พระดีพระชั่วแยกให้มันชัดๆจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

พระดีพระชั่วแยกให้มันชัดๆจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

328
0
แบ่งปัน

***** “พระดีพระชั่วแยกให้มันชัดๆจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ” *****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

มีคนฟ้องให้ข้าฟังว่า

มีพวกพระบางรูป รบกวน ไลน์ไปหาไปพูดเกี้ยวพูดจาจีบเธอยาม ดึกๆ

บางพวกก็ขอให้ทำบุญ ทำนู่นทำนี่

บางพวกก็ขายสินค้า อภินิหารที่ตนคิดว่ามี

นี่พวกนี้ อาบัติสังฆาทิเสสทั้งนั้น

อาศัยเรือนร่างความเป็นพระ ติดปีกแมงดาร่อนออกหากิน

ตัดๆออกไป อยู่ใกล้แล้วจัญไรกิน

พวกบวชมากินนอน วันๆไม่รู้จะทำอะไร..นี่ก็พวกหนึ่ง

พวกบวชมาหาลาภ หาตังค์เลี้ยงชีพ…นี่ก็พวกหนึ่ง

พวกบวชมาบ้าวัตถุ บ้าเทพ บ้าฤษี บ้านาค บ้าผี บ้าวิญญาณ บ้า..บลาๆๆ …นี่ก็พวกหนึ่ง

พวกบวชมาอวดตัวอวดธรรม เข้าใจว่าตนบรรลุ โลกสวย …นี่ก็พวกหนึ่ง

พระพวกนี้ ทำลายศาสนาให้เสื่อมสูญตามลมหายใจที่พ่นเข้าพ่นออกของมันทุกวัน

พระบางวัด กินข้าวเย็น ข้าวดึก กินจุกกินจิกเก็บของมากมาย ดูเป็นเรื่องธรรมดา

พระมีตู้เย็น ทีวี แอร์ รถยนต์ เงินในบัญชีธนาคาร ส่วนตัว ที่โยมหลายคนเองก็ยังไม่มีโอกาสจะมี

พระหลายๆมากมายวิ่งเต้น ซื้อตำแหน่ง พระครู เจ้าคณะ เจ้าคุณ บลาๆๆ ไปยันซื้อพระเจ้าเพื่อไปสรวงสวรรค์

ผู้คนไร้ที่พึง ก็โดนพระพวกนี้หลอกเอาๆ นี่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมถอย

เพื่อนเอย..พระก็คือคนนี่แหละ ไม่ใช่ซุปเปอร์ไซย่า ที่จะแปลงกายแล้ว มันจะไปช่วยดลบันดาลให้ใครได้ดั่งใจ

บวชมาแล้ว ช่วยเจริญจิตภาวนาให้มีคุณค่า สร้างศรัทธาให้แก่ศาสนากันเยอะๆเถิด

ศาสนาพุทธเราโดนย่ำยีจากชาวพุทธด้วยกันเองเพราะสันดานเห็นแก่ตัวนี่ก็มากพอแล้ว

นี่..พวกพระมากมายยังช่วยทำลายกระทืบๆๆๆศาสนาให้ป่นปี้ ด้วยส้นตีนที่ดูมีคุณธรรมไปซะอีก

หวัดดียามบ่าย

กินข้าวกันแล้ว ก็เริ่มง่วงใช่ไหม

อยากนอนไม่อยากไปทำงาน

พวกพระนั้น ฉันเสร็จก็ขึ้นทางจงกรมนั่นแหละ ใช่เกาพุงนอน

พวกพระขี้เกียจ แดกเสร็จก็จำวัดนอนเป็นหมู ไม่อยากทำอะไรหรอก

อย่าเดือดร้อนกันนะ นี่พูดความจริง แค่ชี้ให้คนมันเห็นความจริงบางอย่าง เผื่อหูจะได้กระดิกซะบ้าง

แต่เออ..พระพวกอนุบาลมันก็มี ที่บวชเข้ามากินนอนแล้วนั่งเล่นเกมส์ลับสมองไปวันๆ


ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> พระอาจารย์นิยามคำว่าพระจริงๆเขาปฏิบัติตัวอย่างไร ถึงเรียกว่าพระได้เต็มปาก

พระอาจารย์ตอบ <<< นิยามไปก็โดนส้นตีน แค่นี้พวกห่วยแตกมันก็รอกระทืบกูแย่แล้ว เดี๋ยวพระเต็มปากงอนกูอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น 2 >>> ธรรมที่ออกจากใจแบบนี่เรียกว่าถึงทิฐิและมานะด้วยหรือเปล่าครับ ว่างๆขอความเมตตาชี้ให้ชัดหน่อยว่า

เวลาพระผู้ทรงคุณท่านชี้แบบนี้ของท่าน…แค่ไหนถึงเรียกว่าโดยธรรม ไม่ใช่ตำหนิติเตียนครับ

ยังไงก็ต้องมีรายละเอียดในเจตนานั้นๆแน่ๆ กราบนมัสการครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< ว่าไปตามเหตุปัจจัย ไม่ได้เกิดจากอคติต่อใครด้วยใจที่เป็นอกุศล

มันอยู่ที่ผู้รับ หากผู้รับมีใจอคติ และตัวเองเป็น มันก็ย่อมไม่ชอบใจ

แต่ถ้าผู้รับไม่ได้เป็น เรื่องพวกนี้ก็ไม่มีอะไรแค่ชี้แนะให้ดูโรงละคร ที่เขากำลังแสดงอยู่

พวกแสดงมันก็เดือดร้อน พวกนั่งดูก็เห็นในสิ่งที่เขาแสดง

ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>> การว่าคนอื่นก็ไม่ใช่เป็นกิจ ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้

การตำนิผู้อื่นก็คือคนพาลนั่นเอง ใครกินข้าวคนนั้นอิ่มใครไม่กินคนนั้นก็ไม่อิ่ม

บุญก็เหมือนกันใครทำคนนั้นก็ได้ ใครไม่ทำคนนั้นก็ไม่ได้ ศาสนาไม่เคยเสื่อมคนเราต่างหากที่เสื่อม

พระอาจารย์ตอบ <<< พุทธที่อินเดียเสื่อมก็เพราะมีแนวคิดเช่นนี้

ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องมีพระธรรมวินัย

ไม่ต้องยกตัวอย่างเพื่อว่ากล่าวตักเตือน

ต่างคนต่างอยู่กันไป ไม่ต้องช่วยจรรโลงให้แก่ความเป็นองค์กร

ข้อความนี้ พระเฮงซวยเท่านั้นแหละที่เดือดร้อน เพราะมันเป็นความจริงที่มีเห็นอยู่ในสังคม

ชาวบ้านเอือมระอาและแยกแยะพระโจร พระภาวนาไม่ค่อยออก

พวกพระภาวนาที่เจริญธรรมมันก็เลยพลอยเดือดร้อนไปด้วย

ศาสนาน่ะไม่เสื่อม ที่เสื่อมก็เพราะคนที่ว่ามานี่แหละมันทำให้เสื่อมเหม็นไปทั่ว

เราจึงควรมาสอดส่องช่วยกันมองเห็นความเป็นจริงซะ

ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>> ถ้าทำได้แบบที่ว่าพระพุทธเจ้า คงแสดงธรรมให้เข้าถึงนิพานหมดแล้ว

คงไม่ต้องรอให้ท่านมาสอนหรอกครับ คงไม่ต้องให้ท่านเหนื่อยพูดใส่ร้ายพระสงฆ์แบบนี้หรอก

กรรมของใครก็กรรมของคนนั้น หรือท่านอยากแบกกรรมของคนอื่นเพิ่ม เอาตัวเองให้ถึงฝั่งก่อน

พระอาจารย์ตอบ <<< พระดีๆมันก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าพวกเฮงซวยนี่จะเดือดร้อนน่ะท่าน

แค่เรื่องเล็กน้อยยังทำไม่ได้ แล้วจะไปอวดอะไรใครได้ว่าตนบวชเข้ามาเจริญธรรม

ไม่ต้องไปอ้างธรรมระดับพระพุทธเจ้าหรอก เอาแค่เรื่องขยันภาวนาหน่อยแค่นี้ ถ้ายังเดือดร้อน บวชมาขโมยศรัทธาชาวบ้านเขาเลี้ยงชีพรึไง

ผู้แสดงความคิดเห็น 3 >>> ท่านต้องเดือดร้อนก่อนเพราะท่านยังอวดตนว่าท่านเก่งกว่าคนอื่น ปฏิบัติมากกว่าคนอื่น ท่านขยันกว่าคนอื่นเพื่อจะข่มคนอื่น

พระอาจารย์ตอบ <<< ก็ท่านมันมองด้วยใจที่อคติ ท่านจึงมองเช่นนั้น

ทางนี้จะไปเดือดร้อนอะไร ก็แค่แจงให้ท่านทราบ ว่ามันเป็นอย่างนี้

ก็ในเมื่อพูดเอง ว่าอย่าไปยุ่งเรื่องผู้อื่น

แล้วท่านมายุ่งผู้อื่นอยู่ทำไม

ท่านยังเที่ยวสอนทางนี้อยู่ และบอกให้เอาตัวให้ถึงฝั่งก่อน

มันไม่แย้งคำพูดตัวเองรึ

มองเป็นกลางซิ มันก็เห็นความจริง

มองด้วยอคติมันก็เพ่งโทษคนอื่นนั่นแหละ

ตรงนี้ชี้ให้เห็นความจริง ไม่ได้ไปว่ากล่าวใคร

รึท่านเดือดร้อน เอาตัวเป็นพวกพระเฮงซวยที่กล่าว

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 4 กันยายน 2560