ชีวิตเดินให้ถูกทาง

ชีวิตเดินให้ถูกทาง

301
0
แบ่งปัน

**** “ชีวิตเดินให้ถูกทาง” ****

หวัดดียามเช้า

พระอาทิตย์สาดแสงสะท้อนสว่างทั่วไปทั้งฟ้า

มันเป็นแสงแห่งวันใหม่ ที่สาดทอแสงขึ้นมา

มันเป็นเช่นนั้นทุกวัน

บางวัน.. อาจโดนเมฆหมอกบดบัง

แสงสว่างกระจ่างฟ้ากลืนหายไป

ความครึ้มสลัว สาดกระจายเข้ามาแทน

แต่ที่สุด..

ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใส สกาวตาเหมือนเคย

เรามองความสว่างแห่งท้องฟ้านั่น

เราไม่ได้มองที่พระอาทิตย์มันสว่าง

เรานำผลแห่งความสว่างนั่น

นำมาใช้กับการดำเนินชีวิต

ในวันที่ฟ้าใส

เรามองเห็นอะไรๆได้ชัดเจน

จิตใจของคนเราก็เหมือนกัน

เราพึงมีชีวิต อย่างผู้มองฟ้าที่มันแจ่มใส

เราไม่ได้มองไปยังพระอาทิตย์ที่ทำให้ฟ้าแจ่มใส

พระอาทิตย์ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

พระอาทิตย์ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแห่งความสว่างไสวแจ่มใสนั่น

ความสว่างไสว มันเป็นอิสระให้แก่ใครๆได้ใช้

ความสว่างไสว ไม่ได้ครอบงำ ให้ใครต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ ด้วยแสงสว่างที่สาดออกมา

ชีวิตก็เหมือนกัน..

เราพึงอยู่อย่างผู้มีปัญญาเถิด

เราอาศัยความสว่างไสวของปัญญาแห่งครูบาอาจารย์ ที่ทอแสงดุจพระอาทิตย์ได้

เป็นที่เราเอง อาจอยู่ใต้ชายคาที่มืดทึบ

ในถ้ำที่แสงสาดส่องได้น้อย

ในเหลือบหลบ ที่สลัวแสง

เราจะไปน้อยใจในแสงสว่างไม่ได้

ที่ทำไมแสงสว่างถึงไม่สาดส่องมายังตัวเราให้มันแจ่มแจ้ง มองเห็นความจริงรอบข้างให้มันง่ายๆ

พวกเราหลายคนนี่ ไม่ได้โง่

เราควรโยนิโส พิจารณาให้ตรงตามความเป็นจริงก่อนที่จะคาดหวังในความคิด

เราไม่ควรเชื่อตรรกะของคนที่ไม่มีความแตกต่างไปกับเรา

เราดูตรรกะแห่งใครเขาที่ไม่แตกต่างไปจากเรา ด้วยคิดว่าเขามีความสว่างไสว

แสงหิ่งห้อย มันก็สว่างในถ้ำที่แสนมืดมิด

แต่เรามองไม่เห็นความเป็นจริงแห่งถ้ำ ที่มันปรากฏตามสายตาเป็นจริงได้นักหรอก

คนเรานั้นมักเชื่อในสิ่งที่ตนนั้นถูกใจ และมืดมนไขว่คว้าไม่ได้

และจะพากันไหลกันไป เพราะความถูกใจกันเป็นเหตุ

เรามักจะเชื่อคนที่อ้างผู้วิเศษสถิตย์อยู่บนฟ้า

เชื่อพรหม เชื่อนาค ที่ดูเหมือนว่าจะมาผ่านร่าง

เขาบอกอะไรก็ดูดีตื่นเต้นน่าเกรงขาม

เชื่อผี เชื่อสางที่มองไม่เห็นไม่รู้แต่ก็เชื่อ

คำพูดที่พ่นออกมาจากปากนั่นแหละ เป็นตัวบ่งบอก อะไรควรอะไรไม่ควร

ไม่ใช่อ้างพรหม อ้างผี อ้างนาค แล้วจะต้องเชื่อไปตามสิ่งที่อ้างที่ฟัง

คนเรามักโดนพวกเข้าร่างนี่แหละ สั่งการ อ้างนั่นอ้างนี่

ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ต้องเชื่อร่าง มันถึงจะถูกต้อง

หากไม่เชื่อ ก็ต้องมีอันเป็นไป อะไรอย่างนี้

คนเรานั้นต่างมีสมองคิด

ทำไมบางคนมันถึงไม่คิด ฟังเขาว่าและเชื่ออย่างเดียวเล่า

บางอย่างก็ไม่ถูกเลย เป็นความคิดเห็นเจ้าของร่างนั่นแหละ

แต่คนจิตอ่อน ขาดปัญญา มันก็จะเชื่อๆๆและวิตกตามเขาว่า

คนนั้นหากขาดความสว่างไสวด้วยปัญญา

มันก็มืดทึบจมอยู่กับคำของคนบนฟ้า ที่ชอบเอามาข่มขู่ เพื่อให้ตนต้องทำตาม

เดินตามข้าอย่าไปสนใจสิ่งเหล่านี้

ฟังได้ แต่แต่อย่าไปเชื่อซะทุกอย่างต้องทำตาม

ถูกผิดทุกคนรู้อยู่แก่ใจ เราต้องกล้าถาม

อย่าไปสนใจหรือให้ค่า กับสิ่งที่ผัสสะและยืนยันอะไรไม่ได้ ด้วยคำพูดและท่าทางรูปลักษณ์ ที่เขาสร้างขึ้นมา

ตื่นขึ้นมามองตามความเป็นจริง

อย่าตื่นขึ้นมามองด้วยความสะลึมสะลือ ด้วยความถูกใจ

แม้สิ่งที่ข้าพูดข้าทำ เราก็ไม่ควรเชื่อในทุกเรื่อง

เราควรเชื่อในสิ่งที่เราพิสูจน์แล้วว่าตรงว่าใช่ และน้อมนำมาใช้กับชีวิตได้

บางคนเป็นผู้ใหญ่ แต่มีอารมณ์เป็นเด็กน้อย

แสดงแต่บทเด็กน้อย เอาแต่อารมณ์ ไม่ยอมเห็นอารมณ์ตนที่มันแสดง

เอาแต่ความคิดตน ไม่ฟังความใคร

เช่นนี้แม้เป็นผู้ใหญ่ มันก็แสดงกายใจให้ใครๆเขาได้เห็น ว่ายังเป็นเด็กน้อยเหลือเกิน

แต่ผู้ใหญ่หัวใจเด็กน้อยมันมองไม่เห็นตนเองหรอก มันเอาแต่ใจตนเอง

เราควรระวังใจเรา อย่าไปไล่งับใครเขาด้วยอารมณ์ตน

ผู้ใหญ่นี่ควรจะระวังใจตนมากขึ้น

พวกเราควรเป็นผู้ใหญ่กัน ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างให้แก่เด็กๆ

เป็นผู้ใหญ่ ที่เดินเหินไปด้วยแสงสว่างบนทางที่แสนสดใส

เป็นดุจโคมไฟให้แก่ใครๆ

เพื่อที่เขาทั้งหลาย จะได้ตามๆกันมาอย่างถูกทาง

ข้ามีชีวิตไม่นาน ยังไงก็ยังเป็นห่วงพวกเราอยู่ดี

หมั่นรดน้ำพรวนดินด้วยสติและปัญญา

เพื่อให้รากวิชชา แห่งเรามันเจริญงอกเงยขึ้นมา

เติบใหญ่และแก่กล้า ท่ามกลางความสว่างเรืองรองแห่งแสงตะวัน

เช้านี้ ขอให้มีความสุขสมหวังร่ำรวย

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 29 ตุลาคม 2560