ทำสมาธิ เริ่มต้นให้ถูก

ทำสมาธิ เริ่มต้นให้ถูก

429
0
แบ่งปัน

**** “ทำสมาธิ เริ่มต้นให้ถูก” ****

ขอสาธุคุณสวัสดีให้มีแต่ความสุขความเจริญ

เรื่องสมาธินี่ จริงๆแล้วก็มีผู้คนถามมาเป็นการส่วนตัวกันเยอะ

การทำสมาธินี่ ถ้าไม่มีผู้ชี้ เราก็จะหลงไปกับกระแสที่เราเป็นตลอดชีวิต

ผู้ชี้ ถ้ามั่วนี่ คนตามหลงทั้งชีวิตและหลงยาวไปยันศิษย์ยันแหลนหลานนู่แหละ

ในสมัยโบราณ

พระพุทธองค์ได้ไปฝึกสมาธิกับอาจารย์ทั้งสองคือ ท่านอุทกดาบส กับท่าน อาฬารดาบส

แม้แต่การฝึกทางด้านอรูปฌาน ก็ต้องมีผู้ชี้

สมัยก่อนนี่ เขาทำสมาธิมาทางด้านอรูปฌาน

การทำสมาธิทางด้าน รูปฌานนี่ ไม่รู้จัก ยังไม่มีใครชี้สอน

พระองค์ท่าน เข้าถึงความว่าง และดับสัญญาในสมาธิ

แต่นั่นก็ไม่ใช่หนทาง และเข้าถึงมรรคผลที่ตั้งใจ

เมื่อมาเกิดปัญญารู้หนทางแห่งพุทธะ

พระองค์จึงระลึกได้ถึงการตั้งสติในวัยเด็ก

ที่นั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นหว้า

นั่น..เป็นที่มาของสมาธิในแนวพุทธะ

ซึ่งแตกต่างไปจากการทำสมาธิของศาสนาอื่นที่เขาทำๆกัน

จุดหลักของวิถีพุทธคือ ทำอย่างมีสติ

ทีนี้ อะไรคือการทำอย่างมีสติ

นั่นก็หมายความว่า

การทำสมาธินั้น จะเอาอากาศมาเป็นอารมณ์ อย่างที่เคยทำๆมานั้นไม่ได้

มันไม่มีที่ตั้งแห่งใจ

การตั้งอารมณ์ไม่รู้ไม่ชี้ต่อสิ่งใด

มันจะทำให้จิตไหลไปในอารมณ์กระแสแห่งปิติ

นั่นก็คือการปรุงแต่งจิต ที่แสดงออกมาทางช่องต่ออายตนะ

เราไม่สามารถยับยั้งการปรุงแต่งแห่งจิตได้

แต่เราหารูปอย่างใดอย่างหนึ่ง มายึดเหนี่ยวตั้งมั่นได้

นี่..การสร้างวิตกขึ้นมา เพื่อเป็นที่เกาะแห่งใจ ไม่ให้ไหลไปในครรลองของปิติ

ปิติเป็นอาการปรุงแต่งจิต ที่แสดงออกมาผ่านเวทนาทางอายตนะ

เมื่อไม่มีที่ตั้งแห่งใจ การไหลไปในอารมณ์ปรุงแต่ง ก็จะมีไม่เป็นที่สิ้นสุด

การตั้งสติขึ้นมาเป็นวิตก จึงจะเกิดเป็นปัญญาขึ้นมาในวิถีแห่งการทำสมาธิ

เอาอารมณ์เกาะติดจรดจ่ออยู่กับวิตกนั้น ไม่ให้อารมณ์มันแกว่ง

จริงๆก็ไม่ยากหรอกนะ

แต่มันยากอีตรงคนเรารู้มากไปนี่แหละ

ในพุทธวิถี การทำสมาธิ เอาวิตกขึ้นมาเป็นสติ

และประคองสตินั้นด้วยสัมปชัญญะ

สัมปชัญญะก็คือวิจารณ์นี่แหละ

พอสัมปชัญญะมันหลุดออกไปจากวิตก

คือฟุ้งออกไปจากจุดที่เกาะ คือวิตก

หากระลึกได้

การระลึกได้นั้นคือสติ พร้อมสัมปชัญญะ

ที่เกิดวิญญาณรู้ขึ้นมาว่า

อารมณ์ตกไปจากวิตกที่ตั้งไว้แล้ว

ผู้ปฏิบัติก็ต้องยกวิตกนั้น ขึ้นมาตั้งใหม่

นี่แหละ..ทำอยู่เช่นนี้แหละ เป็นพันเป็นหมื่นแสนครั้ง

มันวิตกวิจารณ์ๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยของมันแหละ ด้วยความเพียร

พอเกิดอารมณ์ฌาน คือความเคยชินแห่งจิต มันก็จะหดตัวเข้าไปสู่อาการแห่งปิติ

นี่..มันว่ากันมาอย่างนี้

มีอาจารย์ทางสมาธิมากมาย ได้เดินทางมาพูดคุยไถ่ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิที่ลึกๆลงไป

ยังไม่เคยมีซักท่านที่เคยขัดแย้งในเรื่องจิตสมาธิ

นี่ย่อมแสดงผลชี้ให้เห็นว่า เป็นการดำเนินมาในวิถีที่ถูกต้อง

และเกิดปัญญามองเห็นหนทางแห่งความเป็นจริง

ข้าได้จำแนกแยกหมวดหมู่ให้เห็นถึงอารมณ์ต่างๆ

ท่านอาจารย์เหล่านี้ ท่านก็เข้าใจทันที

เพราะท่านมีภาชนะเดิมรองรับอยู่แล้ว

เป็นเพียงแต่ขาดผู้ชี้ขยายและอธิบาย

ปัญหาส่วนใหญ่ของท่านอาจารย์เหล่านี้เท่าที่ประสบมา

คือการเอาตนเองเข้าไปเป็น

เป็นการทำสมาธิด้วยอัตตาแห่งตน

เอาสมาธิที่ปิติปรุง มาเป็นการบรรลุธรรม

แต่ปัญญาทางธรรมไม่ได้เกิดเลย

ที่รู้ๆนั้น เอาคำจากตำราเข้ามาเป็นตนเองทั้งสิ้น

มีดจะคมได้ มันต้องมีหินลองคม

หากมัวแต่ลับคมด้วยหยวกด้วยนุ่น

เราจะเอาคมมาจากไหนเมื่อเจอไม้แข็ง


ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> ส่วนตัวเข้าใจว่า
ปฐมฌาน อาศัย วิตก ใจเบา

ฌานสอง ละวิตก วางกาย ปีติเด่น (เหมือนวางของหนัก ใจซาบซ่านแผ่ไป หรืออิ่มใจ)

พระอาจารย์ตอบ <<< ไม่ใช่อย่างนั้น

วิตกนี่ คือตัวสมมุติที่ยกขึ้นมา แล้วประคองอารมณ์สมมุตินั่น เรียกวิจารณ์

ส่วนปิตินี่ คืออาการปรุงแต่งแห่งจิต

ปรุงได้หลายทาง เช่นทางกาย ก็เรียกกายวิญญาณ

ทางตา ก็เรียกจักษุวิญญาณ อะไรอย่างนี้ และที่ปรุงนี่ มันเป็นภวังค์จิต

ไม่ใช่เราปรุงหรือเราเป็น ที่รู้สึกเราปรุงหรือเราเป็น

นั่นเป็นวิถีจิต อารมณ์อยู่ในขั้นปฐมฌาน

ไม่ใช่ฌานสองอย่างที่เข้าใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> วิตก ยกความรู้สึกมารู้ หรือยกองค์บริกรรมที่พระพุทธองค์ทรงชี้ทางไว้

ปีติ คือ การปรุงแต่งในส่วนกุศล

ไม่น่าจะขัดกันทางความหมาย

อาจต่างกันตรงบัญญัติที่สรุปย่อนิดหน่อยครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< อกุศลก็ปรุง

เชื่อเหอะ ความเข้าใจแตกต่างกันไกล

การปรุงแต่งมันเป็นเจตสิก เราบังคับมันไม่ได้

แต่เราสร้างความเคยชินที่จะจรดจ่อกับวิตกไม่ให้ปรุงแต่ง ฟุ้งออกไปได้

ผู้แสดงความคิดเห็น 2 >>> พระอาจารย์ครับ ผมอยากถามปัญหาที่เกิดกับผมสักเล็กน้อยครับ

ผมได้ยินเสียง วิ้ง..เบาๆคล้ายเสียงแมลงหรือไรสักอย่างตลอดเวลา

จะลืมตาหลับตาทำสมาธิหรือไม่ทำ

จะในบ้านนอกบ้านคนแออัดหรือที่สงัด

แต่มันเบามากถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่ได้ยิน

เมื่อก่อนผมรำคาญแต่เด๋วนี้ผมชอบมันมาก

เวลาจิตฟุ้งซ่านสับส่ายไม่อยู่กับปัจจุบันหลงไป

เดิมผมมาดูลมหายใจหรืออิริยาบถย่อย

แต่เด๋วนี้เสียงนี้ช่วยได้มากกว่า

เพราะมันทำให้จิตกลับมาได้เร็วมาก

ผมไม่แน่ใจว่าเป็นอาการทางจิต หรือ ทางกายภาพหู ครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< เป็นการปรุงแต่งปิติมาทางโสตวิญญาณ

อาจได้ยินเสียงนั่นนู่นี่

เสียงพวกนี้มันก็มีของมันอย่างนั้นแหละ

เหมือนเราเข้าที่เงียบสงัดเช่นถ้ำลึกๆ

เราจะได้ยินเสียงวิ้งๆๆ ที่ดังมาจากภายใน

เป็นแต่ว่า มโนจิตเราสงัด เราจึงมักได้ยินเสียงวิ๊งๆขึ้นมา

อย่างเช่นกลางวัน เราไม่ค่อยได้ยินเสียงนาฬิกา

แต่ตอนกลางคืนดึกๆ เราจะได้ยินเสียง ติ๊กๆๆ ของนาฬิกามันเดิน

ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>> กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ

แล้วทำอย่างไรจิตจึงเลื่อนจากปฐมฌานไปสู่ทุติยฌานครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< เราบังคับไม่ได้หรอก

หน้าที่ของเรา คือประคองวิตกวิจารณ์เท่านั้น

มันไปของมันเองด้วยความเพียร และความชำนาญเคยชินของมัน

เช่นถ้าเราชำนาญในทุติยฌาน

เมื่อเราเริ่มปฏิบัติ

อารมณ์ก็จะไปทุติยฌาน คือไหลไปสู่ภวังค์ด้วยตัวมันเอง

ไม่ใช่เราทำให้มันเลื่อนจากปฐมฌานไปสู่ทุติยฌาน

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วันที่ 7 มกราคม 2561