ตายจาก พราก..เป็นธรรมดา

ตายจาก พราก..เป็นธรรมดา

380
0
แบ่งปัน

***** ตายจาก พราก..เป็นธรรมดา *****

ขอสาธุคุณยามเช้าให้มีแต่ความสุขความเจริญ

สมัยหนึ่ง..เมื่อเราพูดถึงเรื่องการตาย ว่าเราจะต้องตาย หลายคนมักจะทนฟังไม่ได้ ดูว่าเป็นลางร้ายสำหรับผู้พูด ห้ามพูดสิ่งเหล่านี้ คนไทยนี่ รับกันไม่ได้

จริงๆแล้ว ความตายนี่มันเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่สำคัญทุกคนต้องเผชิญมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไรกับมันดี ในเมื่อเราจำต้องเผชิญกับมัน

ความตายนั้น เป็นการพรากจากที่สูญสิ้นทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าของผู้ตาย และอีกฝ่ายที่เป็นสมบัติของผู้ตาย

บางสิ่งจากและขาดหายไปจากชีวิตเรา แต่เราก็ยังแสวงหาใหม่ได้ เพราะเรายังไม่ตาย
เราจึงไม่ค่อยอะไรกับสิ่งที่มันยังไม่ถึงทิฏฐิ

แต่หากเมื่อถึงคราวเจ้าของต้องตายทุกสิ่งทุกอย่างในอัตภาพ ย่อมจบลง

สำคัญก่อนจะตายและกำลังจะตาย สิ่งเลวร้ายทั้งร้ายมันจะประดังเข้ามา จนเจ้าของทุรนทุราย มันจะหวงแหนสิ่งรอบกาย โดยไม่รู้และวางไม่ได้ว่า

สิ่งที่แสวงหามาและหวงแหนเฝ้ารักษาด้วยความยากเข็ญ มันเป็นเพียงแค่ขยะที่เจ้าของทิ้งขว้างอย่างไม่มีใจแลเห็นความสำคัญใดๆเลย

ข้ามีเต่าอยู่ตัวหนึ่ง..เป็นเต่ายักษ์ ซูคาต้า มันเป็นเต่าใหญ่ เป็นที่แปลกใจและตื่นเต้นของทุกคนที่ได้พบเจอ วันนี้มันได้ตายจากไป

ตายจากไปด้วยการวินิจฉัยที่อ่อนหัดของหมอสัตว์เกษตรกำแพงแสน มันจากไปด้วยความอ่อนหัดนี่ น่าสงสารชีวิตมัน มันช่างน่ากระทืบหมอ

ข้านำมาชำแหละ เพื่อหาเหตุการณ์ตายของมัน จึงเห็นชัดว่าหมอนี่มั่ว เก่งแต่เพียงทฤษฏี วิเคราะห์ตามตำรา และเจ้าเต่าตัวใหญ่ยักษ์มันก็ตาย เรื่องเหตุนั้นเราพักไว้

แต่สิ่งที่ได้จากการชำแหละนี่ซิ มันมีคุณค่าต่อใจที่มองเห็นความจริงอันเป็นสัจธรรม

เต่าตัวหนึ่ง ครั้งหนึ่ง มันเดิน มันกิน มันกระดุกกระดิก มันมีอารมณ์ พอใจไม่พอใจ มีความเจ็บ มีความปวด มีความสุข เดินได้ กิน ขี้ ปี้ ได้

เมื่อความตายมาเยือนมันเป็นแค่ซากที่สงบอยู่นิ่งๆ

อะไรที่มันบงการให้มันเคลื่อนไหวอะไรที่มันพรากสิ่งเหล่านั้นไปจากซากนี้ไป

อะไร ที่มันมีอารมณ์ ยามไม่ได้ดั่งใจ และยามได้ดั่งใจ

มันยังมีเต่าตัวอื่น ที่มันเดินเข้ามาหา มันมีชีวิต

อะไรที่ทำให้มันเดินเข้ามาหา อะไรที่ทำให้มันมีชีวิต

อะไรที่ทำให้มันพอใจ ยามลูบไล้คอของมัน

อะไรที่ทำให้มันร่าเริงยามเล่นกับผู้คน

และเจ้าตัวที่นิ่งสงบเป็นแค่ซากวัตถุชิ้นหนึ่ง สิ่งที่บังคับซากนี้ มันไปไหน ทำไมมันจึงหายไป ทำไมมันจึงรู้สึกไม่ได้

แน่นอน…สิ่งเหล่านี้ย่อมมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เจ้าซากเต่าตัวนี้ มันเคลื่อนไหวได้ และสิ่งนั้น..คืออะไร

ข้าชำแหละด้วยมือข้าเอง เจตนาเพื่อหาสาเหตุการตายของเต่า

แต่ขณะชำแหละไป ใจมันไม่ได้เพ่งไปที่การตายสักเท่าไหร่ มันมีแต่กองวิปัสสนาญาณเกิดกำเนิดขึ้นภายในซากที่ไร้ความหมายนี้

มันไม่มีอะไรให้เป็นที่น่ายืนยันได้เลยว่า ครั้งหนึ่ง มันมีชีวิต ที่มีอารมณ์ หวงแหนตัวตน ขับเคลื่อนกระดุกกระดิกได้

มันเป็นดุจวัตถุชิ้นหนึ่ง ที่หมดถ่านหมดการขับเคลื่อน และไร้ความหมาย ข้างในมันก็ไม่มีอะไร มันเป็นแค่เครื่องใน ที่เรียกว่า ตับ ปอด ลำไส้ ที่ตรึงด้วยพังผืดยึดติดกันไว้

ความรู้สึกที่เจ็บปวดมันหายไปไหน ยามข้าเอามีดกรีดลงไปตามขอบกระดองของมัน ทำไม มันไม่ดิ้นหนี ทำไมมันไม่เจ็บปวด

เจ้าตัวกวนตีนเอาแต่ใจและชอบเบ่นชอบดันกับใครๆ พลังเหล่านั้นมันหายไปไหน ความน่ารักน่าใคร่น่าสนุกของมัน หายไปไหน

ซากชิ้นหนึ่ง เมื่อนำมาวินิจฉัยมันไม่มีอะไรที่น่าอภิรมย์ใจเลย

ข้างในมีแต่ของเน่าเหม็น ที่หมกค้างและสกปรก กลิ่นเลือดเนื้อคาวคลุ้ง ขี้เป็นก้อนๆ และเศษอาหารที่หมักหมมคาในลำไส้ มันกินทางปาก และทยอยผ่านไปหมกเป็นระยะๆก่อนขับทิ้งถ่ายทิ้งออกไป

ในตัวเต่าไม่มีอะไร ที่น่าพิศมัย น่าเจริญตาเจริญใจ เพราะเหตุแห่งเรารักมัน

คนเราก็เหมือนกัน ข้างในก็ไม่แตกต่างจากข้างในของเจ้าเต่า

ตอนยังไม่ตาย ยังไม่พราก ยังกระดุกกระดิกได้ มันช่างน่ารักใคร่ น่ามอง น่าสวมกอด น่าหวงแหน

แต่มองลงไปข้างในเหอะ มันมีแต่หนังสวยๆที่สมมุติกัน มันห่อหุ้มเนื้อหนัง และส้วมกองโต ที่แสนเน่าเหม็นไว้ภายใน

ยามกระดุกกระดิกได้ มันก็แสนน่ารักใคร่ น่าใกล้ชิด น่ากอดไว้ด้วยความหวงแหน

วันใดที่ไอ้ตัวบังคับให้กระดุกกระดิกได้ มันสลายหายไป วันนั้น เจ้าของที่น่าหวงแหน มันจะปรากฏความจริงเหมือนเจ้าเต่า ที่ข้างในมีแต่สิ่งเน่าๆ ร่างกายแข็งทื่อ ซีดเซียว ไม่เปล่งปลั่ง น่ารักน่าใคร่อีกต่อไป

และความพรากจากอันยิ่งใหญ่ มันจะเป็นไฟเข้ามาเป็นฟืนกองใหญ่ เผาผลาญใจเรา

เราหวงนักกับกายเรานี้ เรารู้ไหม กายข้างๆที่แสนน่ารัก เราก็หวงแหน เคยถามใจเราไหม ว่าเราหวงแหนอะไร

หวงแหนกายที่มันน่ารักน่าใคร่หรือหวงแหนวิญญาณที่มันทำให้กายนี้มันกระดุกกระดิกได้

และพึงหาคำตอบ ตอบใจเราให้ชัดว่ากายนี้ ที่คิดว่าเป็นเรา อันเป็นที่น่าหวงแหน หรือตัวที่มันบังคับกายนี้ ที่มันน่าหวงแหน

เราหวงแหนอะไร..??

เราหวงแหนในสิ่งที่เรามองไม่เห็น และรู้สึกว่า นี่มันเป็นเรา หรือเราหวงแหนในสิ่งที่เรามองเห็นว่านี่เป็นตัวของเรา และอะไรๆก็เป็นของเรา

ทำไมเราจึงหลงในท่าทาง รูปร่างทรวดทรง ที่กายมันแสดง

เราหลงกาย หรือเราหลงไอ้ตัวบังคับกายให้แสดง เราหลงอะไร
ในเมื่อกาย ก็เป็นแค่วัตถุที่มันเน่าเหม็น มันเป็นดุจส้วมเน่าเคลื่อนที่ ไอ้ตัวที่มันบังคับเจ้าส้วมกองนี้

เราก็มองมันไม่เห็น แล้วเรากำลังไปหลงกับอะไร หาความเป็นจริงข้อนี้ให้เจอ

บางที การเจอด้วยกำลังปัญญาของตนเองมันก็จะเข้าใจ และยอมรับได้ กับการพลัดพราก

เพราะจริงๆแล้ว ไม่มีใครพราก ที่รู้สึกว่าพรากเป็นเพราะเจ้าของ
แยกไม่ได้เอง ว่าเรามันหลงใหลได้ปลื้มกับอะไร

ตรงนี้..ที่เราเข้าไปมองไม่เห็น เมื่อมองไม่เห็น มันก็ขาดการสอดส่องต่อความเป็นจริง

หากเจ้าของพอมีปัญญา มันจะสอดส่องมองเห็นว่า… มันไม่มีอะไรที่ต้องจาก มันไม่มีอะไรที่ต้องพราก มันไม่มีอะไรที่เป็นเจ้าของอะไร

สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนดำเนินไป ด้วยความเป็นธรรมดาของมัน
เช่นนั้นเอง

มีแต่เราอันเป็นอาการหนึ่งแห่งการปรุงแต่งนี่แหละ ที่ชอบเข้าไปเสือกกับมัน

และการเสือกนี้ มันทำให้อะไรบางอย่างที่ทึกทักว่า เป็นเรามัน
แสนจะเจ็บปวด

เมื่อโดนพรากจาก เมื่อมันไม่ได้ดั่งใจ มันไม่รู้ได้ว่า
การตายสำหรับคนที่มองเห็นธรรมชาติแจ้งได้ มันไม่มี….!!

เช้านี้คุยมายาวเหยียด ขอสวัสดีจ้า พอดีมีกิจธุระขอสาธุคุณ

วันที่ 2 ธันวาคม 2558 โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง