
เพียงขอแค่ได้เอาหัวกระแทกตีนรูปเคารพ เพื่อความเป็นกุศลที่แกต้องการ
ตูดป้าแกทิ่มหน้าข้าเวลาก้มเอาหัวกระแทกตีนองค์พระ
ป้าแกไม่ได้สนใจว่า มีพระที่มีชีวิตห่มผ้าสีฝาด นั่งอยู่ตรงตูดที่แกแย่งที่แทรกตัวเข้ามา
นี่คือนักบุญขาวไทย และทุกคนต่างก็เดินเฉียดหน้าพวกเราไปเป็นกลุ่มคณะใหญ่
เรารอให้พวกเขากราบและยืนสวดมนต์กันเสร็จ
คณะใหม่ต่างก็กรูและอัดกันเข้ามาอีก
พวกเขาไม่มีใครรอใคร ไม่รอให้พวกเราได้ทำการกราบกันได้บ้าง
สถานที่แห่งศรัทธาของชาวพุทธ
ไม่มีพื้นที่ว่างให้คนโง่ๆ ที่ไม่ตะกุยเยื้อแย่งเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการกระทำ
แทบทุกคน ขาดทานเพื่อที่จะให้ใครๆ เขาบ้าง
ให้ใครๆ เขาได้มีโอกาสบ้าง ใจเช่นนี้…แทบไม่มี
ใครก็ตามที่ยอมให้ผู้อื่นได้มีโอกาสกระทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ด้วยการรอและให้เกียรติ
มันผู้นั้นโง่และไม่สมควรแทรกตัวอยู่ตรงนั้น เพราะที่นั่น ศรัทธาที่ไม่เผื่อแผ่ใคร มันยิ่งใหญ่กว่าการให้โอกาสคนอื่น ด้วยความนอบน้อมและเกรงใจ
นี่…สังคมที่เรียกว่าแสนอัปรีย์ก็ได้ สำหรับใจของชาวพุทธที่ข้าได้ไปพบเจอ ที่สี่สังเวในอินเดีย..!!
พระธรรมเทศนา วันที่ 13 เมษายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง