ผีจะเอาทำผัว ท่อน 1

ผีจะเอาทำผัว ท่อน 1

1211
0
แบ่งปัน

****** “ผีจะเอาทำผัว ท่อน 1” ******

หวัดดีทุกคน วันนี้ข้าว่าเล่าเรื่องปู่จ่าง ที่นครนายกก่อน หรือจะเอาเรื่องน้องผีที่ พุเตยดี เอาที่พุเตยก็แล้วกันหน้อ เพราะเป็นผีสาว

สมัยหนึ่ง เมื่อตอนปี 51 ข้าได้ไปเดินท่องป่า แถบหมู่บ้านพุเตย ข้าอยู่ที่นั่นหลายวัน ข้าพักในชายป่าใกล้ฝายเก็บน้ำ แต่ข้าอาศัยอยู่บนเนินเขา ตรงที่ข้านอน และอยู่ปฏิบัติ เป็นต้น ตะแบกใหญ่

ไอ้ที่ต้นตะแบกนี้ มันมีผีสิงอยู่ ผีนี้เป็นผีสาว ข้ารู้ตั้งแต่ตอนเข้าไปพักแล้ว เพียงแต่ข้าไม่ใส่ใจ ผีก็อยู่ส่วนผี คืนแรก มีคนในหมู่บ้าน มานั่งฟังข้าโม้เรื่องธรรมเกือบเที่ยงคืน เขาชอบฟังธรรม ไม่ยอมกลับ อยากให้ข้า พักอยู่ที่นั่นเลย เขาจะจัดหาอาหารมาให้ข้าทุกเช้าเลย

ต่างจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่ข้าไม่ได้กินข้าวตั้ง 5 วัน เพราะเขาไม่ยอมใส่บาตร แต่ที่นี่ มีชาวบ้าน อาสาหาอาหารมาส่งทุกวัน เพียงแค่ขอให้ข้าได้อยู่เท่านั่น ข้าบอกเขาว่า ที่ต้นตะแบก ใหญ่ต้นนี้ มีผี พวกเขาตกใจ เพราะไม่รู้มาก่อน เขาให้ข้าย้ายที่นอน แต่ข้าไม่ย้าย

ชาวบ้านพวกกระเหรี่ยงนี่ ธรรมชาติของเขามักนับถือผี ยิ่งเป็นผีในต้นไม้ เขายิ่งเคารพมาก คืนแรก และคืนที่สอง ไม่มีปัญหา ข้าพักสบาย แต่ตอนคืนที่สามนี่ซิ แม่น้องนางเข้ามาในมโนจิต ตอนนั่งสมาธิเลย เธอมาในรูปของหญิงสาว เปลือยอก นุ่งผ้าซิ่นไหมพราวเชียว

นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตรงหน้าที่ข้านั่ง หน้านางงามมากๆ ตรงสเปกข้า นมก็สวยเต่งตึงช้อนงอน ขนาดสเปกข้า ข้ามาพิจารณา ว่านี่มันสัญญาข้ารึผีจริงๆ ข้าเองนี้ เคยเจอเรื่องประเภทนี้ พอสมควร หากเล่า มันก็จะแยกออกไป ถึงผีนางตะเคียนอีกที่หนึ่งอีก เดี๋ยวเรื่องนี้จะเป็นสองผี เอาผีนี้ก่อน

แม่นางผีคนสวย กลมกลึงไปทั้งร่าง นางนั่งยิ้มจ้องหน้าเอียงอายอยู่อย่างนั้น ข้าเองเคยเห็นผีที่เขาเรียกกันว่า นางฟ้ามาแล้ว จะเป็นนางฟ้า หรือนางผี เขาสามารถทำรูปให้สวยได้พอกัน แต่ยังไงก็ตามเหอะ เธอก็คือผีทั้งคู่ เธอไม่ใช่คน ความกำหนัดยินดี ข้า มันไม่เกิด

ที่ไม่เกิด เพราะมันเป็นอารมณ์สมาธิอยู่ ฉะนั้น หญิงงามที่นั่งเปลือยอกอยู่ตรงหน้า มันก็เลยเหมือนภาพมายาที่เป็นเช่นฝัน นางนั่งเอียงอายอยู่เช่นนั้น จนข้าคลายออกจากสมาธิจิต กลับมาสู่วิถีแห่งจิต ที่ทำความรู้สึกตัวเองได้แล้ว ภาพนั้นก็หายไป

ข้าแผ่เมตาจิตแล้ว นอนตะแคงท่าไสยาสน์ พอเคลิ้มๆ เข้าภวังค์ อีนางคนนี้เข้ามาอีกแล้ว คราวนี้แก้ผ้ามาเลย มันจะเอาข้าเป็นผัว มันกระโดดโถมเข้ามาเลย มันไม่ยอมถามข้า ว่าจะเอากะมันรึเปล่า นางใจร้าย กระโดดปุ๊บเข้ามา จะข่มขืนข้าท่าเดียว

แต่ตาข้าลืมตาพรึบขึ้นมา ภาพเหล่านั้น ก็หายไป ข้านอนพิจารณา กระพริบตาอยู่ในความมืด นี่กูจะยอมให้ผีมันเย๊ดดีไหมว้า..!! ข้าคิดเช่นนั้น

ปกติ กำลังแห่งจิตของข้านี้แรงจัด ทั้งกำลังสติ และกำลังแห่งการพิจารณา ในช่วงที่ข้าเคลิ้มๆ อยู่นั้น ข้ากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะนอนด้วยสติสัมปชัญญะ อะไรแวบแม้เพียงเล็กน้อย จิตจะพุ่งเข้าสู่วิถีจิตทันที แม้ขณะที่กำลังฝันอยู่ กำลังแห่งสติมันสามารถ แหกภวังค์ ขึ้นมาลืมตา และหยุดการปรุงแต่งแห่งฝันนั้นทันที

นี่ ข้ามีกำลังเป็นเช่นนี้ เพราะมันฝึกอบรมจิตมาหลายๆ ปี มันเคยชินของมัน ผีสาวสวยในฝัน ทำเอาข้าไข่แข็ง ตื่นแล้ว ไข่ก็ยังแข็ง อาวุธข้ามันพร้อมสู้ มันไม่ได้กลัวผีนี่

เมื่อนอนพิจารณาชั่วครู่ ข้าก็หลับตา ชั่วไม่นานหายใจไม่กี่ฟรืด จิตก็ไหลเข้าสู่ภวังค์อีก คราวนี้ น้องนางยืนเอียงอาย ไม่กล้าเข้ามาขืนใจข้าอีก แน๊ะ…เป็นฝันเรื่องเดิมอีก

ในฝันนั่น ข้ามีความกระสันที่จะร่วมรักกับหญิงสาวผู้นี้ มันไม่ได้คิดว่า นี่คือผี มันมีแต่ความกระสันที่ข้าจะไปทำการสืบพันธ์ ตามสัญชาติญาณ แต่พอข้าโถมตัวเข้าไปหาอีน้องนาง ตาข้าก็ลืมพรืบขึ้นมา อดแดกอีก

ข้าขำๆ ในใจ ตรงนี้ ทำให้ข้าเกิดปัญญาพิจารณาขึ้นมาว่า
ธรรมชาติสัญชาติญาณในความฝัน เราบังคับและคุมไม่ได้ มันก็ยังมีสัญญาธรรมชาติแห่งการปรุงแต่ง ที่เราไม่อาจไปเป็นเจ้าของควบคุมได้

ในฝัน มันไม่มีความเป็นเจ้าของ ตัวตน มันปรุงไปตามสันดานที่มันมีและมันเป็น ข้ามานอนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ จึงหลับตา เพื่อเข้าสู่ภวังค์อีก

จิตที่มันว่างๆ ด้วยความเคยชิน หายใจไม่กี่พรืดดด มันก็จมฟูกเข้าสู่ภวังค์อีก นี่..ไม่ได้เข้ามาเพื่อที่จะเย๊ดผีหรอกนะ ข้าแค่อยากรู้ ในฝัน มันจะเป็นอย่างไร มันจะเปลี่ยนโปรแกรมปรุงไหม พอเคลิ้มๆ ไป น้องนางก็ปรากฏอีก นางหันหลังให้ สยายผมฟูน่ารักน่าเอ็นดู ความกำหนัดใจในฝันก็เกิดอีก

มันอยากเข้าไปร่วมรักกับแม่นางคนสวยนี้ พอเราจูงมือกันเพื่อจะหาที่บรรเลงเพลงกามกัน มันก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ เข้ามาเสือกอีก ที่จริง เขาก็นั่งเฉยๆ แต่ในฝันนั้น ข้ากลัวเขาเห็น จึงจูงมือน้องนางไปที่อื่น พอได้สถานที่ กำลังจะโจ๊ะปึ่งปึ้ง ก็ดันมีไอ้บ้าอีกตัว เข้ามาเสือกอีก

คนจะเอากันซักหน่อย หนอย..มีแต่พวกมารมาขวาง คราวนี้แม่นางพาข้าข้ามไปทางเหว นัยว่า เป็นที่ๆ ผู้อื่นเข้ามาไม่ได้ เมื่อไปถึงสวรรค์ก็เป็นใจ เราต่างก็โถมเข้าหากัน เพราะในฝันนั้น ข้าเองก็งี่เงี่ยน เต็มทนแล้ว ก่อนที่ร่างจะสัมผัสร่าง ข้าก็ลืมตาพรืบขึ้นมา

แต่การลืมตาครั้งนี้ ขนหัวลุกตั้งชัน มันลุกแบบสยองพองเกล้าทีเดียว นี่…ผีคงขัดใจ ที่ไม่ได้เอากันซักที

ข้านอนพิจารณานิ่งๆ ว่าเกิดจากอะไร และเห็นชัดว่า ความฝันครั้งนี้ มันต่อเนื่องด้วยกามตัณหา ทางรูปที่เป็นราคะถึงสามครั้งแล้ว นี่มันเป็นฝันหรือความจริงกันแน่

จึงลุกขึ้นนั่งกรรมฐาน และพิจารณาในความฝัน พิจารณาว่า ทำไม ใจภายในมันจึงกระสันยินดี ที่จะเอากับรูปโฉมในฝัน ทำไม มันถึงไม่เปลี่ยนเรื่องปรุง

เมื่อจิตมันเกิดการรวม ก็มีผีท่านหนึ่ง มาบอกว่า นี่ถ้าเขาไม่เข้าไปขวาง ป่านนี้ ข้าเป็นผัวผีไปแล้ว เพราะใจข้ามันกระสันจะเย๊ดเหลือเกิน

ข้าฟังเฉยๆ ผีอีกตัวก็เข้ามาอีก มาบอกในทำนองเดียวกัน ว่าข้านี่ ใช้ไม่ได้ ใจง่ายเหลือเกิน เห็นแก่รูป โดนราคะล่อลวงหน่อย ก็กระโจนเข้าสู่กระแสแล้ว

นี่ถ้าเขาไม่เข้ามาขวาง คงได้เย๊ดกันสนั่นทุ่ง นี่..เขามาว่าข้าอย่างนี้ เมื่อจิตมันคลาย กลับมาเป็นวิถีจิตข้า ข้าก็มานั่งพิจารณา ว่าเรื่องทั้งหมด นี่มันจริงรึว่าฝัน แต่วันนี้ดึกแล้ว ข้าจะไปโม้ต่อพรุ่งนี้ มาเดาดูซิ ว่าเรื่องนี้ จริงรึฝัน แต่ถ้ายอดคนฟังน้อย ข้าไม่เล่าหรอก พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน สวัสดี..!!


<< พระอาจารย์ : เราได้อะไร จากเรื่องนี้ ระหว่างความฝัน กับความเป็นจริงที่เป็นเรา

>> ลูกศิษย์ : แล้วจะวางจิตงัยคะ เมื่อทั้งความฝันและความจริงเรามีสัญญาเป็นตัวพาไป เมื่อผัสสะเกิดแล้วสัญญาทำงานเราจะทำงัยได้คะ ต้องหาตัวช่วยเปล่าคะ

<< พระอาจารย์ : ช่วงที่มีกำลังสติแรงกล้า จิตมันจะสร้างโปรแกรมป้องกันขึ้นมาซ้อนเข้าไป ในโปรแกรมสติ เพราะการปรุงแห่งภวังค์จิต เราเข้าไปบังคับหรือไปมีตัวตนอย่างนั้นอย่างนี้ มันไม่มี มันย่อมปรุงไปตามสัญญาของมัน โดยมีเราเองนี้ เป็นผู้แสดงและรู้ดูเรื่องราวด้วย

ในวิถีจิต มันมีเราเข้าไปบังคับได้ ว่าอะไรควรหรือไม่ควร แต่ในฝัน มันไม่มีเจ้าของ สำนึกว่าควรหรือไม่ควร มันดำเนินปรุงแต่งไปตามเรื่องราว แต่เรื่องราวที่ปรุง ไม่ว่าจะปรุงไปในแง่ไหน สำหรับใจที่ฝึกอบรมมาอย่างดี

ขณะอยู่ในโปรแกรมวิถีจิต มันสามารถ เข้าไปตั้งเซ็นเซอร์ ตัดวงจรการปรุงในภวังค์จิต เข้าสู่วิถีจิตได้ ดั่งเช่นที่จิตข้าเป็น พอกำลังจะได้ล่อกัน ตามันก็ลืมพรึบขึ้นมา ทำให้ข้า ต้องอดแดกตลอด แม้ในฝัน

ฮือๆๆๆ เกิดมาอาภัพชิบหาย ต้องมาบวช เอากับใครไม่ได้ แม้ในฝัน แม่งก็มีมารนอกและมารใน มาขัดขวางอีก นี่..เป็นวิบากแท้ๆหนอ ไม่รู้ไปทำกรรมอะไรไว้

>> ลูกศิษย์ : แล้วผู้ปฎิบัติท่านอื่นจะมีเซ็นเชอร์ตัดวงจรสัญญานี้ได้มั้ยคะ แล้วหลวงพี่ฝึกยังงัยคะ

<< พระอาจารย์ : นี่..ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ของข้านี่ มันตัดของมันเอง ทั้งๆ ที่มันก็ยังอยากเอาอยู่ตามสัญญา ข้าไม่ได้ฝึกยังไง ข้าคิดว่า มันเป็นโปรแกรมความละอายใจ ที่มันมีความหนาแน่น ที่เรียกว่าศีล มากกว่า

>> ลูกศิษย์ : อย่างนี้เรียกว่าศีลรักษาเราเหรอคะ

<< พระอาจารย์ : ศีลแห่งความประพฤติพรหมจรรย์ มันรักษาตัวมันเอง โดยที่ข้าเองก็ไม่ได้ไปเป็นเจ้าของ หรือรับรู้กับการกระทำของมัน มันเป็นของมันด้วยตัวมันเอง อะไร ที่เป็นความเสื่อมเสีย แม้ในฝัน มันก็มีโปรแกรมของมันป้องกัน

>> ลูกศิษย์ : อย่างนี้นี่เองทำไมต้องรักษาศีลพรหมจรรย์

<< พระอาจารย์ : มันจะไม่ยอมให้ความเป็นพรหมจรรย์ สูญหายไปจากความเป็นศีล ส่วนการปรุงแต่งในฝัน มันก็ทำหน้าที่ของมันไป ตามภวังค์มโน มันมีสัญญาของมันอยู่ มันก็ปรุงไปตามสัญญา มันไม่มีเจ้าของในการปรุง นี่..เรื่องจิตมันซับซ้อน เราคิดด้วยความคิดเรา คิดเท่าไหร่ ผิดหมด

>> ลูกศิษย์ : แม้ไม่อยู่ในภวังค์แค่อ่านเฉยๆ คิดว่าก็สร้างมโนกันไปตามสัญญากันละคะ

<< พระอาจารย์ : เพราะมันยังมีกาลที่ละเอียด แทรกซ้อนวิถีการปรุงแต่งจิตสังขารอีก เราเข้าไปรู้ไม่ถึง ต้องเป็นวิสัย พระพุทธองค์เจ้านู่แหละ ถ้าไม่อยู่ในภวังค์ มันบังคับได้ มันดัดแปลงและปรุงแต่งด้วยความเป็นเราได้ เพราะมันเป็นตัวตนของเราอยู่ งั้นคืนนี้ โอเคนะ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 21 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง