ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 4 ( ใบไม้แห่งความพรากจาก )

ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 4 ( ใบไม้แห่งความพรากจาก )

324
0
แบ่งปัน

*** “ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 4 ( ใบไม้แห่งความพรากจาก )” ***

เมื่อคืนได้โม้ต่อเรื่องผี เช้านี้จึงนำมาลงในเฟสให้ผู้ที่ติดตามได้ฟังกัน ขอโมทนาบุญในธรรม….!!

วันนี้ ข้าจะมาโม้เรื่อง ผีท่านอั๋นต่อ มีคนรอฟังเยอะ

วันนั้นที่ใต้ต้นไทร หากมีใครซักคน ที่มีตาเป็นทิพย์ ท่านจะมองเห็นว่า นอกจากจะมีมนุษย์ แค่สามนั่งอยู่

ยังมี อมนุษย์ อีกนับไม่ถ้วน พอๆ กับการเห็นข้าวสาร ที่ยัดลงไปในกระสอบ ยังไงยังงั้น

ข้าโม้เรื่องธาตุ ให้ผีท่านอั๋นฟัง คุณลุงปลัด ก็นั่งฟัง แต่ไม่เห็นว่า คุณลุงที่จบมหาเปรียญ 6 จะแย้งอะไรในธรรมเลย

มีแต่พยักหน้า ในธรรมที่แสดงออกมา โดยไม่คิดว่า มันจะละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้

ส่วนผีท่านอั๋น ในร่างของเจ้าแก้ว ก็นั่งร้องห่มร้องให้ โฮๆๆๆ จนน้ำตาล้นแก้ม

ลุงปลัด แกเหล่แล้วเหล่อีก ด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น

พาเอาลุงแก ตาแดงๆ ปริ่มจะปล่อยแง้ๆ ออกมา ด้วยบรรยากาศ มันพาไป

ข้าอธิบายเรื่องธาตุเสร็จ จนใจของผี เห็นชัด ถึงการดับแห่งวิบากธาตุ ที่เคยเป็นเจ้าของ

ข้าก็หยิบเอาใบโพธิ์ ที่ใบเฉา แห้งกรอบออกมา และชูขึ้นให้ผีเห็นว่า

ดูนี่ซิ..ใบโพธิ์แห้ง มันได้ทำหน้าที่ของมัน จนสมภูมิ ที่ได้เกิดมา เป็นใบโพธิ์

มันได้ช่วยให้ต้นโพธิ์ เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม

เมื่อถึงเวลา….มันก็ต้องทิ้งจากต้นโพธิ์ ที่ให้ชีวิตมันไป

แต่มันร่วงหล่นลงไป อย่างสมความภาคภูมิ ที่มันได้ทำหน้าที่ ของมัน อย่างเต็มที่แล้ว

กาลหนึ่ง เมื่อถึงเวลา มันก็ร่วงโรย มาเป็นเศษใบไม้ ที่เขากวาดทิ้ง ไม่มีค่าอะไร ต่อต้นโพธิ์..อีกต่อไป

แล้วข้าก็ปล่อยใบโพธิ์ จากมือ ให้มันล้อลมลอยลงสู่ตรงหน้า ลุงปลัด

ใบโพธิแห้ง แสดงธรรมให้ทุกคนได้ดู ว่าธรรมชาตินั้น เมื่อถึงกาลหนึ่ง

มันก็ร่วงโรยลงสู่ผืนดิน เป็นธรรมดา ไม่มีใครต้านธรรมดานี้ไปได้

ลุงแกเก็บขึ้นมาดู จ้องมัน พึมพัมว่า…ผมก็คงเสมือนใบไม้ใบนี้

ที่ตอนนี้กำลังเหี่ยวแห้ง ใกล้ร่วงโรยร่วงลงสู่ผืนแผ่นดินแล้วซินะ

ตาแกแดงๆ ขึ้นมา จนผีท่านอั๋นต้องหยุดสะอื้น แล้วหันไปมอง

ตอนนี้..ผีมองคนบ้าง หลังจากคนมองผีร้องให้มานาน

ข้าชักใบโพธิ์ ใบที่สองออกมา มันเป็นใบโพธิ์ สีเหลือง ยังไม่เหี่ยวจนเป็นสีน้ำตาล

ข้ายกมือชูขึ้น ของลุงปลัด น่าจะเป็นใบนี้ ลุงปลัดแกแหงนหน้ามอง

เพราะใบนี้ เป็นใบโพธิ์ ทีมันได้ทำอะไรได้ครบจบหน้าที่ แล้วเช่นกัน

แต่ใบยังไม่ทันเหี่ยวแห้ง แค่เป็นใบโพธิ์ ที่เปลี่ยนจากเขียว มาเป็นเหลือง

มันเริ่มเข้าสู่ความเหี่ยวแห้งแห่งชราภาพ มันหมดหน้าที่การงานของมันแล้ว

แต่วิบากมาให้ผล ทำให้ไม่สามารถ ประคองใบอยู่ได้

พอโดนลมพัดแรงนิดหน่อย ใบก็ลาจากต้นอันเป็นที่รักซะแล้ว

แต่ก็เป็นใบที่ได้ทำหน้าที่ อย่าดีที่สุดตลอด ชั่วอายุขัย แห่งใบของมัน

แล้วข้าก็ ปล่อยมือไป ใบโพธิ์ ล่องลอยลงสู่พื้นอย่างช้าๆ

ทั้งสองท่าน มองตามสายใยแห่งการล่องลอยลงมา

ใบโพธิ์ ตกลงไปยังตักผีท่านอั๋น ผีท่านอั๋น หยิบส่งให้ลุงปลัด มองหน้าน้ำตาคลอ

ลุงปลัดรับมา มองดูใบโพธิ์แล้วน้ำตาไหล วันหนึ่ง เราคงเป็นเช่นใบโพธิ์ สีเหลืองใบนี้

ลุงถอนหายใจ สูดลมเข้าไปแหงนหน้ามองเบื้องบน หลับตา เอาใบโพธิมาแนบไว้ที่อก

น้ำตาไหลเป็นทางข้างแก้ม พึมพัมเบาๆออกมาว่า เห็นชัดๆ..

ข้าหยิบใบโพธิ์ใบที่สามออกมาชูขึ้น เป็นใบโพธิ์ สีเขียว

แต่ใบมีเชื้อรากินไปแถบหนึ่ง ข้าอธิบายว่า

แม้ใบนี้ ยังเป็นใบเขียว แต่เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ มาเบียดเบียน โรคภัยมารุกราน

ใบโพธิ์ใบนี้ มันก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของมัน จนถึงอายุแห่งใบได้

วิบากแห่งโรคภัยไข้เจ็บ มันมาพรากชีวิต ให้ร่วงหล่นลงมาได้เช่นกัน

แล้วข้าก็ปล่อยให้ใบโพธิ์ หล่นลงไปยังพื้นดิน

ทั้งสองมองตามด้วยสายตาแนบนิ่ง เห็นจริงตามธรรมที่เป็นธรรมดาแห่งโรคภัย

ข้าหยิบใบโพธิ์ ที่เขียว ใบใหญ่ออกมาชูขึ้น

ดูซิ ใบโพธิ์ใบนี้ แม้ใบยังสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ยังไม่ทันเป็นใบแก่

แต่..วิบากอันเป็นเหตุปัจจัยรอบด้าน มันมาให้ผล

ที่สุด มันก็ต้านแรงวิบากไม่ไหว มันก็ร่วงสลาย ลงสู่พื้นได้เช่นกัน

ข้าก็ปล่อยมือไป ใบโพธิ์ โดนลมหอบตกลอยไกลออกไป ทั้งสองมองตามใบโพธิ์ อย่างเห็นวิถีธรรม

ชีวิต..ช่างไม่แน่นอนอะไรเลยจริงๆ ท่านอั๋นพึมพัมทอดสายตาไปยังใบโพธิ

ข้าดึงมาอีกใบ เป็นใบโพธิ์สีเขียว ยังไม่โตเต็มที่ ออกมาชู

ใบโพธิ์ใบนี้ ยังไม่ทันโตเต็มที่ ไม่มีโรคภัยอะไรมาเบียดเบียน ยังเขียวและยังสดอยู่

แต่เมื่อวิบากมาให้ผล โดนกิ่งไม้หักฟาดฟันลงมา

ใบโพธิ์ที่กำลังโต พร้อมที่จะทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มภูมิ

มันก็ต้องร่วงหล่น จากต้นที่แสนรักและผูกพันธ์ ลงสู่ผืนดิน

แม้ก้านใบจะแข็งแรง พร้อมฝ่าฟัน ในการต้านแรงลม

แต่อนิจา..วิบากมาให้ผล โดนกิ่งหักฟาดฟันกระแทกลงมา

ใบไม้แห่งชีวิต มันให้ความแน่นอนอะไรไม่ได้เลย

ความพรากเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เหมือนใบโพธิ์ ที่เขียวและแข็งแรงนี้

ท่านอั๋นก็เหมือนกัน เปรียบเหมือนใบนี้ เป็นใบที่ กำลังเจริญเติบโต ในหน้าที่ ครอบครัว และการงาน

แต่วิบาก อันเป็นผลแต่กรรม มันมาให้ผล แรงแห่งผลนั้น เปรียบเหมือน ใบโพธิ์นี้

โดนกระแทกและฟาดฟัน ทั้งๆ ที่ยังมีอะไรพร้อมมูลอยู่ ในการที่จะเผชิญ ต่อการก้าวย่างบนแนวทางแห่งชีวิต

วิบากมันมาพราก ทำให้ต้องจาก ทั้งๆ ที่ยังมีกำลัง

นี่…คือความไม่แน่นอนของชีวิตที่เกิดมา

ข้าปล่อยใบโพธิ์หล่นไปจากมือ

ใบโพธิ์หล่นลงอย่างช้าๆ ไปตกอยู่หน้าผีท่านอั๋น

ผีในร่างของเจ้าแก้ว เอื้อมมืออันสั่นเทา ออกไปหยิบใบโพธิ์

เจ้าแก้วนำใบโพธิ์ขึ้นมามองด้วยสีหน้าที่เงียบเชียบ

พลันน้ำตาก็ทะลักหลั่งไหล ออกมานองแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นเช่นเคย

เธอมองใบโพธิ์นิ่ง นาน และแช่อยู่อย่างนั้น

มีเพียงน้ำตาที่ทะลัก ล้นออกมา แทนสื่อความหมายว่า……

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ดั่งใบโพธิ์ใบนี้ ชีวิตนี้ปลิดปลิวได้ตลอดเวลา

ข้าถอนหายใจ แล้วหยิบใบโพธิ์อ่อนออกมาอีก

ชูขึ้นและกล่าวว่า “ นี่..แม้จะเป็นใบอ่อน ที่ยังไม่ทันโต

แต่เมื่อโดนโรคภัยมาคุกคาม ความพราก จากสิ่งอันเป็นที่รัก มันก็ยังเกิดขึ้นได้

ไม่จำเป็น ต้องเป็นใบ ที่เจริญเติบโต พร้อมที่จะใช้งาน มันก็ร่วงหล่นลงมาได้

นี่..ความไม่แน่นอนแห่งชวิต “

ข้าปล่อยมือทิ้งไป ผีท่านอั๋น พยักหน้า มองตามใบอ่อนที่ร่วงลงพื้น

ข้าชักใบที่กำลังแทงช่อใบออกมา และชูขึ้น

นี่…แม้กำลังเป็นช่อใบ กำลังจะแตกเป็นใบอ่อน ก็ใช่ว่า จะต้องเจริญเติบโตได้ เหมือนๆ ใบรุ่นพี่

แต่เมื่อโดนวิบากมาให้ผล

เกิดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ต้องเผชิญ เหตุปัจจัยที่มาให้ผล

แม้ช่อใบอ่อน ใบเล็กนี่ มันก็มีสิทธิ์ โดนพรากจากชีวิต ได้ตลอดเวลาเช่นกัน

แล้วข้าก็ปล่อยใบอ่อนทิ้งไป ทั้งสองมองดูการจาก การพลัดพราก แห่งชีวิต ที่เปรียบกับใบโพธิ์

เสียงสะอึกสะอื้นร่ำให้ ของเจ้าแก้วเริ่มถี่ขึ้น

ที่สุด…เจ้าแก้วก็ ปล่อยโฮๆๆๆ ออกมาอีกครั้ง แต่ลุงปลัดแกไม่รู้ ว่านั่นคือผี

ลุงแกคิดว่า ธรรมใบไม้แห่งความพรากวันนี้ มันคงกินใจเจ้าแก้ว จนระงับใจไว้ไม่ได้

ข้าจึงบอกว่า ธรรมวันนี้ คงจบแค่นี้ ขอเชิญลุงปลัด กลับได้แล้ว

คุณลุงลุกขึ้นกราบ และลาจากไป ที่นี้ ก็เหลือเรา แค่สอง ระหว่างผีกับพระ

แต่วันนี้ หมดเวลาแล้ว ผีจะว่ายังไง จะเข้าใจยังไง พรุ่งนี้ถ้าว่าง ก็จะมาโม้ต่อ สวัสดีทุกคน..!!

นี่เป็นธรรมที่แสดงให้ผีฟัง ยังไม่เคยแสดงให้คนฟัง ข้าน่ะขี้เกียจเล่า

แต่ตอนแสดง มันละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก เพียงแต่ขี้เกียจ บรรยาย

แต่ผีมาบอกภายหลังว่า ธรรมบทนี้ มันแทงลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ฟังแล้วมันสะท้านสะเทือน จนใจมันแน่นระอุ

อย่างพวกเรา ไม่ได้อยู่ภาวะเผชิญ เราย่อม ไม่รู้สึกอะไรกับธรรมบทนี้มากนัก

แต่เหล่า อทิสมารกาย เขาเศร้ากับการที่เขาพราก ด้วยเหตุปัจจัยแห่งความไม่แน่นอน

อันเป็นธรรมดาที่แน่นอนแห่งวิบาก ที่เป็นความเป็นจริงต้องเผชิญ…หวัดดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง