ความเป็นจริงอีกด้านที่เราไม่ค่อยมองกัน

ความเป็นจริงอีกด้านที่เราไม่ค่อยมองกัน

279
0
แบ่งปัน

*** “ความเป็นจริงอีกด้านที่เราไม่ค่อยมองกัน” ***

” นธี แกเอานี่ติดตัวไป ตอนเข้าป่าไปธุดงค์กะข้า ”

พระนธีก้มมองวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือ ซึ่งเรียกว่า ” งากำจัด ”

” นี่เรายังต้องคาดหวังและพึ่งพากับสิ่งเหลวไหลอะไรเหล่านี้อีกหรือหลวงพ่อ ”

พระนธีทำหน้าหมาสงสัย หัวเราะ หึหึ ที่คนชั้นอาจารย์ ผู้ทรงปัญญา ยังเอาสิ่งเหลวไหลเดรัจฉานมามอบให้ติดตัว ก่อนเข้าธุดงค์

” เราเป็นพระที่ละวางจากสิ่งเหล่านี้นะครับ หลวงพ่อบอกผมเองว่า

ของพวกนี้เป็นเดรัจฉาน พึ่งพาไม่ได้ ตัวมันเอง ยังเอาตัวไม่รอดแล้วมันจะคุ้มครองอะไรเราได้

แล้วหลวงพ่อจะให้มาคุ้มครองอะไรผม ผมเป็นพระปฏิบัติดีปปฏิบัติชอบน้าาา..”

” เออ..มึงไม่เอา มึงก็เอาไปอวดไอ้พวกโน้นว่ากุให้ก็ได้ มันจะได้ตื่นเต้น ไอ้พวกโน้นมันยังกระจอกอยู่ มันอยากได้

มึงมันสุดยอดแล้วไม่ต้องใช้ ปฏิบัติรักษาพรหมจรรย์ไปอย่างเดียวก็พอ ไปธุดงค์ด้วยใจแห่งความเป็นพระก็โอเค

กุนี่ซิ ไม่ต้องใช้ แต่มึงอาจต้องใช้ ของพวกนี้อยู่กะกุมานาน ตอนนี้วางและแขวนนวมแล้ว ไปๆๆเอาไปอวดพวกมัน ท่านพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ”

พระนธีหน้ายิ้ม หยิบเอางากำจัด เดินลงไปจากศาลา กะไปหยอกแกล้งพวกอยู่ปลายแหลม ว่า นี่..หลวงพ่อให้ พวกมึงไม่ได้..

ราวชั่วโมงพระนธีเดินกลับมา มาถึงพร้อมด้วยหน้าตาแบบแมวอยากกินปลาทู

” แฮ่..หลวงพ่อ ผมขอนะงากำจัดอันนี้ มันสุดยอดมากกกกๆๆเลย ”

” ไม่ได้..มึงไม่เอา เดี๋ยวกุเอามาเก็บไว้เหมือนเดิม ”

” แฮ่..ตอนนี้อยากได้แล้ว มันเหมาะกับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างไอ้กระผมมากกกกๆๆเลย ครับบบ ”

” เป็นไง..ถึงอยากได้ขึ้นมา เมื่อกี้กุให้ไปเสือกไม่เอา ”

” ก็แหมม.พอลุกขึ้นเดินลงศาลา ขนหัวก็ลุกตั้งพรึบบ.บ

เกิดอาการขนพองสยองเกล้า แค่นั้นยังไม่พอ มันเกิดอาการขนลุกไปตลอดเส้นทางจนถึงปลายแหลมเลยอ่ะหลวงพ๊ออ..มันสุดยอดด

นี่อวดเสร็จเดินกลับมา มันก็ยังขนหัวลุกยังไม่หยุด มันสุดยอดมาก มันมีพลังงาน มันไม่ใช่ของธรรมดา ”

” เฮอะๆๆ..เสียใจไอ้มืด หมดเวลาแล้ว อด..!! ให้แล้วเสือกไม่เอา ”

” โธ่..หลวงพ่อ ให้ผมๆๆ เกิดมาผมไม่เคยเป็นอย่างนี้ ผมไม่เชื่อหรอกของพวกนี้ แต่นี่ มันสุดยอดจริงๆ ”

” ไอ้นธี..ข้าจะบอกให้ ทุกอย่างน่ะมันมีสองฟาก แกจะอยู่ฟากไหนมันก็เรื่องของแก แต่ข้าน่ะ เข้าถึงทั้งสองฟาก และข้าเลือกได้ที่จะเดินฟากไหน

แต่แกน่ะ มันเลือกดี ตามที่พวกดีๆเขาว่ามา ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้

เป็นเดรัจฉานวิชา เป็นของต่ำ เป็นตัวขวางมรรคผลนิพพาน นี่..ต่างก็ว่ากันไป ก็เลยปฏิเสธและไม่เอา

จริงๆไม่ใช่เอาหรือไม่เอาเป็นสิ่งที่ถูก การเอาหรือไม่เอานี่มันโต่งน่ะ เป็นอัตตาตนที่เล็งผลด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ของพวกนี้นี่ มันก็เหมือนหมาเฝ้าบ้านน่ะ สำหรับข้ามันก็เหมือนหมาเฝ้าบ้าน

เมื่อไหร่ที่โจรเข้ามาใกล้ มาที่เลี้ยงไว้มันก็จะคอยเตือนคอยเห่าให้ข้าได้รู้

อะไรที่มันพอฟัดได้ มันก็จัดการของมันเองได้ แต่ถ้าเจอโจรที่มีกำลังใหญ่กว่า มันก็จะมาเห่าเตือนข้า

เหมือนกับที่แกขนหัวลุกตั้งเมื่อเดินลงศาลาลงไป นั่นแหละ มันเห่าเตือนให้แกรู้ว่า กุเป็นหมาเฝ้าของที่มีตัวตนอยู่นะ

แกไม่อยากมีหมาเฝ้าบ้านก็ได้ แกก็อยู่อย่างบ้านที่ไม่ต้องมีหมาเฝ้าไป

ข้าน่ะแข็งแรงพอ จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ ข้าอยู่ของข้าได้

พวกแกน่ะมั่นใจในคุณธรรมของตัวเอง ซึ่งมันก็ดี แต่อย่าคิดว่า จะไม่มีโจรมาทำร้ายทำลายขโมยของๆแก

ข้าเองแม้จะแข็งแรง และไม่ให้ค่าเหล่าหมาที่จะต้องมาเฝ้าบ้านให้

แต่ข้าก็เผลอให้กับเหล่าโจรหลายครั้ง เพราะมั่นใจว่าแข็งแรงพอ ใครจะทำอะไรข้าได้

แม้เหล่าโจรจะทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ข้าก็ต้องสู้กับเวทนาที่เหล่าโจรมันบุกเข้ามา

สิ่งเหล่านี้นี่ มันก็มีของมัน คือการลองดี ลองของ ถ้าแกไม่มีหมา วันใดที่แกเผลอ วันนั้นแกก็ต้องโดนตีหัว

พระเนื้อแท้ที่ท่านไม่เอาหมาน่ะ คือท่านพร้อมที่จะสละทุกสิ่ง ตายก็ตายไป ถือเป็นทานแห่งวิบากที่จะต้องเผชิญ

แต่ส่วนใหญ่มันก็มีแต่ปากน่ะ พูดซะสวยหรู แค่โดนด่าหน่อยเดียวไม่พอใจก็เป็นฟืนเป็นไฟกันไปซะแล้ว

พระที่บวชมามันก็มีหลายระดับของภูมิจิต บวชไม่นานทำตัวเป็นอริยะกันซะหมด เรียกว่าเหมาเข่งอริยะ เป็นอริยะกิโล

บางคนกำลังเขายังน้อย ยังต้องพึ่งพาที่ตั้งแห่งใจ ยังต้องอาศัยตุ๊กตาเป็นเครื่องประโลมใจ นี่..เราก็อย่าไปว่าเขา

บางคนแข็งขึ้นมาหน่อย พอรู้ธรรมพอเอาตัวรอดได้ แต่ยังไว้ใจอะไรไม่ได้ นี่..ยังต้องเรียนรู้ต่อไป

บางคนพอแข็งแรงทางธรรม ยึดความถูกต้องตามเหตุตามผล ตั้งมั่นในสิ่งที่คิดเห็นว่าถูก แต่ยังเข้าไม่ถึงความเป็นจริง นี่..ต้องแสวงหาความเป็นจริงมาเติมเต็ม

บางคนแข็งแรงแล้ว มั่นใจแล้ว เป็นกำลังให้แก่พุทธศาสนาได้แล้ว กล่าวตามความเป็นจริง ไม่ใช่จากความถูกต้องแห่งตน พวกนี้..ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหรือไม่พึงพาอะไร

นี่..พวกบวชเข้ามามันมีหลายภูมิกำลัง ไม่ใช่โกนหัวบวชมาแล้ว มันจะได้จะเป็นเหมือนๆกันหมด

บางคนเขายังอ่อนแอ ก็ให้กำลังใจในสิ่งที่เขาเป็นบ้างก็ได้ อย่าไปคาดหวังสูงนัก

คนเรียนอยู่อนุบาล แกจะยัดเยียดให้เขามีภูมิดั่งมัธยมหรือมหาวิทยาลัยได้ไง

ตัวแกเองอยู่แค่ประถม ปฏิบัติมากปฏิบัติดี อาจเข้าใจว่าตนเองอยู่มหาวิทยาลัยก็ได้ จึงปฏิเสธเหตุและผลของอีกด้าน

ข้าน่ะชี้ให้เห็นทั้งสองฟาก การได้เห็นทั้งสองฟาก จะทำให้แกเข้าถึงความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ความถูกต้องที่เรายึดๆกัน

ความเป็นจริง มันมีเหตุมีผลที่กว้างกว่าความถูกต้องที่เรายึดว่ามันดีและมันใช่

เมื่อเข้าถึงความเป็นจริงได้ มันก็จะเกิดมัชฌิมาปฏิทา คือเราเลือกได้ที่จะเลือกเดินเช่นไร ให้มันดีที่สุดไปตามเหตุและปัจจัย

บางครั้ง..เราต้องอาศัยไม้เท้าเพื่อใช้หวดหมาที่จะเข้ามากัด ไม่ใช่ยึดเอาไม้เท้าไว้แค่พยุงตัวหรือแค่ใช้เกาะเท่านั้น

ข้าไม่ได้ชี้ให้ยึดกับสิ่งเหล่านี้ แต่ข้าชี้ให้รู้จักกับสิ่งเหล่านี้

คนชอบหมา มันก็อยากได้หมา คนไม่ชอบหมา มันก็รังเกียจหมา

นี่..โต่งแบบชาวบ้านทั่วไป เป็นธรรมดาของชาวบ้านทั้งหลาย

ถ้าเราเข้าใจในสิ่งที่ชี้ เราก็จะไม่โต่งด้วยการว่ากล่าวคำหนิผู้ใดที่ไม่เห็นด้วยกับเรา

เพราะเรา เข้าใจด้วยดี ว่าผู้คนทั้งหลายต่างมีภูมิความรู้ความคิด ที่ไม่เท่ากัน

แกเอาระเบิดมาปอกทุเรียน แกว่าโอเคไหม ตูมเดียวกระจาย เบาแรงกว่าใช้มีดเป็นไหนๆ แกว่ามันถูกไหม

โลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่ใช่ถูกต้อง ด้วยความเห็นเรา

คนอื่นเขาก็มีความเห็นเขาที่ต่างกับเรา ถ้าเรายอมรับในความจริงข้อนี้

เราก็จะเข้าใจผู้อื่น ในสิ่งที่เขาเป็น และเราจะไม่เป็นสัตว์จำพวก เอาความคิดความเห็นตน ครอบและยัดเยียดให้แก่เขา

นี่..ความแข็งแรงแห่งปัญญา ที่พร้อมจะก้าวไปสู่ความเป็นอริยชน คือเข้าใจเขาเข้าใจเราตามความเป็นจริง..!!

พระธรรมเทศนาวันที่ 1 พฤษภาคม 2562

โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง