บุญหลาย เกิดมาได้ร่วมทำบุญ..

บุญหลาย เกิดมาได้ร่วมทำบุญ..

613
0
แบ่งปัน

<<พระอาจารย์ : หวัดดี นี่ก็ดึกโขนะ ที่นี่มืดสนิท ข้าเองกลัวผะอี๋

>>ลูกศิษย์ 1 : อาทิตย์นี้เด็กโข่งจะไปทำทางนะครับ

<<พระอาจารย์ : เอาจริงรึ เหนื่อยนะ เพิ่งกลับกันไปเอง

>>ลูกศิษย์ 1 : แน่นอนครับ

<<พระอาจารย์ : บุญทำทางนี่ เป็นวิหารทาน เป็นบุญสูงยิ่ง ถ้าหวังผลก็ได้เป็นเทวดาชั้น จาตุฯ ถ้าทำช่วยไม่หวัง ก็ไปเป็นเทวดาชั้น ดาวดึงส์ ถ้าทำเพราะเห็นว่า คนจะได้เดินสะดวก ก็ได้เป็นเทวดาชั้น ยามา ถ้าทำเพราะเราควรจะทำเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน ก็เลือกชั้นอยู่ได้เลย

 

>>ลูกศิษย์ 2 : หลวงพี่ หนูมีคำถามค่ะ ถ้าหนูขนหินไป ตั้งจิตอธิฐานไป เช่น ขอให้ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง หนูจะสมปรารถนารึป่าวคะ?? // มีน้องทหาร เค้าจะสอบจ่า อยากมาช่วยขนหิน ถ้าเค้าขอหลวงพ่อพุทธะ ให้สอบติดจ่า จะมีความเป็นไปได้มั้ยค่ะ

 

<<พระอาจารย์ : ได้ซิ ได้แน่ๆ ตามที่ปรารถนา แต่ไม่รู้ว่า มันมาให้ผลตอนไหน อยู่รอได้ไหมละ เขาอาจสอบได้ในอีกสองชาติข้างหน้าก็ได้ ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับกำลังใจ บุญทำแล้ว ได้รับผลเลย หากผลยังไม่ปรากฏ ก็จะปรากฏในเวลาต่อมา หากในเวลาต่อมาไม่ปรากฏ มันก็จะปรากฏในเวลาต่อมาของต่อมาและต่อมาในที่สุด ปรากฏแน่ๆ ตามกำลังของเหตุปัจจัย เพราะทำแล้ว อย่างขออธิษฐานสอบข้อเขียนเป็นพระพุทธเจ้า แกก็ต้องรอนานหน่อย เพราะผลสอบมันออกช้า ต้องใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัตินาน เพื่อกาข้อบกพร่องให้หมดไป

 

>>ลูกศิษย์ 3 : หลวงพี่คะเมื่อกี้นี้ทรายดูวีดีโอพระสวดมนต์แล้วน้ำมนต์เดือดเกิดจากกำลังสมาธิเป็นไปได้มั๊ยคะหรือจากอะไรได้บ้างคะ

 

<<พระอาจารย์ : เกิดจากกำลังสมาธิจิตที่แรงกล้าของพระบางองค์ ทราย ตะกี้ข้าเพ่งเณรแล้วยักคิ้ว น้ำก็เดือด แค่ให้เณรเปิดแก๊สเท่านั้น น้ำร้อนชงโอวัลตินได้ เรื่องของจิตมันยากจะอธิบาย ฝรั่งที่มาหาข้า เขาก็ทำได้ นอกจากจะเพ่งกระจกร้าวแล้ว เขายังเพ่งน้ำในแก้วให้เดือดได้ เขาเคยแสดงให้ข้าดู แต่ข้าเฉยๆ เพราะข้าก็ทำได้ แค่เสียบปลั๊กใส่น้ำ เพ่งพักเดียว ก็เดือดเหมือนกัน

 

>>ลูกศิษย์ 3 : งั้นแสดงว่าเค้าต้องใส่เจตนาลงไปด้วยไหมคะ

 

<<พระอาจารย์ : มันเป็นเรื่องของกำลังจิตน่ะ ไม่ใช่เรื่องของความขลังอะไร และคนทำได้ ก็มักนำเอามาหากินหาทรัพย์เข้าตัว หลวงพ่อสละ แห่งวัดประดู่ทรงธรรม ท่านทำได้ แต่ท่านก็จากโลกนี้ไปแล้ว

 

ยังมีน้ำมนต์ดอกบัวบานอีก พอว่าคาถาเสร็จ เทลงน้ำที่มีดอกบัว ดอกบัวจะบานเลย หรือวางดอกบัวลงในขันน้ำมนต์ ดอกบัวก็บานเลย นี่เป็นวิชา ที่วัดประดู่ ทำไว้ขู่ใจที่คิดว่าตัวเองซวย

 

พวกนี้เป็นเดรัจฉานวิชา หากไปยึดการทำได้เข้า มันจะติดและยึดดี ไม่ฟังใคร แต่ถ้าเข้าใจว่ามันเป็นอาการหนึ่งที่เกิดจากกำลังแห่งจิต ซึ่งใครก็ทำได้ หากมีกำลังพอ ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้

 

หากเป็นแล้วอวด ความลุ่มหลงในโลกธรรมแปดของผู้คนก็จะเกิด เมื่อเกิดก็จะอยู่ไม่เป็นสุข และจิตเจ้าของก็จะไหลตามเหตุปัจจัยที่โดนปรุงแต่งจากผู้คนได้ง่าย

 

ท่านที่เข้าถึงและทำได้ ท่านจึงไม่ค่อยจะแสดง ที่แสดง เพราะใจยังเข้าไม่ถึงธรรม แต่ก็เป็นข้ออ้างของพวกที่ไม่มีไม่เป็นอีก ว่ามันก็มีมันก็เป็น เรื่องพวกนี้เป็นโลกิยะ ทำขึ้นมาเพื่อให้โลกมุ่งหวังและสรรเสริญ

 

มันเป็นของเล่น อย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า ทิพย์ คำว่าทิพย์นี่ คือของเล่น ข้าเคยเจอพระในป่าที่เก่งฌานเขาทำได้สบาย แต่ขี้เกียจเล่า วันนี้ง่วงแล้ว แบตก็จะหมดด้วย จึงขอลาก่อน

 

เล่าต่ออีกหน่อยก็ได้ การทำน้ำมนต์เดือดนี้ เป็นกสิณลม เรียกว่า วาโยกสิณ กำลังจิตที่ฝึกมาแข็งๆ อธิฐานจิตให้น้ำเดือด

 

คำว่าเดือดนี้ เราไปเข้าใจว่าเป็นความร้อน น้ำมนต์เดือดมันไม่ได้ร้อน มันแค่ใส่พลังจิตลงไปในน้ำ ใช้กสิณลมให้น้ำเกิดแตกเป็นฟอง มันก็ดูเหมือนน้ำเดือดพลุ่งพล่าน เหมือนตะพาบน้ำมันผ่อนลมออก ก็จะดูเหมือนน้ำเดือด

 

ฝรั่งเคยทำให้ข้าดู พระที่อยู่ทางป่าห้วยแม่ปลาสร้อย ก็เคยทำให้ดู ท่านบอกว่า ใช้กำลังใจนิดหน่อย หรือทำให้น้ำร้อนโดยไม่เดือดก็ได้ ใช้เตโชเพ่งเข้าไป น้ำก็จะร้อน จะร้อนมากร้อนน้อย อยู่ที่เจตนา

 

แต่เรื่องจิตนี้มันไม่แน่นนอน ได้บ้างไม่ได้บ้างข้าเลยไม่ค่อยสนใจ สู้ใช้วิธีเสียบปลั๊กตั้งไฟง่ายกว่า ไม่ต้องฝึก ฮ่าๆๆ

 

การฝึกให้มีหูทิพย์ตาทิพย์น่ะมี แต่พุทธศาสนาไม่ได้ฝึกอบรมใจมาเพื่อการมีหูทิพย์ตาทิพย์ ที่มีกันในบางคน มันเป็นเรื่องของจิตที่มันเป็น เพราะในอดีตมันอบรมมาแล้วอย่างยาวนาน และมันก็มีของมันไปอย่างนั้น

ที่สำคัญมันไม่แน่นอน มันเป็นแค่ทางผ่านของพวกฝึกจิตสมาธิ เหมือนอาการแห่งปิติที่มันเกิด บางคนเกิดบางคนก็ไม่เกิด แต่หากเกิด ก็มักจะหลงดี ว่ากูนี้เจ๋งโคตรๆ

ใจก็จะยึดอาการนี้ และใจดวงนี้ ก็จะไปไม่ถึงธรรม ธรรมแห่งช่องทางมรรคมันจะแคบ ที่กว้างก็จะเป็นทางแห่งมักมาก มันจะติดตายคารูประตูทางเข้าแห่งบุญฤทธิ์นี้ซะนี่

 

วันนี้จึงขอให้โชคดี ขอให้มีความสุขและสมหวังกันทุกๆคน

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง