วิถีจิตกับเส้นทางแห่งชีวิต

วิถีจิตกับเส้นทางแห่งชีวิต

403
0
แบ่งปัน

**** “วิถีจิตกับเส้นทางแห่งชีวิต” ****

หวัดดีๆ

วันนี้อากาศเย็นๆทำเอาข้าโหยๆ

เรามีความสุขอยู่กับอะไร

ลองถามตัวเองดู

ชีวิตนี้เกิดมา

เราให้อะไรกับตนเองบ้าง

ให้อะไรกับใครอื่นบ้าง ตรงนี้สำคัญ

ชีวิตนี่ ไวแท้ๆ

ใครประมาทกับชีวิต จะเสียโอกาสที่เกิดมา

สิบปีนี่ ไว เราจะมีสิบปีได้คนละกี่ครั้ง

ชีวิตเราทิ้งอะไรไว้บ้างรึเปล่า

ชีวิตคนแก่บางคน

วันๆนั่งมองแต่เบื้องหน้า

รอคอยคนเข้ามาหา

ไม่มีความสุขกับการที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

นี่เพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ตั้งแต่ตอนมีกำลัง

เรามีกำลังอยู่

เราพึงเตรียมตัวเตรียมใจ ที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยเช่นกัน

หัดทำใจกับความพรากที่เราต้องเผชิญ

ความพรากที่เราพบเป็นประจำก็คือ

ความไม่ได้ดั่งใจ

เราต้องเผชิญกับความไม่ได้ดั่งใจทุกวัน

หัดยอมรับมัน

แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุขกับคนรอบข้างได้

เพราะทุกคนไม่ได้ดั่งใจอยู่แล้ว

นี่..เป็นธรรมดา ที่ทุกคนต้องเผชิญ

และข้าก็กำลังเผชิญกับมันบ่อยๆ

เรามาเป็นเพื่อนกัน

หวัดดียามค่ำ

——————————————-
พระธรรมเทศนาจากห้องธรรมเส้นตรง
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

ทุกชีวิตมีทางออกเสมอ

บางครั้งทางออกที่ไม่ต้องดิ้นรน
หาทางออกเลยก็คือ อยู่กับมัน

หวัดดียามเช้า

พรุ่งนี้ ยังมีที่ยืนให้กับเรา

หากเรา ทำวันนี้ให้มันดีพอที่จะลุกขึ้นมายืน

นกน้อยนั้น ไม่มีตัวไหนรอคอยที่จะบิน

แต่เมื่อถึงเวลา มันก็ต้องบิน

เพราะการบิน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมัน

เราเอาไข่ กับมะเขือยาวมาใส่ในน้ำร้อน

ผลก็คือ ไข่จะสุกแข็ง มะเขือยาวจะอ่อนยวบ

นี่..สิ่งแวดล้อมไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งมันเป็นเหมือนกัน

ทุกอย่าง เกิดจากตัวมันเอง ไม่ใช่สิ่งแวดล้อม

หนทางเบื้องหน้า เมื่อเริ่มออกเดิน มันก็ยิ่งสั้น

แต่เมื่อไหร่ที่เริ่มออกเดิน บนเส้นทางนั้น

ย่อมเผชิญและยาวไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หนามในมือมันไม่เป็นอันตรายหรอก

แต่เมื่อไหร่ที่กำมัน หนามนั้นจะทิ่มมือ

ดุจอารมณ์ไม่ทำร้ายใครหรอก

แต่อย่าไปบีบเค้นอารมณ์

เจ้าของจะทุรนทุรายเอง

หวัดดียามเช้า

ข้อความเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งเวลา คุยกันในไลน์ส่วนตัว

บางคนเขาก็หาทางออกชีวิตไม่ได้

แต่เขาก็พยายามดิ้นรนที่จะหาทางออก

เราขาดการยอมรับความมืดมนแห่งหนทางออกที่หาไม่เจอนั้น

หัดยอมรับความจริงตามกำลังเรา

ดีกว่าดื้อดึงเป็นแมลงวันบินชนกระจกใส


พุทธะนั้นเป็นเรื่องของปัญญา

อาการแห่งจิตนี่ มันก็ปรุงไปเรื่อยของมัน

เราไม่ได้เป็นเจ้าของมัน

พุทธะฉลาดพอที่จะเรียนรู้ในอาการของมัน

ไม่ใช่เอาตัวเราเข้าไปเป็น
กับอาการที่เป็นอากาศ
ที่เราฝันเฟื่องอยู่เพียงคนเดียว

พระนธีได้อุคนิมิต
สามารถมองเห็นดวงแก้วกลมใสอยู่เบื้องหน้า

ท่านเอื้อมมือออกไปคว้า
และประคองมันไว้ ด้วยดวงตาที่เปิดมองดูมันอยู่อย่างนั้น

ท่านมองเห็นลูกกลมแก้วใส ย่อได้ขยายได้ เอามือลูบคลำได้

แต่ท่านอื่นๆ ที่นั่งมอง
เขาก็เห็นแต่ท่านนธี กำลังจ้องอากาศ

และกำลังเดินย่องๆ เอามือประคองอากาศ

นี่..อีกฝ่ายได้ลูกแก้ว เห็นๆ ของตนอยู่

แต่อีกฝ่ายมองหน้ากัน กัดริมฝีปากบอกว่า

ท่านนธีสงสัยเมากาว..


เรื่องภวังค์จิตในขณะตื่นนี่ เราเข้าไม่ถึงความเป็นจริงหรอก หากไม่มีผู้ชี้

มันหลงกันเป็นชาติๆกันเลยทีเดียว

คนที่ระลึกชาติได้ ท่านจะเข้าใจและระลึกอาการได้

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ท่านจึงมองว่าเป็นธรรมดาของอาการแห่งจิต

ส่วนพวกเรา แค่รู้ว่า จิตมันปรุงแต่งเป็นธรรมดา

แต่ไม่รู้ว่า มันเป็นธรรมดาแบบไหน ได้แต่จำเขามาพูดๆ

แต่พอเจอภาวะ ตนก็ดันเอาตัวตนเข้าไปเป็นเจ้าของซะอีก


ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> แสดงว่าคนที่เห็นโน่นนี่นั่นในขณะนั่งสมาธิคือปรุงแต่งไปเองรึคะ กราบสาธุค่ะ

พระอาจารย์ตอบ <<< เป็นอาการปรุงแต่งตามธรรม ไม่ใช่ปรุงแต่งไปเอง เราไปเป็นเจ้าของอาการด้วยการตกไปในกระแส

ผู้แสดงความคิดเห็น 2 >>> สาธุในธรรมที่อ.ธรรมกะแสดงครับ
แต่ผมไม่เข้าใจ มันไม่จริงในนิมิต หรือเรื่องฤทธิ์ เอ๋?…….

พระอาจารย์ตอบ <<< ฤทธิ์ก็ไม่จริง เหมือนกัน ฟังเขาเล่ามาทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลมายา


ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> กราบนมัสการพระอาจารย์ครับผม เมื่อครั้งวัยเด็กแม่เล่าว่า ผมจำอดีตชาติของตัวเองได้ แต่พอโตมาผมกลับจำอะไรไม่ได้เลย นี่เกิดจากสัญญาวิบากใช่มั้ยครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< ทุกคนจำอดีตได้ทั้งนั้น เมื่อวัยแรกๆ

แต่เมื่ออายตนะผ่านกาลมากเข้า

การบันทึกเรื่องราวใหม่ๆมันไปเป็นสัญญาทับถมความทรงจำในภวังค์ อันลางเลือนไป

ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งระลึกไม่ได้ และที่สำคัญ ไม่มีเวลาและมูลเหตุให้ระลึก

ผู้แสดงความคิดเห็น 2 >>> กราบสาธุธรรมเจ้าค่ะพระอาจารย์ ข้าน้อยด้อยปัญญา เลยมีความถามขึ้นมา

แล้วถ้าเหมือนอย่างที่ข้าน้อยเห็นในนิมิต สถานที่นั้นๆ ซึ่งพอไปแล้วมีจริง

แรกๆไม่เคยเชื่อแต่พอไปทุกที่กลับมีจริงๆซึ่งไม่เคยเห็น ขนาดคนพื้นที่บางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำ นั่นมันเกิดจากอะไรเจ้าค่ะ

พระอาจารย์ตอบ <<< สัญญาจำในภวังค์มันยังมี แค่ระลึกได้นิดหน่อยคับคล้ายคับคาเท่านั้น ไม่ได้รู้ชัดเจนแดงแจ๋อะไรนี่

ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>> สาธุ กราบนมัสการ พอจ.

อาการนี้ช่วงหลังๆผมมีเข้ามาบ่อย โดยเฉพาะตอนธุดงค์เมื่อไม่นานที่ผ่านมา แต่ไม่หลงไปกับมันทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

พระอาจารย์ตอบ <<< ยิ่งเป็นนักบวช เมื่อปฏิบัติจริง จะเข้าถึงการระลึกได้ง่ายกว่าคนทั้งหลาย

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 4 ธันวาคม 2560