วีถีเซน ตอนสาม

วีถีเซน ตอนสาม

505
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ข้าจะลากลงไปในสมัยพุทธกาลกันเลยละ

เอาอย่างป่าๆ คุยกัน ว่าไอ้ที่เกิดลัทธินู่นนั่นนั้น มันเกิดมาจากอะไร

เมื่อพระพุทธองค์เจ้าทรงปรินิพพาน พระมหากัสปะองค์ท่าน ได้ทำการสังคายนาปฏิรูปธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์

เป็นแบบแผนเพื่อเป็นศูนย์กลางในการตั้งมั่นในวิถีแห่งความเป็นพุทธศาสนา

ให้เป็นวินัยแก่ใจของผู้ที่อยู่ในพุทธบริษัท และผู้ที่จะเข้ามาสู่ความเป็นพุทธรุ่นใหม่

ได้มีเรื่องราวแห่งธรรมวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ในสมัยพระพุทธองค์ นำมารวบรวมเก็บเอาไว้

โดยมีพระอุบาลี… นำทางด้าน… พระธรรมวินัย

พระอานนท์… เป็นผู้… ยืนยันและร้อยเรียงข้อธรรม

และเหล่าพระอรหันต์เจ้า ที่รับเรื่องราวต่อหน้าพระพักต์ ตรวจตราธรรมตามภูมิธรรมแห่งจิต ที่เข้าถึง

ธรรมอันหลากหลายจึงได้รับการบันทึกและจดจำ ลงสู่ความเป็นอักษร เพื่อการจดจำ เรียนรู้ และเผยแพร่ออกไป

เพื่อให้ทุกคนได้เกิดการเรียนรู้ในธรรมที่ยังไม่รู้ ยังไม่ได้ฟัง จะได้เรียนรู้และศึกษาเล่าเรียน

ในการปฏิรูปธรรมครั้งแรกนี้ มีการรวบรวมพระธรรมวินัยที่แยกย่อยออกไป จากที่เคยบันทึกไว้ อีกมากมายหลายข้อ

เพื่อความเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อความเป็นจริยธรรม เพื่อความไม่เก้อและเป็นโลกวัชชะ ต่อสาธุชนและผู้คนในศาสนาอื่น

ทีนี้ ปัญหาเริ่มเกิดเมื่อกาลเวลาผ่านไปก็คือ

พวกยึดพระธรรม พวกบ้าตำรายึดตำรา ยึดพระธรรมวินัย ยึดพระสูตร ยึดพระอภิธรรม

ใครกระทำผิดไปจากตำราที่บันทึกไว้ กลายเป็นผู้ที่ดำเนินมาทางพุทธอย่างผิดวิถี

ได้เกิดการโจมตี ว่าอย่างนั้นไม่ถูก อย่างนี้ไม่ใช่

ต้องของกูนี่ถึงจะถูก เพราะนี่เป็นธรรมะโดยตรงจากคำตรัสแห่งพระโอษฐ์

เป็นคำสั่งสอนโดยตรงที่ทุกคนต้องประพฤติ กระทำตาม

ผิดไปจากข้อธรรมในตำรา นี่คือไม่ตรง ไม่ใช่ รับไม่ได้ ไม่ยอมรับ

นี่…เป็นตำราที่พุทธศาสนาตั้งไว้อันเป็นตัวแทนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ใครดำเนินผิดไปจากตำรา เป็นอันว่าไม่ใช่วิถีพุทธ เป็นเหล่าพวกเดียรถีย์ เป็นพวกนอกพุทธศาสนา

เออว่ะ..มันคุ้นๆ กับยุคนี้ยังไงพิกลโว้ยเฮ้ย

พวกศึกษาพระธรรมจากสำนักในเมือง มักโจมตีเหล่าอาคันตุกะจากสายป่า

ที่ศึกษาแนวทางการดำเนินพรหมจรรย์ ตามแนวทางที่ครูบาอาจารย์ถ่ายทอดสั่งสอน

แม้ครูบาอาจารย์ทางสายผู้ถือสันโดษ หลีกเร้นมาอยู่ป่า ต่างก็รับไม่ได้ กับเหล่าพวกเดียรถีย์พวกนอกศาสนา ที่เข้ามาบวชในพุทธศาสนา มันยึดตำรามาฟาดฟัน

ต่างศึกษาเรียนรู้ข้อพระธรรม แล้วนำมาโจมตีวิถีแห่งตน ว่าไม่ถูก ว่าไม่ควร ว่าไม่ตรง

ในเมื่อ ผู้ทรงคุณเหล่านี้ ต่างก็บรรลุมรรคผลทั้งต่อหน้าพระพักตร์ และได้รับการสาธุคุณ ต่อหน้าพระพักตร์ จากพระพุทธองค์เจ้า ที่ใจยืนยันและประจักษ์ชัด ถึงความแจ้งแทงตลอดแห่งธรรม

นี่..ตรงนี้ จู่ๆ คำชี้คำบอกเล่า จากผู้ทรงคุณเหล่านี้ กลับโดนพวกนอกศาสนาที่เข้ามาบวชในพุทธศาสนา

เอาความรู้เอาความยึดมั่นแห่งตัวตนที่มีต่อตำรา นำตำราที่เรียนรู้กลับมาฟาดฟัน การดำเนินและแนวทางที่รู้แจ้งนั้น ว่าเป็นการผิดไปจากหลัก พระธรรมวินัย

ท่านผู้รู้ท่านผู้ทรงคุณเหล่านี้ทั้งหลาย ต่างไม่ยอมรับธรรม ในข้อธรรมวินัย ซึ่งมีความหมาย เป็นคอกกั้นพวกใจทราม ที่เป็นพวกนอกศาสนาเข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากิน

เพราะพระธรรมวินัยเหล่านี้ ที่ว่ากันเป็นข้อๆ และนำเอามาฟาดฟันกุลบุตรในตถาคตเจ้า มันเกิดเหตุมาจากเจ้าพวกทุศีล

เป็นพวกที่กระทำการโดยไม่มีสติยั้งคิด ทำความเสื่อมเสียให้แก่ส่วนรวม

การบัญญัติข้อห้ามว่าไม่ควรทำ จึงเป็นข้อธรรมวินัยสกัดกั้นใจเจ้าพวกเหี้ยๆ นี้ ไม่ให้เข้ามาทำลายพรหมจรรย์ของผู้ที่ประพฤติ ปฏิบัติธรรม ให้เป็นที่เพ่งโทษ จากพวกนอกศาสนาทั้งหลาย

ธรรมวินัยทั้งหลาย เกิดจากพวกนอกศาสนามันก่อเหตุขึ้นมา เมื่อมีผู้ฟ้องร้องเห็นความไม่เหมาะสม

พระพุทธองค์จึงทรงเรียกมาไถ่ถามและชี้ทางว่า มันไม่ควรทำ

เพราะมันสร้างความเสื่อมเสียให้แก่เหล่ากุลบุตรในพุทธบริษัท

ผู้ที่ศรัทธา ก็จะเสื่อมความศรัทธา ผู้ไม่ศรัทธา ก็จะไม่เกิดศรัทธายิ่งขึ้นไป

นี่..ตรงนี้ พระธรรมวินัยจึงบังเกิดขึ้นมา พระธรรมวินัยยังเกิดขึ้นมาก็เพราะพวกทุศีล มันกระทำขึ้นมาเป็นเหตุ

นี่..เมื่อพวกยึดตำรา มันต่างเอาข้อพระธรรมวินัยขึ้นมาฟาดฟันและโจมตี

พระสงฆ์ผู้ทรงคุณที่ไม่ได้ร่วมสังคายนาก็ดี พระผู้ทรงคุณที่ห่างไกลออกไปก็ดี

ผู้รู้แจ้งแทงตลอดสายแห่งธรรมก็ดี ท่านเหล่านี้ จึงเห็นข้อธรรมวินัยที่เกิดเหตุ มาจากเหล่าพวกเดียร์ถีย์ เป็นเรื่องของเด็กน้อย หัดอ่านเขียน

การแยกแตกหน่อแห่งนิกาย จึงเริ่มแตกกระจาย ออกเป็นสายๆ ออกไป ตามจริตภูมิของผู้ทรงคุณ ที่ชี้แนวทางที่ตนเข้าถึงและบรรลุธรรม

เพื่อการรักษาใจและเป็นที่ตั้งแห่งเหล่าศิษย์ทั้งหลาย เพื่อความหลุดพ้นในวิถีที่ตน ได้ข้ามพ้นและประจักษ์ใจในธรรมที่เข้าถึง..

ธรรมวินัยบางข้อ อย่างเช่น การพรากของเขียว

การพรากของเขียวนี่ เป็นอาบัติ ที่เหล่าสงฆ์ไม่ควรทำ

แต่เหล่าผู้อยู่ป่าบอกว่า ไม่เป็นไร เพราะครูบาอาจารย์ไม่ได้บอกไว้ว่ามันผิดพระธรรมวินัยอะไร

ต่างฝ่ายต่างเพ่งโทษซึ่งกันและกัน ความแตกแยกแม้ข้อธรรมเล็กน้อยนี้ ด้วยความไม่เข้าใจในความหมายแห่งธรรม ต่างก็ขัดแย้งกัน เพราะความไม่ลึกซึ้งแห่งนัยยะธรรมเป็นเหตุ

ในพระธรรมวินัยนี้ การพรากของเขียวนี่ มันไม่ควร มันเป็นอาบัติ

นี่..ธรรมวินัยข้อนี้ หากเกี่ยวข้องด้วยผู้คน มีเจ้าของของเขียว เป็นเจ้าของในที่ดิน เป็นเจ้าของในเกษตรทั้งหลาย

แม้แต่ใบไม้ใบหญ้า ที่ไม่มีมูลค่าอะไร ของเขียวเหล่านี้ สงฆ์ไม่ควรไปหยิบไปแตะ

เพราะมันมีเจ้าของ มันมีเหตุสืบเนื่อง เหล่าสงฆ์สาวก ไปเด็ด ไปหัก ไปหยิบ ไปคว้ามาด้วยความไม่สำรวม ถือเอาความมักง่ายแก่ใจตนเป็นที่ตั้ง

ทำให้ชาวบ้านต่างร้องทุกข์ ที่เหล่าผู้บวช มาถือสิทธิ์ทำลายพืชผัก ดอกไม้ใบหญ้าด้วยความมักง่าย

นี่..เหล่านี้ ท่านจึงบัญญัติห้ามสงฆ์ไปพรากของเขียว พรากพืช เพราะมันไม่ควร เพราะเหตุแห่งการมีเจ้าของในผืนดิน

แต่กับเหล่าสงฆ์ที่อยู่ป่า หรือมีเขตแดนแห่งปริวาสที่อยู่ชัดเจน อย่างเช่นวัด สถานที่บำเพ็ญเพียร ที่เป็นเขตแห่งสงฆ์นี้ ไม่เป็นไร ไม่อาบัติ

ที่ไม่อาบัติ เพราะกุลบุตรเนื้อแท้แห่งพระพุทธชินสีห์ ท่านจะเยื้องย่าง จะเหลียวจะคู้จะเหยียด ท่านดำเนินจิตด้วยสติ

การมีสติ เกิดจากพิจารณาเห็นตรงแล้วด้วยปัญญา ตรงตามสัจธรรม จึงกระทำใดๆ ลงไป

ในสถานที่ในเขตแห่งสงฆ์ เมื่อได้รับอนุญาติจากผู้ดูแล ย่อมถากถางต้นไม้ต้นหญ้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้

แม้ในป่า ที่กำหนดเป็นเขตปริวาสที่อยู่ ที่ไม่มีเจ้าของแสดงความเป็นเจ้าของ

เช่นนี้ แม้พรากของเขียวก็ย่อมไม่อาบัติ

เพราะการพรากของเขียว ท่านก็โยนิโสตามเหตุปัจจัยก่อนพรากต่อเหล่ามวลพลังงาน ที่เป็นภวังค์วิญญาณ ที่เป็นเจ้าของในสถานที่ และเหล่าพวกวิสังขาร ด้วยสติอยู่เช่นกัน

นี่..เป็นข้อธรรมวินัย อย่างผู้เป็นกุลบุตรแห่งพระพุทธองค์ ใช้เป็นเครื่องดำเนิน

ตรงตามสัจธรรม และตรงตามวิถีแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่บ้ายึดข้อความอย่างพวกเดียรถีย์ยึดตามตำรา ที่ว่าๆ กันมาเป็นสรณะ

นี่..การเห็นธรรมตามข้อพระธรรมวินัยอย่างยึด และการมีปัญญาเข้าตรงถึงธรรม ด้วยพระธรรมวินัย มันจึงแตกต่างกัน

เหล่าพระสายป่าผู้ทรงคุณ จึงเกิดการเห็นต่าง และดูแนวทาง ที่เหล่าผู้ยึดตำรา นำตำราที่ตนยึดมาฟาดฟัน เป็นเรื่องเด็กน้อยที่มันทะเลาะกัน

เป็นเรื่องของเด็กน้อยเข้าใจธรรม เป็นเรื่องการท่องจำตามตำราแล้วมาอวดเบ่งภูมิ

เมื่อหมดรุ่นแห่งครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณ จะหาผู้อธิบายธรรมเพื่อความกระจ่าง ที่ตรงเข้าใจและตามรู้ได้ น้อยลงไปตามกาล

นิยามแห่งทิฏฐิตน ที่ไม่ตรง และเป็นธรรมแห่งความเห็น ไม่ตรงตามสัจธรรม ก็เริ่มแพร่หลาย

ทั้งในฟากของผู้ยึดตำรา และในฟากของผู้ไม่เอาตำราตามข้อธรรมวินัย

ต่างก็ว่าของกูถูก ของมึงก็ว่าของมึงไป กูเห็นตามความเห็นกู มึงก็เห็นไปตามความเห็นมึง

ความแตกแยกและเห็นต่าง จึงเกิดนิกายต่างๆ ขึ้นมาในพุทธศาสนา เป็นร้อยๆ นิกาย

เซนนี่ เป็นหนึ่งในนิกายที่แยกตัวออกมา เป็นนิกายที่ไม่เอาข้อธรรม ที่เป็นข้อๆ ตามธรรมแห่งตำราในพระธรรมวินัย

เซนนี่ ไม่มีปาราชิก ไม่มีอาบัติอะไร มีแต่ความควรหรือไม่ควร ถูกผิดว่ากันไปตามเหตุปัจจัย

จึงไม่แปลกที่นักพรตเซน มีเมียได้ มีคู่ครองได้ แต่เซนผู้เคร่ง ท่านไม่เอาและไม่มี

ธรรมทางพระอภิธรรม ที่ละเอียดลุ่มลึก ยากแก่การตามรู้ ในเรื่อง เจตสิก การปรุงแต่งแห่งนามขันธ์ ปฏิจจสมุปบาท วงล้อแห่งวัฏฏะวิถี อะไรเหล่านี้ เซนไม่เอา

มันเป็นเรื่องไกลตัว ยืนยันด้วยความเห็นจริงตามความรู้สึกทาง ตาหูลิ้นไม่ได้

อยู่อย่างเซนนี้ เป็นการดำเนินอยู่อย่าง ตรงๆ ไม่มีเงื่อนงำ ที่เป็นนัยยะอะไร ให้ซับซ้อนหรือยุ่งยาก

มันจึงเป็นแนวทางแห่งอัตตาและตัวตน ที่ดำเนินไปตามแนวทางแห่งกิเลส ที่คิดเอา ว่าเช่นนี้ถูก เช่นนี้ใช่ เช่นนี้ตรง เป็นผลที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก และตรงกับวิถีแห่งความเป็นจริง เซนเขาเอาอย่างนี้

จริงๆแล้วเซนนี้ก็ดี ไม่ต้องมาจ่ายสด แต่เซ็งเป็ดกับพวกยึดมั่น งดเชื่อเบื่อทวงซักหน่อย

เดี๋ยวต่ออีกท่อน

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง ” วิถีเซน ตอนสอง ” ท่อนที่ 1 ณ วันที่ 15 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง