หนึ่งชีวิตมีความหมายเช่นชีวิตเรา

หนึ่งชีวิตมีความหมายเช่นชีวิตเรา

276
0
แบ่งปัน

**** “หนึ่งชีวิตมีความหมายเช่นชีวิตเรา “****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญยามเช้านี้

ครั้งหนึ่งด้วยความไม่รู้เป็นเหตุเข้าใจว่า เมื่อจีวรขาด เราจะต้องหาผ้าห่มศพเท่านั้น มาปะลงไปบนจีวร

สมัยนั้นอยู่บนภูเขา จะหาผ้าห่มศพจากไหน

แต่ที่สุดก็ได้เจอศพจริงๆ ที่เจ้าของได้ผูกคอตาย

ความพยายามที่จะให้ได้ผ้ามาอันหลากหลายมันก็เกิด

นี่…เป็นการยึดและไม่รู้ในสมัยนั้น

ที่จริงผ้าอะไรก็ได้

การปะผ้าลงไปในผืนจีวรนี่ มันเป็นธุดงค์แก่ใจประการหนึ่งที่ช่วยลดกิเลสเจ้าของได้

หากเรามักง่าย คิดว่าผ้ายุคนี้มันมีเยอะ

ความเยอะ มันจะมองไม่เห็นคุณค่าในผืนผ้าแห่งธุดงค์

—————————————————————————————————-

<<มีคำถาม : กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์ เมื่อเจองูกำลังจะกินเขียด ปากมันงับเจ้าเขียดไว้ เขียดก็พยายามดิ้นเพื่อจะให้หลุดและส่งเสียงร้องอยู่ไม่หยุด เช่นนี้แล้วควรจะทำเช่นไรครับกระผม…

***พอดีเมื่อวานนี้ นั่งเขียนงานอยู่ ได้ยินเสียงร้องคล้ายแมวและร้องไม่หยุด จึงออกเดินไปตามทางแห่งเสียง

ที่สุดก็พบว่าเขียดเผือกขาวตัวหนึ่ง ขาข้างหนึ่งกำลังโดนงูเขียวสร้อยดอกหมากกำลังกลืนกินอยู่

เจ้าเขียดกำลังดิ้นรนอย่างน่าสงสาร

เจ้างูก็พยายามเอาตัวเข้าไปรัด และดึงเข้าไปสู่ในโพรงไม้

เจ้าเขียดขาวเผือก ตัวมันใหญ่กว่าปากงูมาก แต่เจ้างูก็พยายามอมกลืนเนื้อมันหายเข้าไปในปากเรื่อยๆ

ข้ายืนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ว่า ระหว่างหนึ่งชีวิตที่ต้องดับลงเพราะเป็นอาหารกับการขัดขวางการอิ่มท้องหนึ่งมื้อของงูเจ้า อะไรสมควรกว่ากัน

พิจารณานานไม่ได้ เพราะชีวิตหนึ่งกำลังจะดับสิ้นลงเพราะความหิวโหยของอีกฝ่ายจึงเอาไม้เขี่ยงูให้ปล่อยจากเขียด

แต่เจ้างูมันไม่ยอม มันรีบเขมือบลึกเข้าไปอีก

ดูเหมือนว่าเรากำลังจะขโมยอาหารของมัน มันไม่ยอม

เขี่ยอยู่พักใหญ่ เจ้าเขียดพอมีตัวช่วย มันก็พยายามดิ้นรนเพื่อยื้อชีวิตตน

แต่เจ้างูก็ไม่ปล่อย มันพยายามเขมือบอย่างรวดเร็ว เมื่อขาเจ้าเขียดเริ่มคลายหลุดออกมาจากปาก

ขณะที่ยื้อๆกันอยู่นั้น มีงูอีกตัวเรียกว่างูสิงห์ ตอนแรกนึกว่างูเห่า มันเข้ามากินเจ้างูเขียวต่อ นี่มันไม่เห็นเลยรึไง ว่าเขากำลังช่วยเจ้าเขียดน้อยอยู่

มันไม่เกรงใจข้าเลย มาถึงก็อ้าปากกัดแล้วพยายามเขมือบงูเขียว

เลยต้องเอาไม้เขี่ยงูเขียวออกจากปากเจ้างูสิงห์อีก แต่เจ้างูสิงห์มันเขมือบไวมาก มันกลืนซ้ายกลืนขวา เจ้างูเขียวก็หายไปในปากมันกว่าคืบ

เจ้าเขียดก็กำลังจะตาย เจ้างูเขียวก็ไม่ยอมปล่อย และมันกำลังจะโดนกิน

นี่…ชีวิต ความหิวทำให้สัตว์มันมัวเมาเหมือนกัน มันหน้ามืดที่จะกินเข้าไปให้ได้

ที่สุดข้าก็ตัดใจ จับคองูสิงห์แล้วดึงเอางูเขียวออก

งูนี่ เมื่อเขมือบแล้วมันดึงออกยาก มันติดฟันที่ทะแยงเข้า

แต่ที่สุดก็หลุดออกมา หนังเจ้างูเขียวกระจายเลย ลอกออกเป็นแผ่นเห็นกระดูกเลย

โยนเจ้างูสิงห์ออกไป แล้วจับคอเจ้างูเขียวมาดึงเจ้าเขียดขาวออกจากปากอีก

เนื้อเขียดหนังเขียดนี่มันนิ่ม มันติดฟันงู ดึงออกยาก

หลุดออกมาหน่อยมันก็รีบเขมือบต่อ ไม่ยอมวาง

ที่สุดก็ดึงออกมาได้ เนื้อขาเจ้าเขียดเผือก ฉีกแดงโล่เลยทีเดียว

จับโยนมันลงไป มันลงไปนิ่งอยู่ซักครู่ แล้วมันก็กระโดดหนีออกไปอย่างเบื่อหน่ายชีวิต

ส่วนเจ้างูก็ปล่อยไปอีกทาง คงค้อนข้าน่าดู ที่ไปขวางอาหารมื้อบ่ายๆของมัน

นี่แหละชีวิต อีกฝ่ายดิ้นรนเพื่อชีวิต หนีอย่างสุดฤทธิ์เพื่อชีวิตแห่งตน

อีกฝ่าย พยายามเพื่อให้ตนแค่ได้อิ่มในมื้อนั้น เพื่อบรรเทาความหิวโหยที่เป็นทุกข์

ที่จริงมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เราไม่ควรไปยุ่งกับวิถีวิบากของกันและกัน

แต่เพราะวิบากสัญญาต่อกันนี่แหละ ทำให้ต้องพบเจอ

และเราเลือกที่จะตัดสินใจได้ว่า จะช่วยชีวิตหรือจะปล่อยให้เป็นไปตามครรลองธรรมชาติ

ข้าเห็นว่า หนึ่งชีวิตที่เกิดมามันแสนยาก

มันประคองยากกว่าความหิวโหยแห่งมื้ออาหารที่มันพรากไป

เดี๋ยวมันก็ดำเนินไปตามวิถีที่มันมีมันได้ ตามเส้นทางแห่งการอยู่รอดของมัน

แต่เมื่อได้พบเจอ การช่วยชีวิตหนึ่งชีวิตย่อมประเสริฐกว่า การดูดายและปล่อยวางด้วยเห็นว่า มันเป็นเพียงธรรมชาติของมัน…เช่นนั้นเอง

ถ้าไม่เจอนี่ ไม่เป็นไร เมื่อพบเจอ ช่วยได้ก็ช่วย

ช่วยหนึ่งชีวิต มีคุณมากกว่าโทษ ที่จะไปเสือกกับความหิวของอีกฝ่ายที่กำลังบรรเลงเพลงหิวโหย..!!

เราดูว่าไปขัดขวางการมีชีวิตของอีกฝ่าย

แต่การขวางเพราะเหตุแห่งพบเห็นของอีกฝ่าย ที่กำลังดิ้นรน เพื่อขอมีชีวิตรอด มันย่อมสำคัญกว่าความหิวโหย

ไม่เจอ นี่ไม่เป็นไร เพราะไม่รู้ไม่เห็น นี่แม้แต่เจ้างูเขียวที่โดนอีกากำลังจิกกิน ข้าเองก็เคยช่วยชีวิตมันมา

ถ้าช่วยไม่ทันนี่ ไม่เป็นไร แต่หากช่วยไว้ได้ช่วยไว้ทันนี่ เราสมควรช่วย

มีอยู่วันหนึ่ง เจ้ากิ้งก่าโดนงูเขียวพระอินทร์เขมือบไปกว่าครึ่งตัวแล้ว

เมื่อเข้าไปเห็นใกล้ๆ เห็นยังขยับตัวอยู่ ข้าเลยจับตัวงู แล้วแย่งเหยื่อออกมาจากปากมัน

เจ้ากิ้งก่าน้อยรอดตาย และยังประคองชีวิตอยู่ทุกวันนี้ มันพงกหัวขอบใจทุกทีที่เจอมัน เดี๋ยวนี้มันเป็นหนุ่มแล้ว

ส่วนเจ้างูเขียว มันก็ยังอยู่ของมันเช่นเดิม ยังหากินตามธรรมชาติเหมือนเดิม

นี่แหละชีวิต ช่วยได้เราก็ช่วย แมลงด้วงใหญ่ๆ หรอตั๊กแตนยักษ์ บินข้ามแผ่นน้ำยามค่ำคืนไม่ไหว มันตกลงไปในเขื่อน

เช้าๆข้าขับเรือมาบิณฑบาตร เห็นลอยคออยู่ ข้าก็จะจอดเรือและใช้พายเกี่ยวมันขึ้นมา

บางตัวก็จมน้ำตายไปก่อนหน้า บางตัวก็แค่สำลักน้ำที่แช่มาทั้งคืน

นี่..แม้แมลงมันก็ยังรักชีวิตเหมือนๆเรา

ข้าเคยช่วยตักแตนยักษ์ตัวหนึ่ง ตัวมันใหญ่มาก โตเป็นคืบทีเดียว หลายปีมาแล้ว

มันร่อแร่ชีวิตเต็มทน เมื่อเกี่ยวขึ้นมาได้ดูเหมือนมันจะดีใจ มีกรีดปีกตากปีกบางๆของมันกับลม และมันเชื่องกับข้ามาก

ข้าช่วยมันแล้ว ข้าก็จับมันโยนขึ้นฟ้า เพื่อให้มันบินข้ามเขื่อนต่อไป ให้มันได้ไปในทิศทางอันเป็นอิสระของมัน

ปรากฏว่าพอโยนแล้วมันหล่นตุ๊บลงในน้ำอีก มันตระเกียกตระกายเกาะไม้พายที่ยื่นลงไปให้เกาะ

เมื่อมันขึ้นมา มันก็กรีดปีกเหมือนจะบินอีก แต่ไม่ขึ้น ข้าจึงจับโยนขึ้นฟ้าอีก มันก็หล่นลงมาอีก ก็ต้องช่วยกันอีก

วันนั้นจึงคอยช่วยมันอยู่กลางเขื่อนเป็นชั่วโมง ที่สุดข้าขออธิฐาน ขอให้มันบินได้

ปาฏิหาริ์ก็เกิด มันบินได้จริงๆ มันหล่นลงมาเกือบถึงพื้นน้ำตอนข้าโยนมันใหม่

และมันก็กางปีกร่อนตัวขึ้นมาได้ มันวนๆอยู่สามสี่รอบ รอบๆเรือ คงวอร์มเครื่อง

แล้วมันก็บินจากไป บินแล้วก็ร่อนลงใกล้ผิวน้ำ ร่อนลงแล้วเหินตัวขึ้น

ข้ายืนมองมัน ขึ้นๆลงๆห่างออกไปเรื่อยๆ ใจนึกขึ้นมาว่า มันจะรอดไหมน้อ

ถ้ามันหล่นน้ำอีก ข้าก็จะพายเรือไปช่วยอีก ไม่ต้องบิณฑบาตรแล้ว ช่วยตั๊กแตนดีกว่า

ข้ายืนดูมันและอธิฐานจิตว่า ฟ้าดินเป็นพยาน หากข้าเข้าถึงความสิ้นสุดแห่งทุกข์ได้ในชาตินี้ ข้าขอเสี่ยงเอาการบินของเจ้าตั๊กแตนนี้ เป็นที่ตั้ง

หากมีกุศลให้เข้าถึงนิพพาน ขอให้เจ้าตั๊กแตนตัวนี้ บินไปได้ตลอดรอดฝั่งไปถึงฝั่งโน้นด้วยเถิด

ปรากฏว่า เจ้าตั๊กแตนมันบินๆหล่นๆ ทำเอาข้าลุ้นตลอดเวลา บางทีมัยเฉี่ยวลงมาเกือบถึงพื้นน้ำ แต่มันก็เหินตัวสูงขึ้นไปได้

ข้ายืนมองมันบินหล่นๆสูงๆจนใกลออกไป ตั๊กแตนตัวขนาดใหญ่ กลายเป็นจุดสีเขียวเล็กๆ ที่ข้าคอยตามลุ้นดู อย่างมีความสุข

ที่สุดเหมือนเสียงดนตรีบรรเลงกระหึ่มขึ้นมาในโสตส่วนลึก

เจ้าตักแตนมันเหินขึ้นสูงอย่างแข็งแรง เมื่อจุดสีเขียวๆที่มองเห็นลิบๆนั้นเข้าไปใกล้ภูเขาลูกใหญ่ที่มันทะยานบินออกไป

มันทำได้ มันเหินไปใกล้ดังฝันด้วยความสำเร็จ มันยิ่งใหญ่มาก มันทำให้ข้า มีชีวิตที่จะสู้ต่อไป เพื่อมั่นหมาย ก้าวสู่พระนิพพาน..

วันที่ 28 มกราคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง