ผู้มีปัญญาย่อมตรึกตามความเป็นจริง

ผู้มีปัญญาย่อมตรึกตามความเป็นจริง

309
0
แบ่งปัน

****** ผู้มีปัญญาย่อมตรึกตามความเป็นจริง *****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ ในเช้าแห่งวันฝนพรำ

คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นและมักจะทึกทักเอา

ชนที่มีสติอ่อนเช่นนี้ ย่อมตกเป็นเหยื่อพ่อค้าคนกลาง

พวกค้าพวกนี้ ค้าขายความเชื่อของเหยื่อที่งมงาย

เรา..งมงายนัก ก็มักตกเป็นเหยื่อของพ่อค้าคนกลาง ระหว่างโลกวิญญานกับโลกมนุษย์

บางพวก ยึดตำรา กอดตำรา ทึกทักเอาตำรา ว่าเป็นของจริง

ใครผิดไปจากตำราที่ตนยึด เป็นพวกนอกคอก เป็นผู้ผิดไปจากความจริง

นี่..พวกหลงเอาอัตตาสมมุติที่อาศัยตำราเป็นเหตุ

นี่ก็โง่อย่างหนึ่ง

บางพวก ยึดครูบาอาจารย์ ทึกทักเอาคำครูบาอาจารย์ว่าเป็นของจริง

ผิดไปจากครูบาอาจารย์แสดง เป็นพวกนอกคอก เป็นผู้ผิดไปจากความจริง

เป็นพวก อกตัญญู ไมรู้คุณคน เป็นพวกนอกคอก เป็นผู้เข้าหาหนทางเป็นจริงไม่เจอ

นี่..ก็โง่อย่างหนึ่ง ยึดครูบาอาจารย์เป็นสรณะ ตรึกตรองเหตุตรองผลไม่เป็น

ถ้าเป็นครูบาอาจารย์เฮงซวย หรือขาดปฏิภาณปัญญา มันก็หลงไปทั้งหัวทั้งหาง ที่ไม่แยกกลุ่มกัน

บางพวก ยึดพระพุทธเจ้า เอะอะอะไรก็พระพุทธเจ้า

เอาพระพุทธเจ้ามาเป็นข้ออ้าง

ไม่รู้จักว่าอะไรคือพระพุทธเจ้า

รู้แต่เขาเล่าว่า พระพุทธเจ้าท่านกล่าวมาอย่างนี้

ทั้งๆที่ไอ้คนกล่าวก็ฟังเขามา ลอกเขามา แปลเขามา

มันแค่เอาอัตตาเข้าไปยืนยัน ว่านี่เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า

นี่..ก็โง่ไปอีกแบบ และพาคนอื่นโง่ตามๆกันเป็นโขยงใหญ่ด้วย

อันว่าธรรมนั้น เราต้องยืนยันได้ด้วยใจตนเอง

ฟังไว้น่ะเป็นสิ่งดี

แต่อย่าเพิ่งไปปลงใจปักหลักเชื่อซะจนงมงาย

ปัญญาของคนเรามันไม่เท่ากัน

เราเอาเท่าที่ปัญญาเราพอสอดส่งมองเห็นได้

และยืนยันแก่ใจเราได้

เท่าที่กำลังปัญญาของเราจะพึงมี

นอกเหนือไปจากกำลังปัญญาของเรา

เอาแค่รับฟังไว้ก่อน

อย่าเพิ่งไปด่วนรีบร้อนสรุป

ธรรมทั้งหลาย

มันเป็นแค่หวานความรู้

เรายังไม่รู้ความหวานของมันจริงๆ

เราอย่าเพิ่งไปสรุปธรรม

ธรรมที่สรุปโดยเราหรือใครๆ

ธรรมทั้งหลาย ล้วนเป็นอัตตาธรรม

อะไรที่เป็นอัตตา

มันคือสมมุติ ที่แสดงขึ้นมา

อะไรที่สมมุติ

สิ่งนั้นไม่ใช่ของจริง..

เราเป็นชาวพุทธ

ขึ้นชื่อว่าชาวพุทธ

คือผู้ที่มีปัญญา

อย่าได้เป็นแค่ผู้มีปัญญา

เพราะทะเบียนบ้านมันตีตราว่าเป็นชาวพุทธ

คำว่าพุทธ คือปัญญา

เป็นศาสนาแห่งผู้มีปัญญา

ไม่ใช่เป็นศาสนาแห่งความงมงาย

การยึดนั้นยึดนี่เป็นความงมงาย

แม้แต่ยึดธรรมว่าถูกว่าใช่

นี่ก็เรียกว่างมงายอย่างสุดโต่งเช่นกัน

ตำราเป็นแค่ลายแทงบอกทาง

ไม่ใช่ตัวหนทางที่จะออกไปจากความเป็นจริง

ครูบาอาจารย์ท่านเป็นผู้ชี้

ไม่ใช่การชี้นั้นจะเป็นความจริง

ความจริงทั้งหลาย

เกิดจากใจเจ้าของที่ได้เข้าไปผัสสะแล้วเข้าใจ

แม้พระพุทธเจ้ามาชี้

แต่เรางมงายและมืดมัว

การชี้นั้น

คนมืดมัวย่อมมองไม่เห็นหนทาง

ชนทั้งหลาย

ที่เอาผู้ชี้หรือตำราเป็นสัจธรรม

ชนผู้นั้น ย่อมจมลงไปในกระแสแห่งความงมงาย

หากเราถอยออกมามองกันตามความเป็นจริง

เราจะเห็นถึงความงมงายของเจ้าสำนักต่างๆ

ที่ว่ากันไปโดยอุปาทานของเจ้าของตนเอง

และเข้าใจว่าสิ่งที่ตนคิด นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ผิด

ใครผิดไปจากที่ตนคิด

มันผู้นั้นผิดทั้งหมด

นี่..เจ้าสำนักที่งมงาย

และผู้ตามก็งมงายตามๆกันไปเป็นโขยง

ชาวพุทธนั้น

ดำเนินไปตามเส้นทางของปัญญา

ทุกคนต่างมีปัญญา ที่จะตรึกตรองและแสดงภูมิธรรมแห่งตนออกมาต่อชาวโลกได้

ธรรมทั้งหลาย

เป็นแค่เครื่องชี้ให้เจ้าของนี้ พอเข้าใจ

ไม่ใช่เป็นสรณะแห่งใจ ในนิยามแห่งสูตรสำเร็จ

เราผู้มีวิถีพุทธ พึงนำธรรมทั้งหลาย มาเคี้ยวมาบดก่อนสรุปตัดสินใจ

อย่าได้เชื่อเพราะ ผู้ชี้หัวหงอก และความแก่ชรา

อย่าได้เชื่อเพราะ ผู้ชี้ เป็นศิษย์พ่อแม่ครูบาอาจารย์

อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ ผู้ชี้ดูเป็นผู้แตกฉานธรรม

อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ ผู้ชี้อ้างคำจากตำรา

อย่าเพิ่งเชื่อเพราะ ผู้ชี้บอกว่านี่พระศาสดาพูด

เรา..พึงรับฟังด้วยใจที่เป็นกลาง

เรา…พึงมีปัญญาสดับ และสาวผลนั้นด้วยกำลังที่ประจักษ์ใจตนเอง

เรา..ยืนยันได้ด้วยใจแค่ไหนพึงพอใจแค่นั้น

เรา..ประจักษ์ชัดที่ใจ เราจึงจะพึงเชื่อ

และเชื่อด้วยความเข้าใจว่า

มันเป็นธรรมดาของมันเช่นนี้เอง..

อย่าได้ไปเชื่อ เพราะความงมงาย

และหลงอัตตาแห่งเรา

ว่าสิ่งที่เราเชื่อ เราเป็น มันเป็นความจริง

ความจริงทั้งหลายที่เราคิดว่าจริง

มันคือสมมุติแห่งอัตตาทั้งสิ้น

ผู้เข้าใจจริง

ย่อมวางและเข้าใจทั้ง อัตตาและอนัตตา

ว่ามันเป็นธรรมดาของมัน เช่นนั้นเอง

มีแต่ใจเจ้าของนี่แหละ ที่ไปชอบเสือกกับมัน…!!!

ขอสาธุคุณยามเช้า ยามฝนพรำ

ไปไหนไม่ได้ ก็มานั่งคุยกัน

ขอให้ทุกท่าน มีดวงตาเห็นธรรม

วันนี้..ขอสวัสดี

วันที่ 3 ตุลาคม 2558