ฝึก….สติแทบแตก ตอนที่ 3

ฝึก….สติแทบแตก ตอนที่ 3

1118
0
แบ่งปัน

ศพที่นอนยาวเหยียด เวลามัดตราสังข์ ไม่ต้องอาศัยวงอะไรบรรเลง เพื่อบิ๊วอารมณ์ ยิ่งตอนเที่ยงคืนพวกแกเอ๊ย... โคตรๆ 

เมื่อเราไปถึง ให้กำหนดอสุภะ ที่อาจารย์ท่านกำชับมา มองตั้งแต่ขาขึ้นไปถึงหน้า ค่อยๆมองไต่ขึ้นไปพร้อมๆกำชับคาถา อย่าให้ตกหล่น มองและพิจารณาให้ละเอียด คาถาต้องแม่น ไม่งั้นศพมันไม่ยอมให้ผ้า นี่เขาขู่มา

เมื่อพิจารณาแล้วให้เดินวนซ้าย 3 รอบ ครบแล้วมาหยุดตรงปลายเท้า จากนั้นให้เหยียบไม้กระดาน หุหุ.. เยี่ยวเล็ดไม่เล็ดก็อึตอนนี้แหละวะ.

ศพทีนอนเหยียดราบกับไม้กระดาน เมื่อปลายโดนเหยียบ ไม้กระดานก็จะกระดก พาศพขึ้นมายืนจังก้า ฮานาเก้อยู่ตรงหน้า ศพที่ตายไป 3-4 วันเจ้าประคุณเอ๋ย หน้ามันซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม บวมเป่ง เขียว

ถ้าแถมลิ้นจุกปากตาปรือๆเข้าให้ด้วย ขนงี้จะลุกชัน ตั้งแต่ส้นตีนยันปลายผมเลย ที่จริงตัวมันเบาหวิวแทบลอย ตั้งแต่มายืนพิจารณาแล้ว

เที่ยงคืนคนเดียว เดี่ยวๆกับศพ มันยืนขาวโพลนในท่ามกลางความมืด และโงกแงกไปโงกแงกมา เหม็นแสนเหม็น มันสุดแสนจะบรรยาย

คาถาอย่าให้หลุด ไม่งั้นศพลืมตา ใจต้องตั้งมั่น นี่..เขาขู่ไว้ จ้องเข้าไปในใบหน้าศพ อย่าหลบมัน การเหยียบไม้กระดานต้องพอดี คุมสติให้อยู่
เหยียบแรงศพกระดกพุ่งเข้าหาตัว ต้องพอดีๆ ไม่งั้น จ๊ากกก…กันจีวรกระจาย

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ศพยืนยิ้มแฉ่งคอห้อยอยู่เบื้องหน้า ให้ท่องบทบังสุกุล แล้วเอามือเอื้อมไปหยิบผ้าไตร ที่อยู่ในอ้อมแขนศพ หากใจไม่ตั้งมั่นพอ เราจะดึงผ้าไม่ออก ยิ่งดึงแรงศพก็จะขมำหน้ามาหาเรา จมูกชนจมูก ถ้ามันแลบลิ้นออกมาซักแพล็บ วันนี้ พวกแกคงไม่มีอาจารย์ คนนี้ มานั่งโม้.. เพราะว่าคงได้ก๋าก๊ะออกทะเลไปนานแล้ว

เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ดึงผ้าไตรออกมาได้ ค่อยๆถอยออกมา ปล่อยไม้กระดาน ศพก็จะค่อยๆเอนจากลงไป ลงไป… แล้วถอยออกมา ก้มลงกราบ เพราะศพเป็นอาจารย์เรา พิธืมันมีมาอย่างนี้

กุสโลบายนี้เมื่อผ่าน ก็จะมีจิตตั้งมั่นสมภูมินักรบ เขาฝึกกันอย่างนี้ พวกแกแค่ขึ้นภูเขาคนเดียว เยี่ยวแทบราด แถมไม่เอาและเกี่ยงกันอีก ปุ๊ยย.

ข้าเองก็ต้องผ่านเวทีนี้เหมือนกัน ข้าเลยรั่วมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ของข้า ไม่ต้องมีคาถา เพราะข้าลืมตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกมาแล้ว เดินออกไป ข้าไม่กำหนดอะไรทั้งนั้น มีอย่างเดียว คือทำความตกลงกับศพให้ได้

ข้าขอผ้าไตรผืนเดียว ข้าไม่มองหน้ามันหรอก พอไปถึงแทบจะแหกปากว่า มึงเอาม้าาาาา จะได้จบๆกัน ตอนเดินมา ขาข้าก็แทบไขว้กันอยู่แล้ว

ใจข้ามันระรัวมาร่วงหน้ากว่าครึ่งเดือนแล้วนู่น ตั้งแต่ได้ยินข่าว ว่าจะได้ขึ้นชั้น รอแค่มีศพเท่านั้น ที่สุดความฝันก็เป็นจริง แม่งเอ๊ย…มีจนได้ ข้าเตรียมใจอยู่นาน

ที่จริงไม่ต้องผ่านพิธีนี้ก็ได้ เขาไม่ทำกันแล้ว แต่ข้า ขอลอง ตอนเผชิญกับความคิด ไม่เหมือนกันพี่น้องเอ๋ย มันขนลุกขนพองสยองเกล้า ก้าวขาแทบไม่ออก

ขณะที่ดึงผ้าไตร แสงเทียนที่ข้าแอบเอามาด้วยนั่นแหละตัวดีเลย หน้าศพมันวบๆแวมๆ บอกยังไงไม่ถูก นี่เป็นศพแค่ 2 วัน แค่จ้องหน้า ซวยเลย…!!! คาถงคาถา ที่ท่องจำมาจนขึ้นใจ หายแม่งหมด

นึกอะไรไม่ออก พี่น้องเอ๋ย ข้าร้องเพลงชาติเลย จำเพลงชาติปลอบใจได้เพลงเดียว และร้องไม่ค่อยถูกด้วย มือไม้สั่นไปหมด ดึงผ้าไตรไม่ออก ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก

ศพก็สะท้านไปทั้งร่าง ด้วยแรงดึง เยี่ยวนี้ เล็ดออกมาเป็นลมทีเดียว ใจมันแทบจะขาด มันอื้อและตันจนบอกไม่ถูก

ทั้งหมด มันมีคนแกล้งข้า มันเอาผ้าไตรผูกมัดไว้กับศพ ไอ้พวกพระมันแกล้ง มันไม่ชอบพวกกรรมฐาน ข้าไม่รู้ ดึงกันกับศพยื้อ กันตั้งนานข้าคิดว่าศพคงไม่ให้

เลยตัดสินใจถอยออกมา ปล่อยไม้กระดาน ศพหล่นดังตุ๊บ แขนศพหลุดจากด้ายตาสังข์ ผ้าไตรก็หลุดออกมา ข้าเอื้อมไปเก็บบอกว่าขอนะ บอกศพว่า ห้ามกระพริบตาหรือยักคิ้ว แพล็บขึ้นมา ถ้ากูบ้าละก็ กูกระทืบยอดอก ตายเป็นศพรอบสองเชียวนะมึง

สงสัยมันโอเค มันนอนหลับตาพริ๊ม ยิ้มแก้มตุ่ย ไม่หืออืออะไรกะข้า ที่สุด ฮ่าๆๆ ข้าก็ได้ผ้าไตร แม้จะผิดวินัยที่เขาสืบทอดต่อๆกันมาก็เหอะ ข้าผ่าน

แพ้ฟาวร์แต่ชนะน๊อกโวยยย นั่นเป็นพิธี สร้างขวัญกำลังใจ ในการฝึกจิตในสมัยก่อนนู้น เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เป็นที่ท่องเที่ยว 9 วัดไปซะแล้ว ต้นไม้หายหมดแล้ว เจ๊ง..จิตเจ๊งไม่มีที่ฝึกจิตที่หนักๆอีก

วันนี้ว่าจะเล่าเรื่องการเดินจงกลม นี่โม้มาตั้งนาน ยังไม่ได้เดินเลยซักก้าว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ วันนี้แยะแล้ว โอเคนะ…พรุ่งนี้เจอกัน