นิพพาน ไม่ใช่ความว่าง

นิพพาน ไม่ใช่ความว่าง

747
0
แบ่งปัน

***** “นิพพาน ไม่ใช่ความว่าง” *****

หวัดดียามสาย…

ธรรมเหล่านี้แต่ละวันที่แสดง เป็นธรรมที่เข้าใจธรรมชาติอันเกิดจากประสบการณ์

ตำรานั้นเป็นเสมือนลายแทง ที่จะนำเราไปในเส้นทาง

แต่ปัญหาคือ ตำราเกิดจากการแปลของผู้เรียน ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจของผู้ปฏิติบัติ

ฉะนั้น..ตำราทั้งหลาย เราควรวินิจฉัยขยายเหตุผลออกมา ให้เดินไปตามร่องธรรมแห่งความเป็นจริง

เชื่อโดยไม่ได้ตรึกตรองนี่ ไม่ใช่วิสัยพุทธ

มันขึ้นอยู่กับปัญญาในแต่ละคน

ชีวิตนั้นสั้นและมีกาลไม่ยืนยาว

แต่เราไม่สำเหนียกกับสิ่งเหล่านี้

พุทธเราหลายสำนัก ปฏิบัติโดยใช้ความว่าง การนิ่ง สงบ โดยไม่คิดไม่นึกอะไรเป็นสรณะ

อาการเช่นนั้น แต่เดิมมาของเหล่าเดียรถีย์

เขาก็ปฏิบัติกันอยู่มาก่อนพุทธจะเกิดขึ้นมา

มันเป็นธรรมชาติที่ง่ายเกินไป ในการปฏิบัติ

มันเป็นการเอาตัวตนเข้าไปเป็นเจ้าของ การปรุงแต่งจิต

และที่สำคัญ ครูบาอาจารย์เก่าๆเราก็ชี้สอนกันมาในร่องหนทางเช่นนั้น

คือ อยู่กับความว่าง ไม่คิดอะไร

ความว่างที่ไม่คิดอะไร ไม่เอาอะไร ไม่ทำอะไร

ต่างล้วนแล้วแต่เป็นธรรมขั้นเด็กน้อยที่เริ่มฝึกใจ ให้ยอมรับและต้านทานในสิ่งที่มาผัสสะทั้งสิ้น

พุทธะนั้นเป็นเรื่องของปัญญา

ไม่ใช่ความนิ่งเฉย หรือรู้มากจดจำธรรมพระสูตรอย่างมหาศาล

ครูบาอาจารย์ผู้เห็นธรรมแห่งสัจธรรม

เมื่อถึงจุดที่สุด ต่างมีความเห็นลงร่องเดียวกันว่า

ธรรมทั้งหลายมันมีเหตุมีผลเป็นเช่นนี้ๆๆ

มนุษย์ทั้งหลาย ใครผู้ใดจะเข้าไปเห็นได้เล่า

จึงมีความน้อมลงในในทิศทางที่จะไม่ไปสั่งสอนชี้แนะใคร

แต่สติระลึกได้ว่า

แม้ตัวท่านเองก็เป็นมนุษย์เช่นกัน

ทำไมใยตัวท่านถึงรู้ธรรมอันแยบคายเหล่านี้ได้เล่า

มนุษย์นั้นดุจบัวสี่เหล่า

มันยังมีมนุษย์บางเหล่า ที่เป็นบัวพ้นน้ำ

รอแค่ฉายตะวันสาดแสงกระทบเข้า

เธอผู้พ้นน้ำก็พร้อมเบ่งบาน

บางพวกก็เป็นบัวปริ่มน้ำ…พร้อมที่จะบานเมื่อกาลมาถึง

บางพวกก็เป็นบัวกลางน้ำ…ที่สุดเมื่อใช้ความพยายาม

เขาก็พร้อมขึ้นไปเป็นบัวปริ่มน้ำ และพ้นน้ำพร้อมจะบานได้

แต่เหล่าบัวใต้น้ำนี่ซิ…กว่าจะพ้นน้ำได้

คงต้องผ่านเต่า ปลาที่คอยมาแทะกิน ให้สิ้นตูมดอก

โอกาสจะรอดเป็นบัวพ้นน้ำ ยากเย็นเต็มที

พวกเรา..เป็นบัวเหล่าไหนเล่า

บัวพ้นน้ำในหมู่พวกเราเขาก็ยังมี

ด้วยเหตุแห่งวิธีนี้

ธรรมทั้งหลายจากผู้ชี้ จึงมีคุณที่ปรากฏแก่ใจย่อมไม่เสมอกัน

แต่พุทธะ..ไม่ใช่เรื่องทำใจให้ว่างหรือไม่คิดอะไรไม่ทำอะไร ด้วยความเข้าใจแห่งตัวตนว่าเช่นนั้นเช่นนี้แน่

อย่าเป็นผู้แก่ด้วยความว่าง

พึงเป็นผู้แก่ด้วยปัญญาญานที่เข้าใจถึงเหตุและปัจจัยในสิ่งที่สังขารมันปรุง..

ข้าอยู่ป่าปฏิบัติอย่างเอกอุ เอาเป็นเอาตาย

สมัยหนึ่งระลึกขึ้นมาได้ว่า กายนี้ที่ใจครอง
มันเคยตายเพราะความว่างที่ตนยึด
ไม่รู้ว่าจะกี่ภพกี่ชาติแล้ว

มันไม่ได้พ้นทุกข์ มันยังวนเวียนกลับมาสู่สัญญาเดิมๆ

ความว่าง ไม่เอาอะไร ไม่คิด ไม่สร้างกรรมอะไรในความเข้าใจ

มันเป็นเป็นปัญญาที่หยุดอยู่กับที่ ไม่มีปัญญาอะไรพอกพูน

มันสงบลงแค่อัตภาพ เพราะมีตัวตนเข้าไปเป็นเจ้าของอาการ

และข่มมันไม่ให้กระเพื่อมในตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบ เพื่อให้ดูว่าว่าง ไม่เอา และไม่ทำ

ที่สุดเราจะตายฟรี ด้วยกิเลสตัวนี้ เพราะเป็นเรื่องอัตตาแห่งเราทั้งดุ้น

มันไม่ได้ทำความเข้าใจเครื่องมือชิ้นนี้ที่ก่อรูปเกิดกำเนิดมา เพราะเหตุอันใด

และจะดับมันด้วยเหตุอันใด เพื่อไม่ให้มันเกิด

มันแค่อาศัยร่างกายอยู่เพื่อทำใจว่างๆ

มันเข้าใจว่า การทำตัวว่างๆ เป็นหนทางดิ่งไปสู่นิพพาน

นี่..เป็นธรรมเด็กน้อย ที่เข้าใจด้วยการคิดเอาและกระทำมันขึ้นมา

ไม่ได้เรียนรู้ที่จะเกิดปัญญาเข้าไปตีอวิชา

มันไม่รู้ว่า อวิชาเป็นที่มาแห่งเหตุทั้งปวง…!!

พระธรรมเทศนา วันที่ 22 มีนาคม 2560 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง