บ้าธรรม บ้าตำรา

บ้าธรรม บ้าตำรา

970
0
แบ่งปัน

: กราบสาธุธรรมยามเช้าค่ะพระอาจารย์ ผู้มีความเชื่อศรัทธาในทางเดียว แล้วดูถูกความเชื่อความศรัทธาของผู้อื่น คอยใช้คำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นข้ออ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้

หากหนูคิดแบบผู้ยังเขลาปัญญาเบา เอาแบบบ้านๆ แค่หนูทำความดี ละความชั่ว หนูก็ได้ชื่อว่าทำดีแล้ว

การทำบุญ ทำกับพระทั่วไปเป็นพุทธพาณิชย์

การภาวนาถ้าเอาจิตไปจับกับคำภาวนาจะไม่หลุดพ้น ต้องเวียนว่ายตายเกิด แค่ดูลมหายใจเท่านั้น แล้วท่องพระสูตรให้ได้เพียง 1 บท

คือ..หลายอย่างที่หนูสงสัยและพยายามจะมองข้ามไป ถ้าไม่มากระทบใจ เพราะคิดเอาว่าทำแล้วดี ทำแล้วสบายใจก็ทำ

หากแต่น้องชายสามีหนู เป็นหัวเรือใหญ่อยู่ในฝ่ายพุทธวัจน คอยพูดคอยแย้งความไม่ตรงคำสอนพระพุทธเจ้า ทั้งที่เรานิ่งเฉยไม่เคยพูดแย้งใดๆ เลย

หนูศรัทธาในคนดี ประพฤติ ปฏิบัติดี มิใช่แค่การกระทำต่อพระพุทธศาสนาแบบสุดโต่ง ไปเฝ้าคอยรับใช้พระ แต่ห่างจากการดูแลบุพการี

เอาเงินไปทำบุญ แต่ไม่ส่งเสียบุพการี จะให้เชื่อให้ศรัทธา ให้เดินตาม แต่การกระทำสวนทางกัน ถ้าไม่เจอกับคนใกล้ตัว คงคิดว่าตนเองช่างบาปหนอ ปรามาสผู้ปฏิบัติดี

ทุกวันนี้หนูก็ไม่เข้าใจพุทธวจนเลยค่ะ ทั้งๆ ที่ก็ลองเข้าไปมาพักนึ่งค่ะ ขอพระอาจารย์ชี้แนะลูกด้วยเจ้าค่ะ

พระอาจารย์ : พุทธวจนไม่ได้ทำร้ายใจใคร มีแต่จะอบรมใจใครๆ ให้เห็นความเป็นจริงได้มากขึ้น

แต่ที่ ต้นอ้อ อุไรวรรณ ดวงจินดา ให้ความเห็นนั้น เป็นเพราะความยึดมั่นที่โต่งของผู้คน ที่มันยึด พุทธวจน ไม่ใช่คำแห่งพุทธวจน

ตรงนี้ที่มีปัญหากับผู้คนทั้งหลาย ในความโต่งแห่งธรรม ไม่รู้จักวินิจฉัยตนเอง

เอาธรรมแห่งความดี ที่ตนเองเข้าใจว่าด้วยตนเอง ยัดเยียดให้แก่ผู้อื่น

ตรงนี้แสดงความเป็นอัตตาตัวตน ที่พยายามชี้นำคนอื่น ให้ว่าตามพระสูตร

แต่เจ้าของ กลับงมงายในพระสูตร โดยขาดการวินิจฉัย ใครว่าอะไรก็ผิดหมด ต้องว่าตามสูตรที่ตนลอกจากตำรามาเท่านั้น

แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันทุกคน คนมีปัญญาท่านไม่เอาพระสูตรไปโจมตีคนอื่น ว่านั่นนู่นนี่ผิด

ท่านเหล่านี้ ยึดดีไป ยึดแบบโง่ๆ มีแต่อากาศแห่งอัตตาที่สร้างกันขึ้นมา เรียกว่า…หลงธรรม

หลงว่านี่ คือ หลงคำตรัสคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ที่ว่ากันมาตามตำรา พวกเราต้องเชื่อฟัง

ห้ามผิดไปจากอักษรที่มีมาตามพระสูตร นี่ไม่ใช่คำสั่งสอน นี่มันเผด็จการทางความเชื่อแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ ศาสนานี้ ก็เป็นศาสนาแห่งความเชื่อ ไม่ต่างกับนอกศาสนาอื่นๆ

ที่ผู้ตามต้องเชื่อคำภีร์เท่านั้น เพราะเป็นคำจากพระผู้เป็นเจ้า

อะไรเกินความรู้หรืออธิบายไม่ได้ ก็อ้างพระผู้เป็นเจ้ายันเต

คำแห่งพุทธวจน มันเป็นเปลือกที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่อ

กัดทั้งเปลือกด้วยความหน้ามืดตามัว เพราะเห็นเปลือกดี สวย มันก็เป็นได้แค่ปุถุชน

ดูๆไปเหมือนเป็นลัทธิทหาร ที่ทุกคนต้องเชื่อฟัง

ใครไม่เชื่อฟังมันทั้งหลายเป็นพวกนอกศาสนา ใครไม่ฟังต้องโดนยิง

ไม่ต้องคิด ไม่ต้องนั่นนี่ ขอให้เชื่ออย่างเดียว อ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ คงนิพพานกันเป็นแถว

แต่ใจเจ้าของ ยังเพ่งโทษโกรธแค้นคนที่ไม่เห็นด้วย เหมือนพวกหวังดี เอาหนอนออกจากขี้

อย่างนี่ไม่ใช่แนวทางแห่ง…วิถีพุทธ

พระสารีบุตร ท่านกล่าวว่า

ท่านไม่ได้เชื่อ…เพราะความเป็นพระพุทธเจ้า

ไม่ได้เชื่อ…เพราะความเป็นครูบาอาจารย์

ไม่ได้เชื่อ..เพราะท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น เอกอัครสาวก

แต่ท่านเชื่อ…เพราะท่านได้วินิจฉัยตาม และพิสูจน์ได้ ด้วยกำลังแห่งปัญญาตนยืนยันได้

ท่านเชื่อธรรมที่ปัญญาได้เข้าไปยืนยัน ตามที่พระพุทธองค์ทรงชี้

เพราะในเมืองต่างๆ มีอาจารย์หลายท่าน มีผู้บอกว่าตนเป็นพระพุทธเจ้ากันหลายองค์

เป็นเจ้าจอมลัทธิ เป็นศาสดามากมาย หากท่านเชื่อ ท่านก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า ที่เป็นจอมศาสดาเหล่านี้ด้วย

ท่านก็งมงายเข้าไม่ถึงความเป็นจริงแห่งสัจธรรมได้ด้วยความเชื่อ

หากพระพุทธองค์ทรงบอกว่า ส้มนี้หวาน

ท่านก็เชื่อว่าหวานตามที่พระพุทธองค์ชี้

แต่ท่านย่อมมีสิทธิ์ ที่จะไม่เชื่อใจท่าน ที่เชื่อตามคำพระพุทธองค์ชี้ว่าหวาน

เพราะท่านเองยังไม่ได้ชิม

ความหวานที่พระพุทธองค์ชี้ ก็เป็นได้แค่ หวานความรู้

ความเชื่อเช่นนี้ ยังโต่งและงมงายอยู่

ตราบใดที่ท่านได้ลองลิ้มลองชิมในสิ่งที่ชี้นี่ซิ

มันจึงจะเป็นความจริง ที่รู้ความหวาน

ไม่ใช่ตำราบอกว่าไง ก็ต้องเชื่อกันยันเต เอาคำชี้ทั้งหลาย ที่เป็นแค่หวานความรู้ โดยไม่รู้ความหวานจริงๆ มาเป็นที่พึ่ง

พระพุทธองค์ท่านทรง สาธุคุณ และทรงตรัสว่า

กุลบุตรเรา คือผู้มีปัญญาเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นผู้เชื่ออย่างงมงาย

ถ้าจะเถียงกันในเรื่องพุทธวจน มันก็จะอ้างพระสูตรกันยันเต รู้แม่งทุกสูตร แต่ทำไม่ได้ซักสูตร

ไม่นับถือพระพุทธรูป แต่นับถือกระดาษที่พิมพ์เป็นรูปพระ ไอ้ห่า…มันต่างกันตรงไหน

ลอกคำมาจากพระไตรปิฏก เอาที่ถูกใจและคิดว่าใช่ อะไรที่คิดว่าไม่ใช่ โจมตีเขี่ยทิ้งไป ไม่เอา

ดูถูกภูมิปัญญาครูบาอาจารย์ที่เข้าถึงธรรม ว่าไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องมาจากตำราและหนังสือ ที่ฝ่ายตนเลือกชี้และหามา

พระพุทธองค์ท่าน ทรงชี้แนวทางความจริงแห่งจิตให้เห็น ว่าธรรมชาติมันเป็นเช่นนี้ๆๆๆ

ส่วนพวกเราปัจจุบันนี้ เอาความเชื่อแห่งภูมิปัญญาของผู้แปล มาเป็นคำพระพุทธเจ้าตรัส

แปลออกมาเป็นภาษาไทย ว่าท่านทรงตรัสว่าอย่างนี้ๆๆๆ

ไอ้ที่ตื้นๆเป็นเรื่องจริยาของคนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พอแปลไปในทางสภาวะจิต ตั้งแต่กองสังขารขึ้นไป ชักออกลูกมั่ว

เอาแต่หัวข้อมามั่ว หากใครไปขยายหัวข้อ มันก็จะบอกว่า ไม่ใช่นั่นเป็นคำของเกจิอาจารย์ นี่..มันโง่หลาย

ขนาดพระสารีบุตร รับฟังต่อหน้าพระพักต์ ท่านยังไม่เชื่ออย่างงมงาย

พวกเราเขาเขียนเขาเล่า แปลๆกันมาหลายภาษาหลายยุคหลายสมัย

มาบังคับและยัดเยียดให้ผู้คนเชื่อว่า นี่คือ ธรรม คำจากพระโอษฐ์

ใครผิดไปจากอักษรคำแปลเหล่านี้ ผิดแม่งหมด

นี่แหละ เผด็จการลัทธิทางธรรม ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยแห่งเสรีชน ในความเป็นอิสระทางความคิด

และเหล่าสาวก ต่างก็เปล่งสาธุคุณด้วยคำแห่งความภูมิใจในธรรมแห่งพุทธวจนว่า ” ฮาย..ฮิตเล่อร์ ”

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง ********รู้ธรรมแบบกินผลไม้ทั้งเปลือก****** ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง