*** “เมื่อคาดหวัง พึงทำใจกับสิ่งที่ต้องผิดหวัง” ***
เมื่อคืนวานเพื่อนคนหนึ่งได้ตายไป ภรรยาเขาก็ไม่ได้แสดงกริยาเศร้าสร้อยอะไรนัก
เธอยังคงทำอาหารและจัดบ้านเลี้ยงสัตว์ตามปกติของเธอ
ข้าได้ถามว่า เธอไม่เศร้าสร้อยอะไรเลยเหรอ สามีที่รักจากไปโดยไม่ทันร่ำลาเช่นนี้
เขาถามว่า..แล้วพระอาจารย์เศร้าสร้อยที่พี่เขาตายและพรากไปจากท่านไหมเล่า
ข้าบอกว่า ก็รู้สึกอยู่แต่เข้าใจว่าทุกชีวิตมันต้องจากพรากเป็นธรรมดา ที่ผ่านมา เราก็พรากจากอยู่เสมอๆอยู่แล้ว
เพียงแต่..เรายังมีโอกาสได้หวลมาเจอ เราจึงไม่รู้สึกถึงการพรากจากอะไรนัก
แต่ครั้งนี้ เราพรากจากแบบเป็นเรื่องเป็นราว ที่ต้องจากพรากกันตลอดไป เราไม่เจออีกแล้ว ความสะเทือนใจก็ย่อมมีเป็นธรรมดา
เพียงแต่ว่าข้าแปลกใจ เธอยังคงจัดการทำอาหาร เลี้ยงสัตว์เล่นเปียโนร้องเพลงตีขิมให้ใครๆได้ฟัง โดยไม่มีความเศร้าสร้อย
เธอนิ่งและตอบกลับมาว่า..
พระอาจารย์เคยบอกหนูว่า การพรากจากมันเป็นธรรมดา พี่เขาก็บอกว่า การพรากจากเป็นธรรมดา
“เหตุใดหนูต้องร้องไห้ด้วยเล่า ถ้าหากพี่เขาตาย พี่เขาก็ต้องตายเป็นธรรมดา
หนูไม่เคยคาดหวังว่าพี่เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกับหนูตลอดไป
หนูรู้เสมอว่าพี่เขา จะต้องตายในวันใดวันหนึ่ง และวันนั้นมันก็แค่เกิดมาตามปกติของมัน
มันจะเกิดขึ้นวันไหนเวลาใดก็ได้ เราห้ามมันไม่ได้ หนูรู้อยู่เสมอ ไม่ใช่เป็นการทำใจ แต่อยู่ด้วยความเข้าใจ
และวันไหนๆก็เป็นวันธรรมดาสำหรับหนูและพี่เขา ที่จะตายเท่ากันกับทุกๆวัน
แล้วเหตุใดหนูจึงไม่ควรเล่นเปียโน ตีขิม ร้องเพลงเล่า ถ้าหากหนูไม่อาจร้องเพลงเมื่อมีความตายเกิดขึ้น
หนูก็คงไม่อาจร้องเพลงเมื่อมีชีวิตต่อไปได้เช่นกันในทุกๆวัน
เพราะเมื่อมีชีวิตเกิดมา ความตายก็ย่อมติดตามกันมาต่อเนื่องทุกๆขณะเช่นกัน
เพียงแต่เราไปคว้าแต่สิ่งที่ไม่ตาย และยังความไม่ตายให้เกิดขึ้นกับเรา
เรากลัวการพรากจากและสูญเสีย เราจึงวิตกและทุกข์กับมันเมื่อความตายมาถึง
ชีวิต..เราจึงจำนนอยู่กับความพรากจากและเศร้าสร้อยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องจากกันด้วยความตาย
ความตายนั่นมีเป็นธรรมชาติของมัน จะเกิดขึ้นที่ไหนซักแห่งกับใครสักคนเสมอๆ
ชีวิตกับความตายไม่ใช่สิ่งที่จะแยกกันเป็นสอง มันคือสิ่งเดียวกันแค่แตกต่างกันด้วยการพบและจาก
ชั่วขณะที่ใครสักคนหนึ่งเกิด ความตายก็เกิดมาติดเป็นเงากับเขาด้วย
เมื่อมนุษย์เติบโตไปในครรลองชีวิต ทุกคนก็เติบโตไปในความตายพร้อมๆไปด้วย
และใครก็ตามที่รู้จักว่าอะไรคือความตาย อะไรคือการมีชีวิต มันก็ไม่ใช่อะไรเลย ที่จะต้องเศร้าสร้อย
เพราะมันเป็นแค่หนทางสิ้นสุดของการมีชีวิต และสิ่งนี้พระอาจารย์เคยบอกว่า
มันเป็นธรรมดาที่จะต้องเกิดกับทุกคน ที่ยังชีวิตให้กำเนิดเกิดมา..
มันเป็นแค่จุดสูงสุดแห่งปลายขวดที่ปริ่มน้ำแล้วล้นทำให้น้ำที่กรอกลงขวดเป็นอิสระ
ไม่จำนนต่อรูปร่างที่เกิดจากขวด ด้วยการอยู่ในขวดและปิดฝากักขังมันต่อไป..
หนูเข้าใจน้ำล้นขวด หนูจึงไม่ควรร้องไห้ไปกับขวดที่ไม่สามารถรองรับน้ำแห่งชีวิตได้อีกต่อไป
หนูจะร้องไห้ก็ต่อเมื่อ หนูคาดหวังสิ่งใดแล้วสิ่งที่คาดหวังไม่เกิดขึ้น
หนูไม่เคยคาดหวังว่าสามีหนูจะอยู่ร่วมกับหนูไปตลอดกาล
เมื่อไม่คาดหวัง เมื่อไม่ปรารถนาสิ่งที่คาดหวัง สามีหนูตาย หนูก็อยู่กับความเป็นจริงที่ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะต้องอยู่กับหนูตลอดกาล
หนูรู้จักกับมัน และไม่คาดหวังเช่นนั้น ความเศร้าสร้อยเสียใจดั่งที่ใครๆเป็น มันก็ไม่เกิดกับหนู
เพราะหนูเข้าใจ..ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง
ดีกว่าผิดหวังและเสียใจเพราะความคาดหวังแบบโง่ๆเช่นคนทั้งหลาย…
วันที่พระอาจารย์ตาย หนูคงร้องไห้และเศร้าสร้อยดั่งที่ใครๆเป็น
นั่นเพราะหนูคาดหวังว่า พระอาจารย์จะอยู่กับหนูและทุกๆคนตลอดไป..หนูยังโง่ตรงนี้เสมอ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
19 เมษายน 2563