ของขลัง….

ของขลัง….

705
0
แบ่งปัน

14520414_1071702882926559_1403551203654581127_nมีคนถามข้ามาว่า รกแมวถือเป็นของอวิชชาไหมครับ

ข้าตอบว่า รกแมว ก็คือชิ้นส่วนหนึ่งของแมว ที่เกิดจากการคลอดลูกแมวแล้ว มันก็คือของที่จะต้องเหม็นเน่าเสื่อมสลาย ไม่ได้ให้โทษภัยหรือ คุณธรรมใหญ่หลวงให้แก่ใคร

ทั้งไม่ได้เป็นอวิชชา ของดี จัญไรอะไรกับใคร

มีแต่ใครๆ เท่านั้นที่ยัดเยียดยืนยัน ว่ารกแมวเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

อวิชชาเกิดจากความโง่ของคน อวิชชาไม่ได้เกิดจากรูปทรงที่เรียกกันว่า…รกแมว น่ะ… สมเกียรติ แก้วสุวรรณ

และเขาถามว่า จำเป็นไหมที่เราจะตั้งพระพุทธรูปหันไปทิศนั้นทิศนี้

ข้าตอบไปว่า หันไปตามเหตุปัจจัยที่ดูแล้วเข้ากับรูปลักษณ์ของห้องได้ก็พอ ทิศไหนก็เหมือนกัน บางท่านเชื่อว่า หันไปทางทิศเหนือแล้วจะร่ำรวย

หากหันไปทางทิศตะวันออก จะรุ่งเรือง อะไรพวกนี้ นี่เป็นสมมุติที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เชื่อว่า เท่านั้น

คนเราจะสุขจะทุกข์ ใช่อยู่ที่ทิศทางของการตั้ง หรือหันหน้าของพระพุทธรูป

แต่ทุกข์สุขทั้งหลาย เกิดจาก เหตุปัจจัยที่เราสร้างกระทำขึ้นมา ไม่ได้เกิดจากการดลบันดาลของใคร แม้แต่พระพุทธรูป ก็ดลบันดาลอะไรให้ไม่ได้

พระพุทธรูปเป็นเครื่องยืนยันที่ตั้งแห่งใจ เพื่อใจที่พร่องอยู่นี้ พอได้มีที่ยึดเหนี่ยวได้บ้าง มันก็แค่นั้นเอง สมเกียรติ..

มีคำถามมาอีกว่า…การท่องคาถาตามที่ตำราเขียนมา อย่างในพระไตรปิฏกเลยเนี่ย มันจะคลาดแคล้วภยันตรายจริงเหรอ..

ข้าตอบไปว่า มันเป็นความเชื่อ เอาคาถาเหล่านี้ มาเป็นที่ตั้งแห่งใจ ท่องน่ะท่องได้ แต่ไม่จริง คาถาเหล่านี้ เป็นคำบาลี เป็นนิทานบ้าง เป็นการอ้อนวอนบ้าง เป็นการสาธยายคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ้าง

หากได้แปลออกมา จะเห็นว่า ไม่เกี่ยวกับอะไรที่จะมาห้ามไม่ให้ เกิดภัยใดๆที่จะไม่เกิดได้ การเกิดเภทภัย หากมีเหตุปัจจัยให้เกิด มันก็เกิดของมันอย่างนั้น คาถาอะไรจะช่วยได้
นี่ว่ากันตามความจริง

แต่ที่ท่องๆกัน มันไม่รู้ความหมาย และคำแปล ใจมันเชื่อว่าช่วยได้ ถ้ารู้ความหมาย มันก็จะไม่เกิดความขลัง เมื่อความขลังไม่มี กำลังใจมันจะตั้งมั่นมันก็น้อย

ความไม่รู้นี้ เป็นความเชื่ออย่างหนึ่งว่า เมื่อทำแล้ว สิ่งเหล่านี้จะต้องช่วยเราได้ นี่ ความไม่รู้เป็นเหตุ มันทำให้จิตและกำลังใจ กล้าแข็งขึ้น นี่คุณของความไม่รู้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี

เพียงแต่เป็นความดีอย่างไสยะ ไม่ได้เป็นความดีอย่างพุทธะ เรียกว่ายึดหรืออุปาทาน นำเอาความไม่รู้มาเติมส่วนที่พร่องที่ขาด ให้ใจมันมีกำลังต้านขึ้นมา

คาถานี่ มันเป็นสมมุติอย่างหนึ่ง ไว้ท่องเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นสิ่งที่มีไว้เป็นเครื่องเกาะ ของคนที่ขาดปัญญา คนมีปัญญา แม้ไม่ท่องคาถา ก็ไม่เป็นไร เพราะมันมีปัญญามาหล่อเลี้ยงใจของมันอยู่แล้ว

ยันต์มหามนต์ที่สลักไว้ข้างๆรูปปั้นนางกวัก ที่ขลังนักขลังหนา เป็นภาษาอักขระขอมบาลี หากแปลออกมา จะได้ความว่า สวัสดีค่ะ มานี่ มานี่

นี่..ความหมายของมหายันต์ พอรู้ความหมาย ก็เลยอมยิ้มและขำกลิ้งในความโง่ของเจ้าตัว

ข้าเองนี่ จอมคาถาเลยก็ว่าได้ เรียนรู้มนต์มาหลายตัว ผีบอกมาก็มี คนบอกมาก็มี พญานาคบอกมาก็มี เทวดาบอกมาก็มี

เวลาต้องเผชิญ ใช้แล้วได้ผลก็มี ไม่ได้ผลก็มี ในบทเดียวกันนั่นแหละ เคยโดนกระทำ เรียกว่าโดนของก็เคย ข้าแก้ของข้าเอง

ได้ผลก็มี ไม่ได้ผลก็มี จึงรู้ว่า มันไม่ได้แน่นอนอะไรเลย และที่สำคัญ มันไม่เกี่ยวกับบทมนต์ ที่ได้ผลมันเกิดจากจิตที่มีกำลังใจ

เครื่องลางของขลังก็เช่นกัน ข้ามีเยอะ มีหลายขนาดที่เขาว่าขลังๆ อย่างงากำจัด ลงทั้งอักขระ ทั้งคาถากำกับ ทั้งผ่านครูบาอาจารย์ที่เข้มขลัง มีประวัติยาวนานตกทอดมาจากปลายอยุธยา

ข้านี่ เชื่อมั่นมาก รวมทั้งเขี้ยวเสือด้วย ไปไหนต้องพกพาไปด้วยละ เพราะผีมันสั่งไว้ ข้าเจอของข้าจริงๆ

เวลาเข้าป่าเข้าถ้ำข้ามีของเหล่านี้ วันหนึ่งข้าเดินฝ่าเข้าไปตรงที่มีรังแตน ด้วยความไม่รู้เพราะไม่เห็น แตนต่อยซะ…หัวปูด เจ็บชิ๊บหาย

แค่โดนแตนต่อย วิ่งกันน้ำบาน ยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะไปป้องกันภัยอะไรที่หนักๆได้ ทั้งเขี้ยวทั้งงา ทั้งช้องหมูป่า คตสัตว์แปลกๆ มันใส่ตีนหมาหนีแตนไปก่อนแล้ว มีแต่ข้าที่ร้อง อูยยยยๆๆๆๆๆ หัวปูดอยู่ด้วยความโง่

ที่จริงเจ้าของมันเอง ก็โดนยิงตีแปลงมาทั้งนั้น จึงเอาเขี้ยวเอาเล็บมันมา มันยังป้องกันชีวิตเจ้าของยังไม่ได้เลย แล้วเรายังบ้าเอาเศษๆมา เพื่อป้องกันตัวเรา นี่..กูโง่แท้ ปัญญามันเกิด

มันจะดียังไงมันก็มาจากของพวก เดรัจฉานทั้งนั้น เป็นคนแล้วยังหวังพึ่งเดรัจฉาน นี่..ใจก็เลยวาง

จากนั้น ยามเผชิญ ข้าก็เลยใช้การพิจารณา เอาปัญญาเข้ามาเป็นที่ตั้งแทน และก็รอดกลับมานั่งโม้ให้พวกเราฟังได้อยู่

พวกของขลัง พวกคาถา ใช่ว่าจะไม่ดี หรือใช่ว่า พอรู้งี้ จะไม่เอา ตราบใดใจเจ้าของยังไม่แกร่งพอ มีกำลังพอ ยังเป็นผู้ที่ต้องแสวงหาอยู่

ตราบนั้น สิ่งเหล่านี้ ก็ยังเป็นที่ยึดมั่น เป็นที่ตั้งแห่งใจ เพื่อความมั่นใจและช่วยให้ เรามีกำลังฝ่าฟันอุปสรรคใดๆได้ จึงจำเป็นต้องมีเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งใจเช่นกัน

เพราะเป็นธรรมชาติแห่งใจ ที่ต้องมีอะไรไว้ใช้ไว้ยึด หากไม่มีที่ยึด ความตั้งมั่นในใจ มันก็ไร้กำลังที่จะต้านอะไร ได้เช่นกัน

เกิดมาแล้ว ยังไงก็ต้องมีเครื่องยึด ตามธรรมชาติจิต เพียงแต่สิ่งที่จะยึด มันจะมาทางไหน หากยึดด้วยความไม่รู้ ก็มาทางไสยะ หากยึดด้วยปัญญา ก็มาทางพุทธะ

ทั้งไสยะและพุทธะ มันก็เกิดมาจากใจดวงเดียวกัน จึงเป็นธรรมดาที่ต้องมีไปตามเหตุปัจจัย..

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง