ปลงอสุภะเพื่อไม่เอา

ปลงอสุภะเพื่อไม่เอา

314
0
แบ่งปัน

***** “ปลงอสุภะเพื่อไม่เอา” *****

>> ลูกศิษย์ : กราบมนมัสการค่ะ มีเพื่อนเฟสโพสรูปศพมาดูทุกวันเลยค่าจะให้พิจารณายังไงคะ

>> พระอาจารย์ : ก็ให้พิจารณาศพว่า เราก็ไม่ต่างไปจากซากนี้ ที่สุดก็เป็นเช่นนี้

เพราะเราต่างก็เกิดมามีรูปเนื้อเชื้อไขเหมือนกัน กินเหมือนกัน เจ็บเหมือนกัน ตายเหมือนกัน

เรา…อีกไม่ช้าไม่นาน ก็ต้องมากองนอนเป็นศพอยู่เช่นรูปนี้ ไม่แตกต่างกันเลย

เรา.จะยึดมันในความอยากมี อยากเป็น ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น และกระแสแห่งตัณหา ให้ทุกข์ใจมากมายไปใย

เรา…ที่สุดแล้วก็ต้องเป็นศพดั่งเช่นในภาพ ที่เขาส่งมาให้ไม่หนีพ้นไปได้ เช่นเดียวกัน

นี่..พิจารณาปลงเอา ประมาณนี้ เป็นการเอาศพมาปลงเพื่อให้เกิด มรณานุสติน่ะ… Halo..!!

เขาไม่เรียกว่าการปลง อสุภะอย่างเข้าใจ เขาเรียกว่าการ ปลงระลึกถึง มรณานุสติ

คือระลึกถึง ความตาย การจาก การพราก จากสิ่งที่เรายึดเพราะเหตุแห่งหลงกายนี้ ว่าไม่ตาย เป็นสำคัญ..

>> ลูกศิษย์ : เห็นศพก็ปลงกะศพ..ส่วนไอ้คนที่อยู่ในใจดูยังไงมันก็ไม่เห็นเป็นศพซะที..กลุ้มจัง…

ขอวิธีแก้ครับ.พอจ..อยากเห็นไอ้คนในนี้เป็นเหมือนศพซะทีเบื่อแล้วครับ..

<< พระอาจารย์ : คงต้องไปฟังกันท่อนที่สอง โม้ไปแล้วเมื่อคืน และวิธีการถอดถอน จะมาโม้ต่อคืนนี้ อยู่คอยฟังก็แล้วกัน steve..

ผู้คนเข้าใจ ในเรื่องอสุภะน้อย ไม่เข้าใจความหมายว่า เขาเอา อสุภะ มาใช้ในกาล และเหตุปัจจัยอะไร

อสุภะ เราดันเอามุ่งไปแต่การ เห็นเพื่อให้ไม่เอา ซึ่งคำว่า อสุภะ แปลว่าไม่งาม

มันก็ไม่ชอบไม่เอาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปปลงเพื่อ ไม่ให้เอาอีก ไปทำไม

โน่น มันต้องไปปลง ไอ้ที่เอา ไอ้ที่ชอบ ไอ้ที่หลงเสน่ห์หาโน่น

เอามาปลงเพื่อไม่ให้ใจมันหลง ใจมันเอา ไม่ใช่ เอาสิ่งที่ใจมันไม่เอา มาปลงเพื่อไม่ให้ใจเอา มันจึงแย้งๆ กันอยู่

ส่วนศพ ที่เขาเอามาปลงกัน คือมันไม่งาม เขาจึงเรียกว่า อสุภะ เขาให้เอามาปลง

ว่า แม้กายเรานี้ ก็ไม่พ้นไปจากศพเช่นนี้ ไม่ใช่ เอาศพมาปลง เพื่อไม่ให้ใข่มันแข็ง

จะได้ไม้ต้องวิ่งโล่ไปมุดรูใครอย่างที่เข้าใจ..

มันตีธรรมกันคนละความหมายและเจตนาเลยทีเดียว แต่หากมีเหตุปัจจัย เช่นสงฆ์อยู่ป่า แล้วเกิดความกำหนัดทางเพศและอารมณ์

หากองค์ไหนเอาศพมาปลง ปลงให้ตาย มันก็อยากฝังในอยู่เช่นนั้น ไม่รู้หาย นี่..

สงฆ์เช่นนี้ แม้เจริญธรรมอยู่ในป่า ก็โง่หลาย และที่สุด ก็ตายไปเพราะขาดผู้ชี้ หากปัญญาเข้าไปไม่ถึง

การถอดถอนความกำหนดยินดี ในอสุภะ มันต้องเอา อสุภะ คือความงามที่ใจมันหลงไหลนั่นแหละ มาถอดถอน

แต่การถอดถอน มันต้องมีผู้รู้ชี้ อ่านตำรามาชี้ โดยเอาศพมาถอดถอน มันถอนไม่ออกดอก มันคนละเรื่องและสวนทางกัน

ความหมายแห่งผู้มีปัญญานั้น

จริงๆแล้วการเจริญจิตในการปลงอสุภะ ไม่ได้ปลงเพื่อให้เกิดความรังเกียจ

การปลงเพื่อให้เกิดความรังเกียจนี่ มันเป็นธรรมแห่งอัตตา

มันเป็นธรรมเด็กน้อยที่มีความคิดตื้น และเข้าไม่ถึงการถอดถอน

การปลงอสุภะนี่ เป็นการปลงเพื่อให้เห็นความเป็นจริงในสิ่งที่ปลง ว่ามันเป็นของมันเช่นนี้

ปลงให้เห็นความเป็นจริง เพื่อที่จะถอดถอนความหลงยึด อันเป็นอุปาทานในสิ่งที่ผัสสะ

ไม่ใช่ปลงเพื่อให้เกิดความรังเกียจที่จะให้เกิดใจที่จะไม่เอาหรือเอา

เราปลงเพื่อให้เห็นความจริง เกิดปัญญามองเห็นความเป็นธรรมดา

ว่าสรรพสิ่ง ต่างล้วนเป็นเช่นนี้เป็นธรรมดา..

ธรรมหน้าเพจนี้ มันขวางโลกที่เขานิยมกันแทบทุกเรื่อง

แต่ช่วยไม่ได้ ก็ใจมันประจักษ์มาเช่นนี้ จึงนำออกมาบันลือสีหนาท อย่างไม่เกรงใจใคร สายนี้ ขอสวัสดี กับทุกๆ คน

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ปลงอสุภะ… ณ วันที่ 3 เมษายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง