ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 5

ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 5

302
0
แบ่งปัน

*** “ชี้ธรรมให้ผี ท่อนที่ 5” ***

ทุ่มครึ่งแล้ว จะโม้ธรรมต่อให้ฟัง ธรรม ใบไม้แห่งความพราก

เมื่อผีท่านอั๋นได้ฟังเรื่องใบไม้จบลง ผีก็นั่งร้องให้ โฮๆๆๆ

ก้มหน้า สะอึกสะอื้น ที่ดวงชะตาของตัวเอง มันสั้นนัก ในการครองรูป

เธอก้มหน้าสะอึกสะอื้นอยู่นาน จนดินที่เธอนั่ง เปียกแฉะ

นี่..เวลาผีร้องให้ ผีก็ร้องซะ น้ำหูน้ำตาท่วมทะลัก ข้าบอกกับผีท่านอั๋นว่า

อั๋น…รูปเรานั้น มันดับสูญสิ้นไปแล้ว มันไม่เหลืออะไร ไว้เป็นเครื่องยึดได้เลย

รูปที่แสนหวง ใครด่าแม่มันไม่ได้ ที่สุด…มันก็โดนทำลายกลับกลายเป็นธาตุเดิมหมด

รูปที่เราหวงแหน มันหายไปแล้ว รูปที่แสนรักแสนทะนุถนอม มันสลายปลิดปลิวไปแล้ว

แต่ที่เรายอมรับไม่ได้ และไม่มีใครรู้เท่าท่านอั๋นก็คือ ความทรงจำ อันเป็นตัวอั๋น ยังมีอยู่

ความทรงจำนี้ มันแสนเจ็บปวดใช่ไหม มันเป็นวิบากที่ไม่เคยจางคลายเลยใช่ไหม

เจ้าแก้ว ที่อั๋นครองร่างอยู่ มันให้ความสุขอะไรต่ออั๋นได้เล่า ในเมื่อตอนนี้

อั๋นเอง ก็เป็นเจ้าของร่างที่อั๋นเคย จูบกอด เคยเป็นคนละร่าง

ตอนนี้ อั๋นนึกอยากกอดจูบ ด้วยตัณหา ที่เคยหลงกับร่างที่อั๋นครองอยู่รึเปล่า

วันหนึ่ง เจ้าแก้ว ก็ไม่มีร่างอย่างอั๋น ร่างนี้ ที่อั๋นเคยหลงใหล มันคืออะไร

ลองถอยออกมาดูดีๆ ซิ ทำไม เราจึงหลงใหลมันหนักหนา

หากร่างที่เคยเป็นอั๋น คือตัวอั๋น แล้วอั๋นที่เป็นอั๋น ครองร่างเจ้าแก้วนี้..เป็นใคร ทำไม ถึงมีสองอั๋น

พอดีมีปัญหา รบกวนการเทศน์ จึงหยุดหายไป……!!!

>> ลูกศิษย์ : พอจ. หายไป…สาธุ

>> ลูกศิษย์ : นั่นสิรออยู่นานค่ะ

<< พระอาจารย์ : มันมีข้อความและเสียงรบกวน ธรรมมันไม่ไหล มันลืมหมด

ยิ่งเราคุยกันสดๆ หากเราทนรอการจิ้มไม่ได้ เราก็ปิดเครื่องซะ

ค่อยมาอ่าน ตอนเทศน์เสร็จ เพราะนี่ เป็นการแสดงสดทางไลน์

หากเราไม่เคารพธรรมสด เราก็ค่อยหาธรรมแห้งอ่าน

แต่หาก เรารอฟังไป ดูอย่างอื่นไป และดันไปเม้นท์หรือไปกดชอบใจ มันมาขึ้นที่หน้าจอ

ก็จะทำให้ สะดุดธรรมไปไม่เป็นทันที ข้าลืมหมด

เพราะจิตดวงนี้ แสดงธรรมโดยไม่ได้จดจำมา มันไหลออกมาจากใจ

การฟังธรรมสดๆ เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า เป็นอานิสงส์สูง แต่พวกเราไม่ค่อยเชื่อ

มักเอาความสะดวกตนเป็นเหตุ ผียังเคยตำหนิเลย ว่าพวกเราหลายคน

เป็นคนไม่เคารพธรรม น่าเสียดาย ที่มีเครื่องมือฟังธรรม

แต่ไม่ใช้เครื่องมือให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ยังมีชีวิต และมีโอกาศ

แถมยังมาทำลายโอกาศของผี ไปซะอีก ข้าก็เลยสบาย ไม่ต้องมานั่งเหนื่อย แสดงธรรม

เจ็บตาและเจ็บแขน มาทั้งวัน ที่มาแสดงธรรม เพราะมีหลายเหตุปัจจัยมาเกื้อหนุน

ไม่งั้น..นอนพักไปแล้ว นี่..วันๆ หนึ่ง พักแค่เล็กน้อย

หากไม่มานั่งจิ้มๆ แสดงธรรม เข้ากรรมฐาน ดูหนังในภวังค์มันกว่า คืนนี้ ก็ขอโอกาศ สวัสดีซะเลย..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลังชี้ธรรมให้ผี….ท่อนที่ 6

เช้านี้ ลงให้สองท่อนเลย เพราะโม้มาติดๆกัน จะได้ต่อเนื่อง…!!

หวัดดี ป่านนี้คงไม่มีใครตื่น ออกจากสมาธิยามเช้าๆ นี้ จิตโปร่ง กายโปร่งหนักหนา

โห..มีคนเดินทางแล้ว เอาแพไปรอรับเลยดีไหม

อากาศหนาวเด้อ เดินทางปลอดภัย ออกเดินทางจากไหนเนี่ย ถึงนราธิวาสยัง

เมื่อคืนโม้ถึงไหนแล้วหนอ ข้ากล่าวกับผีท่านอั๋นว่า

หากร่างที่เคยเป็นอั๋น คือตัวอั๋น แล้วอั๋นที่เป็นอั๋น ครองร่างเจ้าแก้วนี้..เป็นใคร ทำไม ถึงมีสองอั๋น

นี่แสดงว่า มันมีธรรมชาติบางอย่าง ที่หลงอยู่

อั๋นจริงๆ นั้น ไม่มี ถ้าอั๋นมี อั๋นอันเป็นรูปนั้น ก็ได้สลายไปจากโลกนี้แล้ว เรียกกันตรงนี้ว่า ตายแล้ว

หากอั๋นตายแล้ว แล้วทำไม ที่นั่งสะอึกสะอื้น ร้องให้ครองร่างเจ้าแก้วนี่ จึงเป็นอั๋นอีก

ทำไมจึงมีหลายอั๋นเหลือเกิน ในอดีต ก็ไอ้ความทรงจำนี้ไม่ใช่เหรอ ที่มันเสียอกเสียใจ ในรูปที่มันจาก

แล้วรูปนั้น กายนั้น มันเป็นอั๋น หรือเป็นนายทหารกล้าคนนั้น

นายทหารกล้าคนนั้น สมัยยุคอโยธยาหายไปไหน ทำไมไม่ใช่อั๋นเล่า

ทหารกล้าคนนั้น ก็เคยมานั่งคร่ำครวญ ถึงการจากการพราก จากสิ่งอันเป็นที่รัก เช่นนี้มาก่อน

ทหารกล้าผู้นั้น หายไปไหน..

ทำไมทหารกล้าผู้นั้น ถึงมาเป็นอั๋นไปได้เล่า สมัยนั้น คนที่เจ้ารัก และโหยหา คือเจ้าแก้วคนนี้รึเปล่า

เจ้าทหารกล้า ที่เป็นอดีตไปแล้ว ก็คร่ำครวญโหยหา คนรัก ที่ต้องจากต้องพราก อยู่เช่นนี้ เจ้ายังพอจำได้ไหม

แล้วเจ้าทหารกล้าผู้นั้น มันไปไหนเสียเล่า ทำไม ถึงมากลายเป็นเจ้าอั๋นไปได้

คนรักที่เจ้าโหยหา อาลัยอย่างเจ้าแก้วนี่ เจ้าลืมแล้วหรือ

ใยมาตอนนี้ กลับมาเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ชื่ออั๋น และโหยหา คร่ำครวญร้องให้ ถึงแต่เจ้าแก้ว อยากได้เจ้าแก้วไปอยู่ไปครอง

แล้วคนรักคนเก่า นางนั้น เธอหายไปไหน จากความทรงจำ

นายทหารกล้าผู้นั้น มันหายไปไหน จากความทรงจำ

จิตดวงนั้น ทำไม ตอนนี้ จึงกลายมาเป็นอั๋นไปได้ ฟังดูแล้ว ท่านสับสนไหม

นี่แสดงว่า เมื่อเปลี่ยนรูปที จิตดวงนี้ ก็หลงในรูปที

หากย้อนกลับไปอีกร้อยๆ พันๆ ชาติที่เกิดมามีรูป เหตุการณมันก็เกิดคล้ายๆ กันอยู่เช่นนี้

อั๋นลองใช้ภวังค์แห่งจิตหมุนไปทบทวนดู

ภาวะแห่งการไร้รูปนี้ มันง่ายในการที่จะย้อนไปรู้เห็น เพราะไม่มีโปรแกรม ตัวตนเข้าไปขวาง

และใช้เครื่องมือ คือร่างเจ้าแก้วนี้ ในการรู้เห็นผล จากที่กระผมนี้ ชี้ท่านไป

ท่านจะเห็นว่า ท่านเคยเกิดมามีรูปนับอนันตชาติ

แต่ละชาติแห่งการเกิด ท่านก็หลงก็ยึด ภาวะแห่งรูป

อย่างที่ท่านยึด ในขณะที่ท่านหลงว่าตัวเองเป็นอั๋น

เกิดที ยึดที แล้วสลายไป เกิดทียึดที แล้วสลายไป

ท่านว่า…นี่มันเป็นความหลงที่บ้า และโง่เง่าที่สุด แห่งความมีตัวตนหรือไม่

ที่เราต่างเกิดมา เพื่อยึดกับรูป ที่เป็นสมมุติ ว่าเป็นตัวเรา

หากรูปนี้ เป็นตัวเรา รูปต่างๆ ที่แล้วมา ทำไมเราจึงจำไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันก็มี

เพราะมันยืนยันได้ด้วยตัวท่านเอง ใช่ไหม

นี่แหละ เราเรียกว่า หลงวัฏฏะแห่งการเกิด หลงรูปหลงนาม และมันหลงเช่นนี้ มาอย่างช้านาน

เรียกว่า เป็นผู้ครอง อวิชาอยู่เต็มหัวใจ

เรื่องเช่นนี้ หากยังยืนยันว่ายังเป็นตัวอั๋นอยู่ หรือเป็นมนุษย์ ที่เคยเป็นอั๋นอยู่ พูดไป มันก็ฟังไม่รู้เรื่อง

เพราะมันเห็นเหตุไม่ได้ นี่…อั๋นเห็นหรือยัง ว่าจริงๆ แล้ว ตัวอั๋นนั้น มันไม่มี

ที่มี มันก็เป็นสัญญาเรียกชื่อสมมุติ ในการเกิดมามีรูป ครั้งที่เป็นมนุษย์ ตอนมีธาตุขันธ์ก็แค่นั้น

หากรู้อย่างนี้แล้ว อั๋นจะมาร้องให้คร่ำครวญ เสียอกเสียใจ กับสมมุติเหล่านี้กันทำไม

นี่เขาเรียกว่า มันหลงสายใย ในสมมุติ

ตอนเป็นคนก็หลงสมมุติ นี่เป็นผีแล้ว ก็ยังหลงสมมุติ ในการเคยเป็นรูปคน

แล้วทำไม ไม่ไปหลงและคร่ำครวญ ในรูปสมมุติในอดีต ที่มากมาย มหาศาลนั้นมั่งเล่า ทำไม..!!

หรืออดีตเหล่านั้น ที่เกิดเป็น รูปโน่น รูปนี้ พ่อนั้น แม่นี้ มีเมียนั้น มีเมียนี้ ไม่ใช่จิตดวงนี้

ทำไม จึงไม่คร่ำครวญถึงทั้งๆ ที่มันก็เป็นอดีต เหมือนๆ กัน

ถ้าเอาเวลานี้ มาเป็นผล เห็นไหมอั๋น ว่าความจริง พ่อแม่ ครอบครัว ตัวตนต่างๆ มันเป็นเพียงแค่ สมมุติวัฏฏะ

มันเป็นแค่ภาพอากาศมายา ที่อวิชาแสดงเหตุให้ รู้เห็นจับต้องได้ แค่นั้นเอง

จริงๆ แล้ว มันไม่มี ที่มี ก็เพราะหลงในสมมุติ ที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์หลง ที่อวิชา สร้างขึ้นมา

อวิชาคือความไม่รู้ แห่งผัสสะที่มากระทบ ธรรมธาตุ

ธรรมธาตุนี้ กระทบกับ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงเกิด อวิชา

อวิชาเกิดแล้ว การปรุงแต่ง แห่งการกระทบก็เกิด

การปรุงแต่งแห่งการกระทบเกิด นี่..จึงมาเป็นวิญญาณ ที่รอการสร้างรูป เพื่อสร้างสมมุติ ในการรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ที่กระทบ คืออะไร

และอะไรเหล่านั้น ล้วนแล้วเป็นสมมุติ ที่ปรุงแต่งขึ้นมา จากอวิชาทั้งสิ้น

จึงมีสมมุติแห่งอั๋น สมมุติแห่งเจ้าแก้ว พ่อแม่ ลูก และอะไรต่ออะไร ที่เข้าไปยึด ในสมมุตินี้

นี่..เป็นที่มาแห่งความหลง และหลงนี้ สร้างความทุกข์อย่างใหญ่หลวง และผูกพันธ์กันไปต่อเนื่อง เป็นสายใย โดยไม่รู้จบ

อาศัยกรรมแห่งอุปาทานเป็นเหตุ ฉะนั้น…ที่อั๋นนั่งคร่ำครวญ โหยหา เจียนเป็นเจียนตาย อยู่ตรงนี้

อั๋นรู้หรือยัง ว่าจิตดวงนี้ มันหลงสมมุติในอัตภาพแค่ไหน

พึงเข้าใจและทำใจ ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย จิตปรุงแต่งมันยึดไปเอง เพราะเหตุแห่งความหลง

หลงนี้ คือ อวิชา พราะอวิชามี สมมุติทั้งหลายเหล่านี้ ท่านอั๋นหลง ก็เลยมี

ทั้งๆ ที่ …ความจริง ความเป็นอั๋นไม่มีซักหน่อย..!!!

….ผีท่านอั๋นตลึง และจ้องเพ่งเข้ามาที่ข้า

ด้วยข้อธรรมอันนี้ เป็นความจริงที่ยากแก่การรู้เห็น

ปุถุชนทั้งหลาย ย่อมตามรู้ไม่เป็น

เมื่อได้รู้เห็น ความตะลึงตรึงจิตใจจึงบังเกิด ท่านอั๋นก้มลงกราบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ก่อนที่ผีจะพูดอะไรต่อ ต้องขอหยุดโม้แต่เพียงเท่านี้

เพราะนี่ สว่างโขแล้ว ลูกกวางมันส่งเสียงร้อง หาแม่มัน เพราะข้าจับมาแยกไว้อีกที่ กลัวตัวผู้มันจะขวิดเอา โอเค เช้านี้…หวัดดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง