…อันชีวิต ลูกไก่ แม่ไก่ ที่โม้ไปเมื่อเช้า นี่..กำเนิดแห่งสัตว์ ทำให้ไหลไปตามการปรุงตามสัญ
ตอนให้ข้าวสวย ใจก็ตามข้าวสวย แต่กำลังแห่งความต้องการข้า
นี่…ที่จริง แม้ความเป็นสัตว์ มันก็ละก็ตัดได้ แต่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยอื่น
มนุษย์เรา เมื่อเกิดผัสสะ ผู้ที่ขาดสติ มักจะตัดสินใจไปตามผล เรียกว่า กระโจนเข้าสู่กระแส ใจที่มีตัณหา ผุดขึ้นมาไม่รู้จบนี้ ด้วยคิดว่า ฉันมีสติแล้ว สติเช่นนี้ เป็นสติ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
เมื่อเป็นมิจฉาทิฏฐิ ศีล สมาธิ ปัญญาที่เจริญตามมา ก็เป็นมิจฉา และเพราะความไม่รู้เป็นเหตุ
หากขาดสติ ยับยั้งก่อนตัดสินใจ มันมักดำเนินมาทางฟากฝ่าย สมุทัยทั้งสิ้น แม่ไก่แจ้ รักลูก ห่วงลูก โลกบอกว่านี่ เป็นสิ่งที่ดี ที่ควร และน่าสรรเสริญ
แต่ทางธรรม ก็เห็นเช่นโลกว่า เพียงแต่ว่า เห็นลึกกว่า ว่าแม่ไก่ หลงไปในอำนาจของอุปาทาน อย่าง อาการนี้ เรียกว่าหลงไปในกระแส กระแสนี้มันไหลวน ให้สัตว์หลุดจากวังวนแห่งกร
เพราะมันเป็นกระแสแห่งจิตสั
เมื่อผัสสะ หากขาดเหตุปัจจัยมาเหนี่ยวร
ในวันที่นางสุชาดา ได้นำอาหารมาถวาย เมื่อได้ทรงเสวยจนอิ่มหนำสำ
เบื้องหน้าคือแม่น้ำ เนรัญชรา อันไหลเชี่ยว เพราะเป็นฤดูคาบเกี่ยวกับกา
กระแสแห่งเนรัญชรา พาถาดเหล็กไหลล่องไปตามแรงแ
ผู้ที่ฝึกจิตมายาวนาน บารมีเต็มและแก่กล้า แม้อาการผัสสะแห่งกระแสนี้ ก็ย่อมมองเห็นความเป็น สัจธรรม มันเป็นอีกสัจธรรม ที่ได้ผัสสะ ตามความเป็นจริง
ดั่งครั้งหนึ่ง ที่มองเห็นว่า การทรมานกาย ไม่ใช่ทาง แห่งการพ้นทุกข์ ดั่งโลกเขาว่า และตนเองว่า เรียกว่า ใจมันเกิดการวาง ปรารภโลก และปรารภตนเอง
แต่กำลังแห่งปัญญา ยังหนุนเนื่องไม่พอ แม้เข้าถึงสัจธรรม แต่ก็เป็นสัจธรรม ที่ยังเอากำลังแห่งปัญญาเข้
การที่ถาดลอยไปตามกระแสแห่ง
พระพุทธองค์ทรงเห็นชัดแล้วว
่า สิ่งใดๆ ก็ตาม ที่ไหลวนไปตามแรงแห่งกระแส สิ่งนั้น ย่อมจมหายไปในห้วงของกระแส แต่หากสิ่งใด ที่มีกำลังทวนแรงแห่งกระแส ต้านแรงแห่งกระแส แม้ถาดใบนี้ หากมันมีกำลังไหลทวนกระแส ถาดใบนี้ จะไม่เป็นถาดที่จมลงในห้วงแ
ห่งกระแสแน่นอน..!!
นี่คือเหตุแห่งการได้ทรง ตรัสรู้ แห่งพระสัมโพธิญาณ บุรุษเมื่อได้แนวอุบายแห่งจ
นี่..เป็นธรรมชาติของผู้แสว
พระพุทธองค์ทรงตรากตรำทรมาน
และพระพุทธองค์ ก็ได้ปรารภตนเอง โดยเห็นตามโลกว่า มันคงจะดีตามโลกเขาว่า อยู่เหมือนกัน 6 ปี พระพุทธองค์วนเวียนอยู่กับก
กระแสมันพาให้ไหลจมลงไปในห้
ถาดที่ไหลจมลงไปตามกระแสที่
กระแสนี้ เป็นผลทำให้จมหาย การย้อนกระแส ย่อมต้องอาศัยกำลัง สาวผลแห่งกระแส มุ่งเข้าไปหาเหตุ พระพุทธองค์เจ้า เห็นแนวทางแห่งอุบายจิตที่เ
แม้เลือดจะเหือด เนื้อกายจะแห้ง กระดูกจะป่นเป็นผง เรา..ก็จะไม่ขอลุกจากบัลลัง
นั่นก็คือ การทวนกระแส สาวผลไปหาเหตุ นี่..เป็นหลักแห่งอริยสัจ ที่มนุษย์ผู้ทรงปัญญา มีดวงตามองเห็น ที่สุด..พระพุทธองค์ก็ทรงตร
ทำให้มีลูกหลานที่ดำเนินมาต
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 นี้ เรามาร่วมใจระลึกถึงคุณ แห่งพระพุทธองค์ท่าน และขอทวนกระแส ตามทางแห่งธรรม ที่ได้ดำเนินมาตามแนวทางแห่
เที่ยงนี้ สวัสดี เราพึงเว้นขาดจากการ ปรารภโลก และปรารภตนเองอีกต่อไป สวัสดี..!!!
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 25 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง