แม้ข้ามชาติมิเคยลืม

แม้ข้ามชาติมิเคยลืม

560
0
แบ่งปัน

**** “แม้ข้ามชาติมิเคยลืม” ****

มีภาวะหนึ่ง ที่เป็นเรื่องเกิดขึ้นระหว่างบุคคล เกิดในแต่ละคนไม่เหมือนกัน

นั่นก็คือ ภาวะการข้ามชาติ

อาการนี้เราเรียกว่า บุพเพนิวาสา

อาจเกิดขึ้นกับเรา หรืออาจเกิดขึ้นกับผู้อื่น โดยที่เราก็อาจไม่รู้

หากเกิดกับเรา เกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจแห่งสมาธิ ที่ฝึกฝนจนล่วงข้ามเข้าฌานที่สี่

ทั้งทางที่มาจากรูปฌานและอรูปฌาน

บุรุษธรรมดาที่ไม่ฝึก มีกำลังทางสมาธิจิต การระลึก เกิดจากผัสสะระลึกได้แค่อัตภาพนี้

แต่หากเกิดการฝึกฝนจนชำนาญ การระลึก สามารถก้าวข้ามชาติได้

อย่างนี้เรียกว่าบุพเพนิวาสานุสติญาน 1 ชาติมั่ง 2 ชาติมั่ง 10 ชาติมั่ง เรื่อยไปจนเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น

อีกทางหนึ่ง ก็คือเกิดจากเหล่าดวงวิญญาน ที่ยังไม่สิ้นอายุขัยวิญญาน

เส้นทางนี้ เจ้าของระลึกไม่ได้ แต่ดวงวิญานเขาระลึกได้ เมื่อเจ้าของ ได้ไปยังสถานที่ ที่ดวงวิญญานสถิตย์อยู่

มนุษย์เรานี่ มีภาวะปัญญาแห่งดวงจิตที่แปลกมหัศจรรย์

ข้าเองนี่ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องรู้นั่นเห็นนี่ จากการนั่งและทำสมาธิ

เพราะมันปรุงของมันไปเรื่อย

เราอาจระลึกอะไรได้ลึกๆ แต่ถ้าอยากรู้ มันจะปรุงด้วยเหตุปัจจัยแห่งสัญญาทันที

นี่..การระลึกนั้น มันก็จะไม่จริง มันเป็นสัญญาแห่งเหตุปัจจัยปรุง ท่านจึงไม่ให้เรายึดมั่นกับสิ่งเหล่านี้

เมื่อพูดถึงการข้ามชาติภายนอก ข้าเองหลายครั้งก็ได้พบเจอเวลาไปในที่ไหนๆ

นั่นก็คือ เหล่าวิญญานที่เป็นพลังงาน มักมาแฝงในร่างพวกน้องๆ ที่เดินทางร่วมกัน

เป็นกันหลายครั้ง อย่างที่เราเรียกว่าผีเข้านั่นแหละ

พลังงานเหล่านี้ เกิดการแฝงร่าง บางครั้งเป็นกันสิบๆคน ต่างนั่งร้องห่มร้องไห้ คร่ำครวญ

เรียกข้าว่า หลวงตาบ้าง พ่อหลวงบ้าง อาจารย์บ้าง แล้วแต่สถานที่

เมื่อได้ไถ่ถาม ก็จะรู้ที่มา บางดวงวิญญาน รอคอยมานาน

เมื่อผ่านร่าง ก็อยากผวาเข้าโอบกอด จนต้องกันๆระวังเอาไว้ เพราะเธอเป็นผู้หญิง ข้าเป็นนักบวช

เรื่องเหล่านี้ คนไม่เจอ ก็จะดูว่า เป็นการแสดง เป็นการสะกดจิตหมู่ อุปาทานหมู่

ก็ว่าๆกันไปด้วยความไม่รู้

เมื่อสองเดือนก่อน ไปดอยสุเทพ เมื่อน้อบกราบเคารพพระธาตุเจดีย์และแผ่เมตตาจิต

พลังงานวิญญานที่เฝ้าอยู่ที่เจดีย์ ก็แฝงร่างน้องคนหนึ่งในกลุ่มทันที

เธอคร่ำครวญร้องห่มร้องไห้ บอกว่าเป็นศิษย์ท่านครูบาศรีวิชัย

ดีใจที่ครูบาได้กลับมาเยือน เธอเรียกข้าว่าครูบา พูดไปคร่ำควรไป

เธอบอกว่า ข้าเคยเป็นเจ้าเมืองที่นั่น ได้ร่วมสร้างพระธาตุดอยสุเทพ

พวกเธอมากมายยังไม่ถึงวาระ จึงศรัทธาและเฝ้าดูแลพระธาตุกันมา เป็นเวลาหลายๆร้อยปี

ผ่านยุคท่านครูบาศรีวิชัย และได้ปราวณาเป็นศิษย์ท่าน ร่วมโมทนาสร้างพระธาตุ

ที่เขมร ก็มีเหตุการเช่นนี้ ที่อินเดีย ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ ที่ภาคใต้ ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้

ข้าเดินทางไปหลายๆที่ก็มักมีเหตุการณ์เช่นนี้จนเป็นเรื่องปกติ

ศาลเจ้าที่หาดใหญ่ เมื่อครั้งลงไปเยือนเบตง ท่านก็ผ่านร่างศิษย์ผู้หนึ่ง ขอเชิญให้ข้าเข้าไปเยือนที่ศาล

ท่านดีใจที่ได้พบกัน ขอกราบที่เท้า และขอเอาเท้าข้าเหยีบบหัวให้ที

แต่ข้าไม่ทำ โลกเขาจะบอกว่าไม่สมควร ใต้ซือท่านก็เลยแค่กราบ และบอกว่าจะคุ้มครอง

เรื่องพลังงานวิญญานนี่ มันมี เขามีความทรงจำของเขา

เรานั้น อาจระลึกไม่ได้ เพราะติดกายสังขาร แต่เขาระลึกได้ เขาไม่มีกาย

สิ่งเหล่านี้ เมื่อเราได้เผชิญ มันทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า

พลังงานนั้น ไม่เคยสูญหายไปไหน สสารอาจเสื่อมสลายไปตามกาลแห่งวิบาก

เราได้เกิดกำเนิดมามีรูปมีร่าง

เราจึงไม่ควรกระทำกรรมชั่ว เพราะพลังงาน เราไม่สูญหายไปไหน

ยังคงวนเวียนรองรับวิบาก อันเป็นกรรมของใครของมัน

บางดวงวิญญาน อย่างเจ้าเจ็กเจ้าจอม ที่เขมร

แม้จะเป็นศาลใหญ่ นับถือกราบไหว้กันมากว่าห้าหกร้อยปี

วิญญานท่านก็มาร้องขอให้ข้าช่วยปลดปล่อย ซึ่งข้าเองก็ทำไม่ถูก

แต่ก็ได้ทำๆกันไปตามภูมิกำลัง ซึ่งก็ได้ผล ท่านสงบและกราบขอบคุณ

เรื่องเหล่านี้ มันไม่สาธารณะ มันพูดและเข้าใจยาก ที่จะให้เชื่อ

แต่ขอให้เชื่อไว้อย่างหนึ่ง นั้นก็คือ อย่าได้ทำชั่วทาง กาย วาจา ใจกันเลยเชียว

ทำอะไรให้มีสติ และอย่าไหลไปในกระแสอารมณ์ตน ให้มันมากมายนัก

ความเชี่ยวแห่งกระแสอารมณ์ของตน จะทำให้ตนต้องเผชิญวิบากกรรม เมื่อยามกายแตก

บุญนั้นทำเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ช่วยให้วิญญานเราไปสู่สุคติได้ บุญเป็นแค่เสบียง ให้เราเดินทางแล้วไม่อับจน

ตัวปัญญาที่อบรมใจ ให้เป็นกุศลนี่ สำคัญกว่า

เรา..ควรพยายามอบรมใจเรา ให้เกิดกุศลอยู่เนืองๆ ประกอบกับการทำบุญเถิด

อย่าไปตำหนิติเตียนนักบวช ไม่ว่าของศาสนาใด

อย่ามีใจชั่วช้าเลวทราม ทำลายสังคมด้วยอารมณ์ตน

อย่าทำลายชาติบ้านเมืองและศาสนา

ข้าเห็นเหล่าดวงวิญญานเหล่านี้ ต่างทุรนทุรายเมื่อกายแตกมาแล้วทั้งสิ้น

บาปนั้นเมื่อยังมาไม่ถึง เราย่อมไม่พรั่นพรึงหรือหวาดกลัว

เพื่อนเอย กรรมชั่ว มันมีวิบาก ที่ต้องเสวยแม้ข้ามภพข้ามชาติ

เช้านี้ พูดถึงเรื่องข้ามภพข้ามชาติ ดูว่ามันไกลเกินกว่าเราจะเข้าใจและลูบคลำ

แต่อย่างไรก็ตาม

เมื่อเรายังมีชีวิตที่ได้เกิดมา ขอให้หมู่เราอบรมใจให้ดำเนินมาทางดีเถิด

วันที่เรากายแตก และทุกคนต่างต้องเผชิญด้วยกันทั้งสิ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้

พลังงานที่อาศัยรูปเน่าๆของเราที่น่าหวงแหนนี้

เขาจะได้มีทิศทางไปในหนทางที่สุคติ

จะได้ไม่ต้องรอคอยใคร และอยู่ในวิบากที่จะต้องคร่ำครวญ เพื่อให้ใครต้องมาช่วยปลดปล่อยวิญญาน

คนเราเกิดมาหลายชาติ

เป็นแต่เพียงว่า เราจำชาติในอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ค่อยกลัวเกรงบาป

ทำกุศลวันนี้ให้ดีเพื่อนเอ๋ย เบื้องหลังความตาย ยังมีภพภูมิของพลังงานอยู่

ขอสาธุคุณสวัสดียามเช้าวันศุกร์

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 1 ธันวาคม 2560