เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 9

เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 9

552
0
แบ่งปัน

***** ” เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 9 “*****

เรื่องราวในเทวสถานของมหันต์นี่ มันมีมากมายมหาศาล เล่ากันไม่จบหรอก

พวกเราหลายคน มีท่าทีผิดปกติทางจิต อึดอัด และแน่นหน้าอก หายใจลำบาก นี่เป็นอำนาจวิญญานที่นั่น

เรื่องเหล่าวิญญานนี่พักเอาไว้ก่อน เขามาขอร้องข้าหลายอย่าง แต่ข้าไม่รับปากซักอย่าง เรื่องของใครเรื่องของมันเหอะเว้ย

พวกนักบวชของเขา ตอนเราเข้าไปน่ะ ดูเหมือนไม่มีใครเลย แต่จริงๆแล้ว พวกเคร่งนี่ เขาฝังตัวเอง อยู่ในห้องทึบของเขา

ชนพวกนี้เคร่งมาก ทั้งวันจะนั่งจมกับสมาธิอยู่อย่างนั้น หรือไม่ก็นั่งภาวนา เอาแกลบสาดไฟ เพื่อบูชา

เขาอยู่บำเพ็ญกายเช่นนั้น เป็นปีๆ นี่ถ้าอยู่บ้านเรา ก็เจ๋งโคตร คนขึ้นเพียบ

เพราะบ้านเรา คนทำความเพียรมันน้อย ใครทำอะไรแปลกๆหน่อย มันก็จะดัง คนเฮกันนับถือ

หากเรามองตามความเป็นจริงจะเห็นว่า การทำสมาธิ ที่พวกเราบ้าคลั่งทำๆกัน แถมทำกันเพื่ออวด ตัวตนกัน แข่งขันกัน อวดกัน

ที่อินเดียนี่ การนั่งข้ามวันข้ามเดือน ข้ามปี เป็นเรื่องปกติของบางคนไปเลย

นี่..ความเพียรเขาสูงกว่าเรา แต่ก็ใช่ว่า จะทำให้เขาเกิดปัญญาอะไร พวกเขาทำไปด้วยความงมงายเช่นเดิม

อย่างของพวกเรานี่ มักจะให้นั่งสมาธิ ถึงจะเรียกว่า เป็นการปฏิบัติ นั่งนิดนั่งหน่อย เข้าใจว่านี่ เป็นการปฏิบัติอันสูงค่าแล้ว

พระบางรูปบอกว่า เขานั่งสมาธิทุกวัน แต่การกระทำและความคิดแห่งปัญญา ไม่เห็นจะมี เอาการนั่งที่ตนมี ไว้อวดตนว่าเป็นคนที่เคร่งปฏิบัติ

นี่..นั่งเพราะเขาว่ามา และนั่งเพื่อโชว์ให้คนเห็นว่า ตัวเองนั้นปฏิบัติ นี่…เพราะรู้มาอย่างนั้น ปัญญามีเท่านั้น

ต่างจากที่อินเดียนี่ เขานั่งแช่เป็นวันๆ ทำกันจริงๆ ทำกันเป็นอาชีพ แต่ก็ไม่เห็นว่า เขาจะเกิดอภิริหาริย์อะไร หรือมีวาทะปัญญา ชี้ทางออกให้ตนเองและใคร คนไหนได้

ตอนเย็นๆจวนมืดๆนั่นแหละ นักพรตของเขาจึงจะทยอยออกจากห้องออกมาเพื่อสวดมนต์ ทำวัตรเย็นกัน

บางคนไม่ออกจากห้องมาเลยเป็นปีๆก็มี กินอาหาร เพียง สองวันครั้ง จากผู้นำเอาอาหารไปส่งให้เท่านั้น

เขาอยู่ของเขาได้ และเขาฝึกความเพียรไว้ เพื่อขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไปของที่นี่

เราเดินออกจากเทวสถานไป หลังจากได้ยืนเทศน์และถ่ายรูปร่วมกันมากมาย

ที่จริงสถานที่นี่ เป็นที่หวงห้าม ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าไปรับรู้และพบเห็น

แต่ผู้ดูแลมันโดนผีเข้า และเป็นผีญาติๆข้าด้วย พวกเขาจึงพากันเปิดห้องที่ปิดมานานแสนนาน ของท่าน มหันต์ต่างๆ ให้พวกเราได้เข้าไปชม

จู่ๆก็กวักมือเรียกหย๋อยๆ ทางนี้ๆๆๆ นั่นแหละ ผีมันเรียกให้พวกเราไปดู ห้องทำพิธีต่างๆ ผีมันอยากให้ข้าได้เข้าไปโมทนา

เพราะในอดีต ข้าเองก็เคยเป็น ท่านมหันต์ เจ้าสำนักของที่นี่เหมือนกัน ผีเขาจำได้ แต่ข้าน่ะ จำไม่ได้ ผีว่าไงก็ว่างั้น

เราเดินออกมาจากเทวสถาน ไปอีกฟากหนึ่ง

ที่นั้นเป็นวัดของพม่า ซึ่งเขาสร้างไว้ใหญ่โต วัดนั้น ชาวพม่าก็มาขอที่จากมหันต์ที่นี่ สร้างขึ้นมาเช่นกัน

แต่ภายหลังเกิดมีปัญหากัน วัดจึงถูกปล่อยให้รกร้าง แต่ภายใน ก็มีคนอินเดียเข้าไปอยู่อาศัยหลายครอบครัวเช่นกัน

เขาถือว่า ที่นี่ แม้จะเป็นวัดชาวพุทธ แต่ทั้งหมดนี่ มันก็เป็นพื้นที่ของทางมหันต์เขา

ในวัดนั้น มีผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ไก๊ดบอกว่า เป็นที่นับถือของเหล่าพวกนับถือเทพที่เทวสถาน

มีอายุ 120 ปี หนวดเครายาวรุงรัง ไก๊ดเชิญข้าเข้าไปพบเจอ

ข้าเดินเข้าไป กล่าวนอบน้อมและยิ้มสัมพันธไมตรี

แต่ท่านผู้เฒ่าแกเดินเข้ามาและโวยวาย ข้าถามไก๊ดว่าเขาพูดว่าอะไร

ไก๊ดก็ส่ายหน้า บอกว่าฟังไม่ถูกเหมือนกัน มันเป็นภาษาอินเดียโบราณ

ข้าจึงถามผี ผีบอกว่า ตาเฒ่าแกเข้ามาไล่ข้า ที่ฝ่าเดินเข้าไปในห้องนอนของแก

อ้าว..ไอ้ห่า ก็ไก๊ดมันบอกให้ข้าเข้ามาทำความรู้จักผู้เฒ่านี่

ท่านผู้เฒ่าเข้ามาโวยวาย และเล่าเรื่องราวของเขาให้ข้าฟังว่า

เขาเป็นเจ้าสำนักนะ ทุกคนต้องเคารพเขา และนี่แก หมายถึงข้า เป็นนักบวชต่ำว่าพวกจัณฑาน เข้ามาเหยียบที่นี่ทำไม

รู้ไหม ที่นี่ใครใหญ่ ทุกคนต้องเคารพต้องนับถือเขา เขาอยู่มานานกว่าใคร

เขาจะแช่งให้ทุกคนลงนรกให้หมด นี่..ไม่รู้จักข้าซะแล้ว เดี๋ยวข้าจะแสดงอภินิหาร การขัดหม้อดำให้ขาวขึ้นมา ให้พวกแกดู

ไอ้พวกโง่งี่เง่า ไม่รู้จักอะไร ออกมาซิ ตามมาดู

นี่ข้าแปลมั่วไปเรื่อยน่ะ เพราะท่าทางแกไม่เป็นมิตร แต่ดูแล้ว ไม่น่าจะเกินร้อย อาจอยู่ราวๆ แปดเก้าสิบปี

กระโปกยานเป็นใส้เลื่อน ไข่แกบวมเบ่อเร่อ สาวๆหมู่เรา หน้าแดงจ้องกระโปกผู้เฒ่า ที่ตุงออกมานอกผ้าถุงที่แกนุ่งอย่างไม่กระพริบตา

อืม..แกคงภูมิใจ ที่กระโปกแกใหญ่ ตามอายุยาวนานของแก

ท่านผู้เฒ่า เดิน ตึงๆๆๆๆ ลงไปอย่างไม่กลัวกระโปกช้ำ แกไปที่บ่อน้ำบาดาล

แล้วแกก็เอาโคลนขึ้นมาจัดหม้อเหล็กขาวของแก แกถูๆๆๆ และชูให้เห็น ว่านี่ เห็นไหม พอเอาน้ำล้างโคลนออก

หม้อที่แกถู ก็ขาววับขึ้นมา ไม่ต้องใช้ซันไลน์ให้เสียตังค์ นี่..แกเก่งใหม

ทุกคนเฮลั่น ที่แกชูหม้อขาว แต่สายตาสาวๆทุกคนมองไปใต้หว่างขาแก เพราะพอออกมาโดนแสง ผ้าบางๆมันก็กั้นกระโปกยักษ์แกไม่อยู่

ทุกคนจึงจู้ฮุกกรู๊ วี๊ดวิ่วเจี๊ยวจ๊าวกันยกใหญ่ ผู้เฒ่าแกขอบใจที่แกเก่ง แกจะแสดงมนต์กลอย่างอื่นอีก

นี่ถ้าแกถกถุงผ้านุ่งแกออกมาก็หมดเรื่อง สาวๆกลุ่มข้า มันจะได้หายบ้าสงสัยกัน ไม่ต้องต่างพากัน ทำหน้าแบบหมาสงสัยโปก

เราจากท่านผู้เฒ่ากระโปกยานออกมา และเดินไปตามทางออก

ตรงทางออกที่เป็นประตูนั้น จะมีลวดลายแกะสลักหิน อันเป็นของเก่า

นี่ถ้าเป็นเมืองไทยก็เสร็จ เพราะเป็นการแกะพระพุทธองค์เล็กๆ ขนาดนิ้วก้อย เรียงกันเป็นตรับทีเดียว พวกต้องเซาะเอาไปขายกันตรึม

ไก๊ดบอกว่า มันเป็นของเก่าเป็นร้อยๆปีก่อนเขาเกิด และยุคหลัง เอาปูนไปฉาบทับปิดไว้

แต่ตอนนี้ปูนมันร่อนกระเทาะออก และหล่นลงมา พวกเราจึงเห็นลวดลายทางศาสนาพุทธ ที่โดนทิ้งขว้างไม่เอาใจใส่

ไม่สนใจ ไม่ควรค่าแก่พวกเขาทั้งหลาย ทีไม่เห็นคุณค่าในความเป็นพุทธ

แหมมม..!! มันน่าเสียดาย มันน่าจ้างพวกชาวบ้านเลาะออกมา แล้วนำกลับมาไว้ยังพุทธสถาน เกาะกลางน้ำบุญญพลังจัง

มันน่าเสียดายศิลปะ ที่โดนทอดทิ้ง และที่อินเดีย ศิลปทางพุทธ ที่โดนทอดทิ้ง มีมากมาย หลายที่และมหาศาล

นี่..เพราะพวกเขาเป็นฮินดู ไม่ได้นับถือพุทธ เจ้าของผู้ดูแลพุทธคยา ก็เป็นฮินดู ผู้ดูแลสถานที่สำคัญๆทางพุทธ ก็เป็นฮินดู

เขาดูแลเพราะเขาได้ตังค์ และที่อินเดีย แต่ละรัฐ เขาดูแลปกครองท้องถิ่นของเขากันเอง เขาเก็บเงินกันเอง ในการดูแลท้องถิ่นของพวกเขา

เราชาวพุทธกลุ่มแรก ที่ได้เข้าไปรับรู้และรับชม ในเทวสถานของพวกเขา ภาพสลักพระพุทธเจ้ายุคเก่าๆ ก็อยู่ในเทวสถานของเขา

เราได้แต่เฝ้าดู ด้วยความหวงแหน แต่ยังไง ที่นี่คือบ้านเขา และเป็นของเขา

เรามันเป็นผู้แค่มาเยือน และแม้แต่ศาสนาพุทธ ก็เป็นบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่ใช่ของเรา

เราอย่าได้เสือกไปเป็นเจ้าของเพื่อครอบงำของๆเขา เพื่อเอามาเป็นของๆเราเลย

ขอกราบพระพุทธรูปทุกๆองค์ที่นั้น ขอให้มีซักวัน ที่มีชาวพุทธของเขา เห็นคุณค่า และเก็บเอามาไว้ ยังพุทธสถานชาวพุทธเรา

แต่คงยากที่พุทธเรา จะได้เข้าไปเป็นเจ้าของในทรัพย์สินของเขา

กลุ่มเรา เพียงแค่ได้เห็นนี่ ก็ถือเป็นกุศลหลายๆแล้ว…!!

1 กุมภาพันธ์ 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง