ว่ากันถึงเรื่องจีวร

ว่ากันถึงเรื่องจีวร

593
0
แบ่งปัน

**** ” ว่ากันถึงเรื่องจีวร ” ****

เรื่องจีวรนี้ คนส่วนใหญ่ยุคนี้คงไม่ค่อยจะเข้าใจ และส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น

จึงมองว่า ข้านี่ห่มจีวรแปลกแหวกออกไป

ซึ่งก็ขี้เกียจอธิบาย ต่อความคิดเห็นแห่งความคิดต่อคนทั้งหลาย

แต่ข้าก็ภูมิใจ ที่ได้รักษาไว้ ซึ่งจีวรบังสุกุล อันเป็นธุดงค์อย่างหนึ่งที่หายสาบสูญไป

จีวรผืนนี้ ครั้งหนึ่ง ตอนอยู่ป่า

มันชื้นซะจนเห็ดขึ้น มันไม่เคยแห้งเลย

มันชื้นแบบหมาดๆ จับแรงๆ ขาดดังแหวกกกๆเลยเชียว

เหม็นก็เหม็น แต่ตอนห่มน่ะไม่เหม็นหรอก ข้าไม่รู้สึกอะไรกับมัน

มันชิน …

สังเกตตอนออกจากป่ามาบิณฑบาตร คนใส่บาตรมันทำหน้าและจมูกฮึดๆ

พอแห้งก็นำมาปะทับๆๆ ที่สุดก็มีความหนา

อยู่ป่านี่มันวิเวก ไม่ใช่ไปท่องป่ากันเยอะๆกันอย่างที่เขาเข้าใจกัน การเข้าป่าธุดงค์นี่ มันไปลดกิเลส ไปตาย ไปอด ไปดูใจเจ้าของที่เสวยเหตุปัจจัย

มันได้ทบทวนและเห็นใจตนเองชัด มันไม่เนื่องด้วยผู้คน แต่ถ้าเข้าไปอวดคนอื่นนี่ ไม่ค่อยได้อะไร ไปถ่ายรูปมาหากินกับญาติโยมมากกว่า

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปอยู่ป่าลึกๆ

มันอยู่จนเข้าใจของมันแล้ว มันก็เลยไม่ต้องไปแสวงหาอะไรให้มันมากมายนัก

แค่อยู่เป็นเพื่อนน้องๆ หลาน และแนะนำกันไปตามภูมิที่ได้สัมผัส

แค่นี้ก็พอเป็นอยู่ตามอัตภาพได้แล้ว

ส่วนผู้ที่มาทีหลัง ก็อาจสงสัยกันต่อไป

แต่ไม่เป็นไร…!!!

ไม่มีใครเข้าใจก็เป็นเรื่องของพวกเขา ใจข้านี่ ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของใครเท่าไหร่

แต่การครองบังสุกุลจีวรนี่ มันยิ่งใหญ่มากเมื่ออยู่ในประเทศอินเดีย

พวกเขาให้ความนอบน้อมต่อผู้ครองจีวร อย่างสนิทใจทีเดียว

เขาดูว่า นี่เป็นนักพรตที่เขาเดินตามรอยได้

นี่…แค่เครื่องนุ่งห่มยังประกาศศักดาบรรลือออกมาได้

หากเขาได้รับธรรมที่ขยาย พุทธศาสนาจะหวลกลับมาสู่อินเดีย

ชาวอินเดียนี่ เขาพร้อมจะรับธรรมและเดินตาม ผู้มีปัญญา เพียงแต่จะหาผู้มีปัญญาขึ้นมาซักคนมันยากเย็นแสนเข็นนัก

อีกคำถามหนึ่งที่มักจะสงสัยกันอยู่เสมอ

ว่าทำไมพระอาจารย์จึงเปลือยไหล่และไม่ใส่รองเท้า

แม้ไปเยือนอินเดีย หรือทำเท่ห์ว่าไม่รู้สึกหนาว

ขอบอกว่าหนาวและเจ็บเท้า

แต่เป็นความภูมิใจ ที่ได้เดินตามรอยแห่งพระพุทธชินสีห์

องค์ท่านก็ไม่ใส่รองเท้า และเอาจีวรคลุมไหล่ เพื่อให้มันอุ่นเหมือนกัน

องค์ท่านไม่ใส่หมวก ไม่ใส่ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว เวลาหนาว

ท่านมีแต่จีวรผืนเดียว หากทนไม่ได้ก็ห่มซ้อนด้วยสังฆฏิ

เรามันกุลบุตรผู้เดินตาม

พ่ออยู่ได้อย่างไร เราก็เจริญรอยตามไปเช่นนั้น

และมันก็ทนได้ ไม่ใช่ว่าจะร้ายแรงอะไร

เพียงแต่ผู้ตามส่วนใหญ่ เขาไม่ทำกัน มันก็เท่านั้นเอง

การครองบัสุกุลจีวร ถ้าคิดว่ามันดีกว่าพระอื่น นี่…มันก็เลว

การฉันท์มื้อเดียว ถ้าคิดว่ามันดีกว่าคนอื่นที่กินหลายมื้อ นี่…มันก็เลว

ไม่สวมรองเท้า ถ้าคิดว่ามันดีกว่าคนที่สวม นี่…มันก็เลว

การทำตัวเคร่งจัด ตำหนิคนที่เขาไม่สำรวม นี่…มันก็เลว

จะดำเนินอย่างไร ก็ทำกันไปเถิด อย่าเอาความดีที่ตนยึดไปฟาดฟันใครเขาก็พอ

ตนดีกว่าผู้อื่น นี่…เลว

ตนเสมอกับผู้อื่น นี่…ก็เลว

ตนด้อยกว่าผู้อื่น นี่…ก็เลว

หากยังเอาตนไปเทียบกับผู้อื่นอยู่ร่ำไปละก็

พึงสังวรณ์ใจไว้เถิด ว่าใจเจ้าของนั้นยังเลว…

วันที่ 26 มกราคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง