เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 5

เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 5

526
0
แบ่งปัน

” เหยียบ..อินตะระเดีย ท่อน 5 “

เราเดินทางออกจากมหาเจดีย์ราวสองทุ่มเศษ

น้องสองคนขอโกนหัวบวช ก็เลยไปเป็นกำลังใจให้น้องเขาที่ใต้ต้นโพธิ์

เราเดินเวียนวนกันออกมา เหล่าพระลามะและชาวธิเบต เขาอยากเข้ามาทำความรู้จัก อยากเป็นเพื่อน อยากมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน

นี่แหละๆ ผลแห่งการทำความเพียรที่เราได้สร้างกันขึ้นมา มันยิ่งใหญ่ครองใจผู้เฝ้าดู

อารักษ์เทวดาและรุกขเทวดา ที่พุทธคยาละที่สระมุจรินทร์ ได้ขอลูกแก้วที่ได้เข้าทำพิธีที่ใต้ต้นโพธิ์คยา

แต่ข้าไม่ได้ให้ ข้าได้แต่แผ่เมตตาจิตไป และบอกให้ท่านเหล่านั้นลงมาอารักษ์ขาลูกแก้วทุกลูก ที่ผ่านพิธี

เรากลับมาที่โรงแรมก็มานั่งเทศน์กันอีก บางคนก็โน่นเลย งึมงัมๆๆเอาของยัดลงปากด้วยความหิวโหย

ข้านี่ ไม่ได้กินอะไรมาเลย ทั้งวันนี่ไม่ได้กิน วันวานเดินทาง ก็ไม่ได้กิน ก่อนมาขึ้นเครื่อง ก็ไม่ได้กิน

ตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้กิน นี่..แต่มันก็ใช่ว่าจะหิวซักเท่าไหร่ ภิกษุนั้น กินง่ายอยู่ง่าย ไม่มีก็ไม่ต้องกิน

ถึงมี แต่ไม่ควรเราก็ไม่ควรกิน นี่..ความยิ่งใหญ่ในหัวใจ ที่ใครๆต่างก็สยบลงให้เมื่อเป็นคนจริง

ตอนเช้า เราไปที่พุทธคยากันอีกครั้ง เช้านี้ผู้คนมากันเยอะ เราไปห่มผ้าพระพุทธเมตตากัน

ที่ใต้ต้นโพธิ์ ข้าไปถึงก็เห็นพวกเรานั่งลงอยู่เนืองแน่น จึงแหวกคนเจ้าไปนั่งอยู่เบื้องหน้า

พอได้ที่ข้าก็แผ่เมตตาเข้ากรรมฐาน โดยปกติข้านี่เข้าสู่ความดับแห่งอายตนะได้ไว

ที่นั้นก็เช่นกัน ในขณะที่กำลังจะดับ หูมันก็แว่วๆเหมือนคนมันทะเลาะกัน และมันก็ทะเลาะกันบนหัวข้านี่แหละ

แต่ใจข้าก็ไม่ได้รำคาญต่อสิ่งใด ซักพักความจ้าแห่งใจก็สว่างขึ้น เหล่าพลังงานที่นั้น ท่านได้สาธุการ และยินดีกับหมู่พวกเราเอามากๆ

ที่จริงที่พุทธคยา ไม่ว่าจะเป็นผีแขก จีน ไทย ต่างก็มารุมกันอยู่ที่นั้น เพราะที่นั่นเป็นแดนมหากุศล

มีการแผ่เมตตาและถวายทานกันตลอดเวลา เหมือนเราหว่านอาหารให้ปลา ที่ไหนว่านอาการให้ปลา ที่ตรงนั้นเหล่าปลาหลากชนิดก็มาอยู่กันเนืองแน่น

ไม่ได้แยกว่า นี่พุทธ นี่คริส นี่อิสลาม อย่างผู้คนเขาแยกกัน เขามารออาหาร ที่ใดมีอาหาร เป็นธรรมดาที่เหล่าสรรพสัตว์ ก็ต้องไปแสวงหาในส่วนแบ่งของอาหาร

การสวดธรรมจักรฯ ด้วยความเพียร ถวายต่อพระพุทธชินสีห์ ด้วยเจตนาดี มันได้รับการสาธุคุณกระหึ่มไปทั้งสามโลก

ข้าได้ก้มลงกราบพระอรหันต์เจ้าทุกๆพระองค์ ที่มาให้พร สิ่งที่ท่านให้มาและทุกพระองค์กล่าวเสียงเดียวกันนั่นก็คือ มงคลๆๆๆๆ

การถวายผ้ากรัก พระพุทธชินสีห์รับรู้ การสวดธรรมจักร์ฯ พระองค์ก็รับรู้ การสร้างองค์พระพุทธะในแผ่นดินสยาม พระองค์เจ้าก็รับรู้

นี่เป็นมงคลๆๆๆ ที่เหล่าพระอริยเจ้าท่านได้มาอวยพร

ข้าไม่รับปากในเหล่ากุลบุตรูกหลานที่ท่านฝากฝัง ไม่รับปากในการเผยแพร่ธรรม ไม่รับปากว่า จะขออยู่ยืนยาวนานอีกหลายๆปี

ท่านก็แสนใจดี กล่าวเป็นกำลังใจว่า ให้เป็นไปตามเหตุและปัจจัย แค่ไหนแค่นั้น

ทุกคนย่อมมีเส้นทางตามวิบากของใจตนเอง ขอให้เดินทางของเราไป ตามแต่หัวใจปรารถนาเถิด เราเป็นผู้รับผลนั้น ด้วยตัวของเราเอง

เมื่อจิตถอนขึ้นมา ข้าก็อยากจะนั่งสงบต่อไปอีกซักพัก เพราะอากาศและธาตุขันธ์ มันสงบดีเหลือเกิน

เสียงถ่ายรูปดังขึ้นหลายฉับ พร้อมๆกับความวาบของไฟ ข้าลืมตาขึ้นมา มีพระลามะ พนมมือ ขอให้ข้านั่งนิ่งๆ ขอถ่ายภาพอีกหน่อย

ข้าพยักหน้า พวกเขาก็เลยพากันถ่ายซะหลายฉึ๊ก เมื่อถึงเวลาข้าก็ลุก

พวกเขาก็เข้ามาขอจบมือ และขอนอบน้อมสักการะ

ความว่า เขาเป็นนักศึกษาอยู่ที่นาลันทา ได้ยินมาว่า ข้านี่นำกลุ่มคนไทยสวดมนต์ยาวเป็นสิบชั่วโมง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนในที่นี่

พวกเขาทึ่งและอยากพบเจอมากๆ ทีแรกเขาไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มพวกเรา จึงได้เกิดการทะเลาะกันเพื่อแย่งที่

และพวกเราไปแย่งที่ของเขา เขาจึงไม่ยอม แต่เมื่อมาเห็นพระอาจารย์นั่งนิ่งสงบอยู่ จำได้ ว่าพระอาจารย์ห่มบังสุกุลจีวร ต้องใช่องค์นี้แน่ๆเลย

พระลามะท่านจึงยอมให้พระอาจารย์ ได้นั่งนิ่งสงบกันต่อไป โดยมีความปลาบปลื้มปิติอยู่ภายใน ที่ท่านได้เข้ามาใกล้ชิดองค์จริงๆ ที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า

พระลามะกล่าวว่า ในโลกนี้ คงมีแต่พระอาจารย์รูปเดียว ที่ใช้บังสุกุลจีวรด้วยเจตนา

เขาได้ติดตามทางเฟสบุ๊คและค้นหาตั้งแต่เมื่อวาน แม้อ่านข้อความไม่ได้ แต่ก็ได้เห็นรูปเห็นความยิ่งใหญ่

นี่..พวกเขาดีใจ ที่พระอาจารย์ได้มานั่งภาวนาจิต ก่อนที่พวกเขาจะกระทำพิธีกรรมกัน

นี่แสดงว่า ไอ้เสียงทะเลาะกันแว่วๆนี่ มาจากพระลามะนี่กับพวกไก๊ดเรานี่เอง

ทราบมาว่าเสียงดังมาก ทั้งๆที่มันก็ดังอยู่บนหัวข้านี่แหละ แต่ข้าได้ยินแว่วๆ

ความว่า พวกลามะเขากำลังกระทำพิธีใหญ่กัน เขาเอาข้าวสารมาซัดไล่ราคีเสนียดจัญไรที่ติดมากับผู้คนเรียบร้อยแล้ว

และเขาก็กันที่ไว้ให้เพื่อพระผู้ใหญ่ของเขามาทำพิธี พวกเขานั่งอยู่รอบๆเป็นจำนวนหมื่น

ขณะที่ไปยกขันทองคำยักษ์อะไรของเขาเข้ามา พอมาถึง พวกเราก็มานั่งในที่ของเขากันเต็มพรึบ

จะไม่ให้เขาเคืองได้ไง ที่นั่งก็พวกเขาปูไว้ ไอ้เราคงคิดว่าไก๊ดเรา เขาคงปูไว้ให้

พวกเราร้อยกว่าคน ก็เลยจัดกันซะ การทะเลาะด้วยความไม่ยอมกันมันก็เลยเกิด

แต่พอดี มองมาเห็นพระอาจารย์ครองจีวรบังสุกุล เขาบอกเขาจำได้ ต้องใช่องค์นี้แน่ๆ

เพราะเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ของพวกเขาอยู่ พอได้เห็นแล้วเขาขนหัวลุกซู่ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จึงอยากให้พระอาจารย์นั่งอย่างสงบนานๆ เขาแค่ขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกว่าได้มาอยู่ใกล้ๆผู้ทรงคุณ ในหัวใจของเขาก็พอ

นี่..เห็นไหมคุณแห่งการครองจีวรบังสุกุล และความเพียรในการสวดธรรมจักรของพี่น้องหมู่เหล่าพวกเรา

พระลามะที่ไม่สนใจพวกพระไทย เพราะถือว่าเป็นนิกายคับแคบ ยังให้ความนอบน้อมและยำเกรง…

27 มกราคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง