ยึดว่างไม่เอาอะไรก็โง่

ยึดว่างไม่เอาอะไรก็โง่

257
0
แบ่งปัน

*** “ยึดว่างไม่เอาอะไรก็โง่” ***

ว่างด้วยการปรุงด้วยอัตตาตน ว่าตนนี้ว่าง

กับว่างด้วยความเข้าใจตรงตามความเป็นจริงในสิ่งที่มี ว่ามันเป็นของมันเช่นนี้เอง

มันว่างแตกต่างกัน..

ว่างในสิ่งที่มี เกิดจากโยนิโสว่า มันเป็นแค่สิ่งหนึ่ง ที่เป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์

ส่วนทำตนให้ว่างจากสรรพสิ่ง เป็นตัวตนปรุงขึ้นมา เพราะยังไม่มีอะไรมาทำให้มี

ซึ่งมันก็ว่างจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำตัวให้ว่าง หรือปล่อยวางก็ได้

ว่างด้วยปัญญาที่เข้าใจรู้เห็นชัด ย่อมว่างอย่าง มรรค

ว่างด้วยตนปรุงขึ้นมา ย่อมว่างด้วยสมุทัย

มันว่างเพราะยังไม่มี มันเป็นการว่างอย่างโง่ๆ

ว่างในสิ่งที่มี มันเป็นการว่างอย่างยินดี ที่มันจะไม่มีทั้งที่มันก็ยังมี

เมื่อมันเกิดไม่มี มันก็ว่างไปจากการเคยมี
ได้โดยไม่เดือดร้อน

นี่..ใจที่เข้าถึงความว่าง

ลูกศิษย์>>> คำถาม ในเมื่อกลางวันกลางคืนเป็นสิ่งสมมุติ แล้วเราจำเป็นต้องนอนไหม

แล้วนอนแบบมีสติเพื่อรักษาธาตุขันธ์ให้ใช้งานในการทำความดีแบบไหนถึงจะเหมาะ

ขอรบกวนด้วยนะครับ

พระอาจารย์>>> คุณบัณฑิต… กลางวันกลางคืนนั้น เป็นสมมุติ สมมุตินั้นแค่ชี้ให้เห็นให้เป็นเครื่องส่องจิต ว่าความจริง…มันเป็นเช่นนี้

จริงๆแล้ว มันไม่มี ที่มีเป็นแค่สมมุติ และสมมุตินี่ เราเอาไว้กำหนดรู้ เพื่อสาวเข้าไปหาเหตุ

ว่าเหุตแห่งสมมุตินี้ คืออะไร..!! เราจะได้ไม่หลง

แม้แต่กลางวันที่เห็นว่ามี จริงๆแล้ว มันไม่มี..

แล้วสิ่งอื่นๆ ที่เราคิดว่ามี เราจะแน่ใจหรือว่ามันใช่…

ที่เราจำเป็นต้องนอนนั้น มันเป็นโปรแกรมจิตรักษารูป เป็นการพักรูป

เราไม่ได้นอนเพราะมันเป็นกลางคืน

หลายคนไม่นอนกลางคืน เพราะเขาย้อมใจมานอนกลางวันแทน

ซีกโลกหนึ่งนอน ซีกโลกหนึ่งตื่น ทั้งๆที่เวลาเดียวกัน

ส่วนการต่างเวลาของนาฬิกา เกิดจากมนุษย์สมมุติขึ้น เพื่อให้รู้กาลของการหมุนของโลก

หากผู้มีปัญญาเต็ม เรื่องที่แสดงนี้ หากใจมันเข้าถึง อย่างน้อย…บรรลุโสดาบัน

หากใจที่เป็นปรมัตถบารมี…บรรลุถึงอรหันต์ เพราะรู้แจ้งชัดเช่นนี้

จิตหลุดออกจากอุปาทาน จากอวิชา
เป็นวิชชา เข้าถึงความเป็นธรรมดาแห่งความสมมุติ…

รู้สมมุติจิต จิตวิมุติก็เกิด แต่ที่จิตวิมุติไม่เกิด เพราะกะโหลกคนเราหนาไปหน่อย…..

พระธรรมเทศนาถาม-ตอบในคอมเม้นท์
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วันที่ 11 กันยายน 2561

ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง จ.กาญจนบุรี