*** “ตรงจุดที่เคยยืน” ***
อาจจะดึกซักหน่อย..แต่เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นความคิดอย่างที่ข้าเองก็อยาก นั่งข้างๆใครๆแล้วมองเข้ามา..
กลับมาจากเจปรู..เมืองแห่งราชา ที่มีหินผารายล้อม พร้อมความจอแจแห่งลมหายใจของเหล่าผู้คน
บนฟ้า..มีเหยี่ยวร่อนถลาลม ผิวได้ยลความหนาวเย็นคล้ายลมขว้างออกมาจากทางฝั่งตะวันออก
ที่นั่น..คงมีโรงงานน้ำแข็ง.
ป้อมปราการใหญ่โตมโหฬาร ไอ้ห่า..มนุษย์นี่เก่งชิบหาย..คือต้องถากคำอย่างนี้ มันถึงจะรสขิงเผ็ด
เห็นเมืองเขากะเห็นเมืองเรา..เห้เอ๊ยยย..บ้านกุชนบทชิบ.
แต่..มันก็พัง มันก็เสื่อมโทรมไปตามกาล
ไปยืนมองจากยอดเขาบนป้อมใหญ่ลงมา ยืนคิดท่ามกลางลมหนาวว่า ” มึงเกิดมาทำเหี้ยยยอะไร..?
เบื้องล่างมองต่ำลงไป บ้านเมืองเขาหนาแน่นไปด้วยผู้คน ต่างแย่งกันทำมาหากินตามสไตล์ของแต่ละคน
แย่งและทึ้งกันอย่างมูมมามด้วย เพื่อชีวิต เพื่อครอบครัว ซ้ำๆ ทุกวัน..จนแก่ตาย
ป้อมบนภูเขานี่ มันเคยยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจการสร้างของผู้คน มันโดนเกณฑ์มาทำงานด้วยความเป็นเชลย
มันถามตัวเอง..มึงเป็นเชลยหรือคนสั่งเชลยให้มาสร้างแล้วฆ่าเขาตาย..มันนิ่งไม่ตอบ.
เบื้องล่างแสงไฟพราวยิบๆ มันสวย กว้างใหญ่ตระการตา
คนมากมายชื่นชม แต่จะมีใครซักคนรู้ไหมว่า ตรงที่มึงยืน มันเป็นบ่อน้ำตาของขี้ข้าที่เป็นเชลย
พวกเขาเคยมองลงไปเช่นนี้ในวันแบบนี้ แต่พรุ่งนี้ของเขาจะไม่มี
หลายคนเฮฮาชื่นทรวง ตรงจุดที่ใครบางคนเคยเศร้าตรมไร้วันวันรุ่งขึ้นสำหรับเขา
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวัน วันนี้..ยิ้มให้กันและดีต่อกัน ก่อนที่ชีวิตระหว่างกัน จะลาลับฟ้า
พระอาทิตย์ลับขอบโลกไปแล้ว จิตวิญญานของผู้คนก็ยังตื่นอยู่ ที่ละเลงแสงสีจากไฟหลากหลาย
พรุ่งนี้จะมีซักกี่คน ที่จะระลึกไหมว่า กุจะตื่นขึ้นมาเห็นแสงและเสียงไหม
หากพรุ่งนี้ยังมีโอกาส..วันนี้พึงทำใจให้ดี
หลายคน..ไม่มีวันพรุ่งนี้ เราโชคดีที่ยังมี ฉนั้น..พึงใช้ชีวิตให้เป็น
พระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 26 มกราคม 2563