อำนาจแห่งผี

อำนาจแห่งผี

483
0
แบ่งปัน

******* “อำนาจแห่งผี” *******

เรื่องจิตที่เป็นวิญญานนี่ เรามองเห็นได้แค่เปลือก แต่ความสลับซับซ้อนนั้น ยากที่จะเข้าไปเข้าใจ

เราแค่คิดกัน และเข้าใจว่า การแผ่เมตตาของเราจะทำให้เขาไปสู่สุคติ เหมือนๆกับว่า

เมื่อเราแผ่เมตตาให้เขาแล้ว ทำบุญให้เขาแล้ว เขาจะไปเกิดเป็นเทวดาปานฉนั้น

พระและเกจิอาจารย์ก็มักพูดอย่างนี้ เราก็เลยเชื่อกันมาด้วยการคาดคะเนและสุ่มเดา

การคิดกันเช่นนี้ มันจะไปแย้งเรื่องวิบากกรรมที่เขาต้องเสวย

สัตว์ทั้งหลายย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง เหล่าวิญญานที่ปรากฏ ทางฝันก็ดี สมาธิก็ดี ผัสสะทางอายตนะต่างๆก็ดี

ถ้าเราไม่ใส่ใจ เขาก็อยู่กันเช่นนั้นแหละ หากเรารู้สึกว่า เราต้องโปรดเขาด้วยเหตุและปัจจัย

เขาไม่มากวนและจางหายไป ดูว่าเขาคงไปสู่สุคติ ไปเกิดใหม่ด้วยเหตุแห่งเราโมทนาบุญให้ เรามักคิดและเชื่อกันเช่นนี้

จริงๆเรื่องนี้ เราจะไปการันตีเช่นนั้นไม่ได้ ที่เขาจางหายไป ไม่มารบกวนนั้น เป็นเพราะเขาสงบลง

ความเร่าร้อนและแสวงหา เบาบางลง เขาอยู่ด้วยวิบากที่เขาต้องเสวยโดยไม่เกี่ยวพันธะสัญญากับเราเท่านั้น

พวกเขามีอายุขัยแห่งวิญญานที่จะต้องเสวยไปตามเหตุปัจจัย เราจะเอาเวลาของโลกที่หมุนรอบตัวเองเป็นรอบๆ ไปวัดกาลเวลาของเขาไม่ได้ มันคนละเรื่องกัน

ที่นครนายก มีวิญญานที่มีอายุนับพันปี หากวัดกาลเวลาแห่งการหมุนรอบต้วเองแห่งโลก

วิญญานนี้ มีนามว่า จ่าง.. เดี๋ยวนี้คนแถวนั้นเรียกว่า ปู่จ่าง

ปู่จ่างนี่ เป็นวิญญานที่บรรพบุรุษของผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งเซ่นไหว้ ให้ความนับถือและนอบน้อมมาตลอด

เมื่อตกมาถึงรุ่นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่แกไม่ให้ความนับถือ แกถือเป็นเรื่องงมงายงี่เง่า

แกก็เลยเอาแบคโฮรื้อศาลปู่จ่างซะ..เพื่อจะเอาพื้นที่ตรงนั้นมาทำประโยชน์

ปรากฏว่า หลานโดนไฟไหม้ และอีกคนจมน้ำตาย ลูกสาวผีเข้า กลางคืนต้องออกไปนอนในป่า เช้าถึงกลับเข้ามา

ผู้ใหญ่ได้นำตัวไปรักษา ไปหาหมอ ทั้งหมอผีหมอคนก็ไม่หาย ลูกสาวจะอยู่อย่างคนตาขวางๆเช่นนั้นไม่สงบ

เป็นเช่นนี้อยู่หลายปี จนมาเจอข้าสมัยไปฝึกปฏิบัติอยู่บนเขามะกูด อ.บ้านนา

ข้านี่มีเซ้นต์ที่ไวต่อพลังงานเหล่านี้ จึงได้คุยกะหลวงตาจักษ์ว่า

อีนางคนนี้ ผีมันครอบครองร่างอยู่ เราจะช่วยมันอย่างไรดี

ตอนอยู่บนภูเขา ข้าก็ให้มันแสดงตัว และบอกผู้ใหญ่ว่าลูกสาวแกนั้น ผีมันครอบครอง

ผู้ใหญ่แกไม่รู้ แกนึกว่าลูกสาวมีอาการประสาท รักษายังไงก็ไม่หาย

แกบอกว่า ก็เคยเอาหมอผีหมอยาเก่งๆ ทำการรักษาตามความเชื่อแล้ว รดน้ำมนต์แล้ว ถ้ามีผีครอบร่าง มันก็น่าจะหาย

ผู้ใหญ่แกเข้าใจอย่างนั้น ให้หมอผีทำให้พระทำแล้วไม่ดีขึ้น ก็เลยคิดว่าลูกสาวเป็นโรคประสาท

นี่..แก้ไม่ตรงจุด ที่บอกว่าแก้ไม่ตรงจุดนี่ ไม่ใช่ผีเข้าแล้วไห้หมอผีหรือรดน้ำมนต์ไล่

การแก้ให้ตรงจุดคือต้องเรียกผีที่ยึดร่างนั้นมาถาม หาเอาเหตุที่มาครองร่าง ว่าเกิดจากเหตุอะไร ให้แก้ตรงเหตุนั้น

ผีปู่จ่างบอกข้าว่า ผู้ใหญ่รื้อศาลเขา ดูหมิ่นเขา เขาจะทำให้ชิบหาย

นี่ทำให้ไฟไหม้ ทำให้หลานโดนไฟคลอก อีกคนจมน้ำตาย และจะเอาชีวิตให้หมดทั้งบ้าน

ข้าบอกว่าจะให้แก้ไขยังไง ผีส่ายหน้าเขาไม่ยอม ผีจะเอาชีวิตอย่างเดียว

เมื่อผีไม่ยอม เราก็จนปัญญา เราไม่มีวิชาอะไรที่จะไปบังคับเขา ถึงมีข้าก็ไม่ทำ มันจะเป็นการก่อศัตรูโดยใช่เหตุ

ที่สุดก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ผีออกจากร่างลูกสาวคนเล็ก แต่ไปเข้าร่างลูกสาวคนโต

ลูกสาวคนโต มีจิตใจที่มุทะลุห้าวหาญแบบผู้ชาย ผีปู่จ่างก็เลยมีเครื่องมือที่แรงฤทธิ์ขึ้นมาอีก

ผีปู่จ่างแกซ่าไปจนยันเช้า ฝ่ายเรากับผี ต่างแยกวงกันอยู่บนภูเขา

ผีก็ระแวงกลุ่มพระ พระก็ระแวงผีจะโดดเข้ามางับคอ ต่างฝ่ายต่างยันกันถึงเช้า

ตอนเช้าผีในร่างลูกสาวคนพี่ก็สงบ อีกวันจึงได้เจรจากัน

ผีเขาขอให้ผู้ใหญ่ เอาพระมาสวด 9 รูป เป็นการขอขมา และสร้างศาลให้เขาใหม่

ผู้ใหญ่รับปาก เรื่องทั้งหลายมันก็เลยจบลงได้ เดี๋ยวนี่ผีปู่จ่าง แกเป็นปลัดจ่างไปแล้ว

มีศาลไปทั่วแถว อ. บ้านนา นครนายก ชาวบ้านเขานับถือกัน นี่..เป็นการนับถือผีกันเพื่อมีโชคลาภและความสงบสุข เขาเชื่อกันอย่างนั้น

กับข้านี่ ผีปู่จ่างตามอยู่พักหนึ่ง ถ้าพูดถึงเป็นต้องมา ส่งพลังมาหาขนลุกขนพองเลยเชียว

เดี๋ยวนี้แกได้ดีแล้ว เป็นศาลปู่ที่คนนับถือมากไปแล้ว สงสัยงานเยอะหลายปีมานี้ แกจึงไม่ค่อยได้มาหามาทัก

คนไทยนั้น เป็นกลุ่มชนนับถือผีมาแต่โบราณ การนับถือผีนี่ ไม่ผิดหรอก แต่มันไม่ช่วยให้เรามีปัญญารู้แจ้งเพื่อการพ้นทุกข์

ฝ่ายพลังงานที่เราเรียกว่าผีนี่ มันก็มี เป็นเพียงแต่ว่าเรามันไม่สามารถเห็นและยืนยันเป็นสาธารณะได้ก็เท่านั้น

ผีนั้น ไม่สามารถทำให้ใครร่ำรวย มีบารมี หรือเกิดปัญญาอะไรขึ้นมาได้

เขามีพลังเล็กๆน้อยๆ ที่พอให้คนนับถือพอได้ลูบคลำเท่านั้น

พระบางรูปแสดงตนเป็นผู้มีปัญญาจัด ไม่นับถือผีไปทำการรื้อศาลผี

การไม่นับถือหรือนับถือนี่ โต่งทั้งคู่ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ เป็นความเชื่อ เป็นกิเลสตัวเอ้ที่ตนครอง

ไม่นับถือ ก็ไม่ควรจะไปรื้อไปทำลายในสิ่งที่คนอื่นเขานับถือ

งมงายในสิ่งที่ศรัทธา กับ งมงายในสิ่งที่คิดว่ามีปัญญานี่ มันเสมอกันด้วยความโง่

พุทธศาสนาชี้ให้เห็นมูลเหตุและผล ไม่ได้ชี้ให้เป็นเจ้าของในมูลเหตุและผลที่ท่านชี้

เมื่อเราเข้าใจว่าธรรมชาติแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ตรงตามความเป็นจริง

ใจดวงนี้จึงมีที่ยืนไปตามเหตุปัจจัยด้วยภูมิปัญญาที่ตนมี

ว่าจะคุยเรื่องวาทะแห่งการจองจำของเหล่าวิญญาน ที่เราไม่เข้าใจกัน ดันไปออกเรื่องปู่จ่าง

ค่อยว่ากันวันหน้าอีกที เช้าวันเสานี้สวัสดี ขอให้มีความสุขกัน

พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559