ภิกษุณีที่สูญหาย

ภิกษุณีที่สูญหาย

999
0
แบ่งปัน

**** ” ภิกษุณีที่สูญหาย “*****

มีเรื่องราวของภิกษุณี ที่พระหลายท่าน ท่านดูว่าเป็นปัญหาและไม่ยอมรับ

ส่วนหนึ่ง ภิกษุณีที่เป็นทอมมาก่อนนี่ มีเยอะ เป็นดี้ตามทอมมา นี่ก็เยอะอีก

เรื่องดี้กะทอมที่เข้ามาบวช เพื่อยกฐานะจิตใจตนนี่ ข้ารับฟังไว้เฉยๆ

เรามาคุยกันถึงว่า ทำไม ภิกษุณีถึงไม่ค่อยได้รับการยอมรับ ทั้งที่โบราณกาล ภิกษุณี เขาก็มี

พระธรรมวินัย ในพระไตรปิฏก 311 ข้อ มากกว่าภิกษุ ก็ยังมี ยังปรากฏอยู่

แล้วไฉน ใยจึงไม่ยอมรับกัน

ปัญหาระหว่างเพศนี่ มันก็แยกไว้อย่างหนึ่ง

ปัญหาทิฏฐิความเห็น นี่ก็แยกไว้อย่างหนึ่ง

สังคมความคิดเห็นในแนวทางกดขี่ทางเพศนี่ มันยังคงคลุกกรุ่นกลิ่นอาย ไม่ถดถอย

อิสตรี มีความคิด ความเห็นการกระทำเก่งกว่านี่ บุรุษผู้อ่อนแอมักหวาดหวั่น

การกดดันและข่มขี่ มันทอสายใยมาแต่พุทธกาลโน่น

พระอานนท์ได้ขออนุญาติต่อองค์สมมเด็จพระสัมมา เพื่อขอสิทธิเสรีภาพให้แก่มาตุคามอันเป็นสตรี ได้มีสิทธิ์บวช

พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเหตุและผล ของการเข้ามาบวชแห่งอิสตรี

ที่สุดก็ทรงอนุญาติ แต่ให้อิสตรียอมรับคุรุธรรมแปดประการด้วย

นี่…เกิดจากพระอานนท์ท่านทรงเล็งเห็นว่า

สิทธิเสรีภาพในการเดินทางสู่นิพพาน บุรุษสตรีควรเสมอกัน

ภิกษุณี มีคุรุธรรมแปดประการ เป็นเขื่อนกั้นน้ำ อันทะลักออกมาจากป่าอารมณ์

ภิกษุณีบวชกันมากมาย ในสมัยพุทธกาล แต่บัดนี้ ภิกษุณีหายไป และหายไปเป็นพันๆปีซะด้วย

นี่…เพราะความตีความผิดในเหตุแห่งนยัตถะ ภิกษุณีจึงหายไปจากพุทธศาสนา

โดยเฉพาะในไทย..

เหตุแห่งการหายไปของเพศภิกษุณี มีเหตุมาจากการตีความเรื่องพุทธศาสนา มี 5,000 ปี

เพราะนัยยะที่ตื้นแต่ดูเหมือนมีเงาลึกดำมืดเช่นนี้ การหลับไหลในภาวะปัญญา มันจึงผุดหน่อออกมา สยายกิ่งก้าน บดบังความเป็นจริงในความหมายแห่งคำโบราณ

เราตีความหมายแห่งคำโบราณ ที่สังคยานามานับครั้งไม่ถ้วนไม่แตก

เมื่อความหมายมีแต่นัยยคำ..การพอกพูนปรุงแต่งจากอัตตาความจำ มันก็ก่อเป็นกำแพงอิฐ

กำแพงที่ก่อหล่อหลอมตัวตน มันหนาเกินกว่า แต่ละคน จะทำลายสลายระเบิดออกมา

ออกมาเผชิญความเป็นจริงที่เป็นดั้งเดิมแต่โบราณ ที่ไม่ได้ก่อเกิดจากอิฐความรู้ที่ก่อเป็นกำแพงหนาขึ้นมา

ความหนาของกองอิฐความรู้ที่เป็นกำแพงทึบ

มันบดบังความจริงที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งว่าจริงๆมันคืออะไร

ความรู้แจ้งที่เป็นอิสระ อยู่หลังกำแพงแห่งอัตตา

ที่ทุกคนก่อเป็นกำแพงขึ้นมา ปิดกั้นความจริงด้วยอัตตาตัวตนแห่งเจ้าของเอง

ภิกษุณีโดนตีความว่า จะทำให้อายุพระพุทธศาสนาหายไปครึ่งหนึ่ง

เพราะรวามกลัวว่า อายุพระพุทธศาสนาหายไปเนื่องด้วยมาตุคาม ตามพระพุทธองค์กล่าว

ตีความกันแค่นี้ ท่อนนี้จากบาลี

ภิกษุณีจึงกลายเป็นที่รังเกียจอยู่ลึกๆ ของภิกษุผู้แปลอักษร แบะตั้งตนเป็นอรรถาจารย์

ธรรมอีกหนึ่งอย่าง ที่พระพุทธองค์ทรงตั้งขึ้นมาเพื่อสะกัดกั้น ความหดหายแห่งอายุพระพุทธศาสนา

คือคุรุธรรมแปดประการ ที่มอบให้แก่ภิกษุณีเฝ้ารักษา ตรงนี้.. ธรรมแห่งครุธรรมแปดประการนี้

เป็นตัวฉุดให้อายุพระพุทธศาสนา เจริญต่อไปเหมือนเดิม เหมือนไม่มีภิกษุณีเข้ามาบวช

ตรงนี้..ความเห็นนี้ มันหายไปและอ่อนกำลังลงของการวินิจฉัยไปตามบาลีวินิจฉัย

อรรถกถา เอาแต่ความหมายที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า

” เพราะเหตุแห่งมาตุคามเข้ามาบวชในสัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้อย่างดี

จะทำให้สัจธรรมนี้ อายุหดหายไปเหลือ 500 ปี “

นี่..คำตรงนี้ เป็นหอกดาบกบับมาทิ่มแทงภิกษุณี ให้ค่อยๆโดนกลืนหายไป จนมาเหลือใส่แค่ชุดขาว

ที่สำคัญ ยามเกิดยุคกุลีบ้านกุลีเมืองความเห็นทางศาสนาเปลี่ยนไป เหล่าภิกษุณีต่างโดนข่มขืนกันจนแทบสูญพันธ์

ความสำคัญของความเป็นภิกษุณี จึงโดนกลืนกลายไปเป็นเพศชั้นสอง ที่มีแต่ในตำรา ทิ้งการแปลและกล่าวถึงเอาไว้

หากจะขยายถึงเหตุต่างๆในกาลที่ผันเปลี่ยน มันก็จะยาว

เอาเป็นว่า ว่างๆแล้วเราค่อยมาว่าถึงกันก็แล้วกัน

วันนี้ขอสาธุธรรมสวัสดี..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง